ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 44 ทรยศได้อย่างไร้ยางอาย

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ตอนที่44 ทรยศได้อย่างไร้ยางอาย

NovelHall

ตอนที่44 ทรยศได้อย่างไร้ยางอาย

อีกไม่นานวันหยุดสุดสัปดาห์ก็มาถึงแล้ว จ้าวเฉียนยังคงต้องการให้พวกพนักงานแผนกพัฒนาตั้งใจทำงานล่วงเวลาต่อไป พยายามพัฒนาเกมให้เสร็จและส่งมอบแก่บริษัทซิงหยวนให้ทันภายในสิ้นเดือนหน้า

พวกพนักงานแผนกพัฒนาก็ยิ้มแย้มเบอกแค่ว่าไม่เป็นไรเพียงเปลือกนอก แต่ภายในใจพวกเขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้พวกเขาจะต้องการให้จ้าวเฉียนเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการก็จริง ทว่าที่เร่งงานพวกเขาแบบนี้หวังเพื่อทำให้ฟางนี่พอใจ?

อย่างไรก็ตามแต่ จ้าวเฉียนไม่สามารถควบคุมพวกเขาได้มากขนาดนั้น เขาเพียงต้องการให้เกมมือถือเกมนี้เปิดให้ผู้คนได้เล่นเป็นการด่วน และใช่ว่าเขาจะให้ทุกคนทำโดยไม่คิดค่าตอบแทนพิเศษ สิ้นปีรับประกันได้เลยว่าพวกเขาทุกคนจะได้เงินโบนัสเพิ่มขึ้นแน่นอน เป็นแบบนี้แล้วก็ไม่ควรบ่น

เพื่อสร้างกำลังใจให้แก่เพื่อนร่วมงานในแผนกพัฒนา จ้าวเฉียนเองก็ยอมเข้าทำงานล่วงเวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่อย่างน้อย พวกคนจากแผนกพัฒนาที่ได้เห็นว่า จ้าวเฉียนเองก็สละเวลามาร่วมกับพวกเขาเช่นกัน ก็ได้สร้างสมดุลทางจิตใจให้ไม่มากก็น้อย

ในเวลาเดียวกัน หวังเฉียงก็พาเจียงเสี่ยวปิงไปที่สำนักงานใหญ่บริษัทเฟยอวี่ แม้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่พนักงานของเฟยอวี่ก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่เข้าทำงาน

หวังเฉียงกล่าวกับพนักงานสาวแผนกต้อนรับว่า

“สวัสดีครับ ช่วยติดต่อหาคุณชายหยางหมิงให้หน่อยได้ไหมครับ ฝากบอกเขาทีว่า ศัตรูของจ้าวเฉียนต้องการพบเขา”

คล้อยหลังพูดจบ หวังเฉียงก็ยัดเงินกำหนึ่ง จำนวนหลายร้อยหยวนให้แก่พนักงานสาวแผนกต้อนรับนั่น

เมื่อเห็นดังนั้น พนักงานสาวแผนกต้อนรับก็รีบต่อสายตรงหาหยางหมิงทันที

“สวัสดีค่ะคุณชายหยาง พอดีมีแขกสองคนต้องการจะมาพบคุณ เห็นบอกว่า พวกเขาเป็นศัตรูของจ้าวเฉียน จะเอายังไงดีค่ะ?”

พอหยางหมิงได้ยินว่า เป็นศัตรูของจ้าวเฉียน เขาก็ตาลุกวาวในบัดดล

“พาเข้ามาเลย! เธอพาพวกเขามารอที่ห้องประชุม เดี๋ยวฉันจะรีบตามไป!”

หยางหมิงวางสายเสร็จ ก็รีบบึ่งรถมาที่สำนักงานใหญ่เฟยอวี่ทันที

ในไม่ช้า หวังเฉียง เจียงเสี่ยวปิง และหยางหมิง ทั้งสามก็ได้พบหน้ากัน

หวังเฉียงยื่นมือออกไปจับกับหยางหมิงพร้อมกล่าวทักทายอย่างสุภาพ

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณชายหยางหมิง ผมชื่อหวังเฉียง เป็นเพื่อนร่วมงานของจ้าวเฉียน”

หยางหมิงแสร้งทำเป็นมีมารยาทไม่ถือตัว และเข้าจับมือกับหวังเฉียง คล้อยหลังแนะนำตัวกันเสร็จพอหอมปากหอมคอ ก็เชิญให้หวังเฉียงกับเจียงเสี่ยวปิงนั่งลงก่อน

“อ้าว ในเมื่อคุณกับจ้าวเฉียนเป็นเพื่อนร่วมงานกัน แล้วทำไมสาวจากแผนกต้อนรับถึงบอกว่า พวกคุณเป็นศัตรูกัน?”

หวังเฉียงรีบอธิบายให้อีกฝ่ายฟังโดยเร็ว

“ผมกับมันเกลียดขี้หน้ากันแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ…”

หยางหมิงพยักหน้าพลางคิดว่าเรื่องนี้คงเล่ากันอีกยาว จึงเรียกให้สาวสวยแผนกต้อนรับไปรินน้ำมาสาวแก้ว จากนั้นก็เริ่มฟังหวังเฉียงร่ายอธิบายตั้งแต่เริ่มจนจบ

พอได้ฟังดังนั้น หยางหมิงก็ระเบิดหัวเราะขึ้นลั่นในทันใด

“ผมเข้าใจแล้ว ผมเข้าใจแล้ว จ้าวเฉียนเพิ่งกลายมาเป็นลูกรักของประธาน แถมยังแกล้งคุณทุกวิถีทาง ดังนั้นจึงต้องการแก้แค้น?”

หวังเฉียงพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม และตอบไปว่าต้องการเช่นนั้น หวังว่าคุณชายหยางจะช่วยเขาได้

ทว่าระหว่างนั้นเอง ดวงตาแสนหิวกระหายของหยางหมิงก็เหลือบมองเจียงเสี่ยวปิงเป็นระยะๆ ราวกับผู้มีประสบการณ์นักล่าสุดเจนจัด กำลังพิจารณาเหยื่ออันโอชะตรงหน้าอย่างละเอียด สาวงามมากเสน่ห์แบบนี้คงเป็นพวกใจง่าย ชนิดที่ว่าเขาสามารถใช้เงินตบหน้าได้

ในอีกด้านเจียงเสี่ยวปิงก็แสร้งทำเป็นห้วงเนื้อห้วงตัว แต่สายตาอันเร้าร้อนของเธอยังคงจับจ้องไปที่หยางหมิงไม่คลายอ่อนเลยเช่นกัน เสมือนกับว่าเธอกำลังเย้ายวนให้นักล่าตรงหน้ามาลองชิมเธอดู ส่วนหวังเฉินก็ใจจดใจจ่อกับเรื่องเล่าของเขา จนไม่ได้สนใจท่าทีของทั้งคู่เลยสักนิด ทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้าหวังเฉียง แต่พวกเขาก็แอบส่งสายตาให้กันและกัน

หวังเฉียนมาที่นี่มีจุดประสงค์เพื่อร่วมมือกับหยางหมิงเท่านั้น แต่ไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่า สายตาของทั้งสองหยาดเยิ้มไปถึงไหนต่อไหนแล้ว หลังจากที่เขาพูดจบ หยางหมิงก็เอ่ยตอบไปว่า

“ศัตรูของคุณก็คือศัตรูของผมเช่นกัน และผมจะสั่งสอนบทเรียนให้จ้าวเฉียนเอง ถึงแบบนั้น…พวกคุณช่วยผมหน่อยได้ไหม จ้าวเฉียนคนนี้ไม่ใช่คนเดียวกับ ‘พี่เฉียน’ ที่กำลังโด่งดังในโลกอินเตอร์เน็ตใช่ไหม?”

หวังเฉียงและเจียงเสี่ยวปิงต่างส่ายหัวตอบทันที และตอบหยางหมิงไปตามตรงว่า จ้าวเฉียนไม่ใช่พี่เฉียน มหาเศรษฐีที่กำลังโด่งดังในโลกอินเตอร์เน็ตตอนนี้แน่นอน พี่เฉียนคนนั้นบริจาคเงินให้นักเขียนนิยายได้เป็นหลายสิบล้าน แล้วจะใช่ไอ้ขอทานจ้าวเฉียนได้ยังไง?

หยางหมิงที่ได้ยินแบบนั้นก็เอะใจ เอ่ยถามขึ้นว่า

“จ้าวเฉียนจนเหรอ? พวกคุณแน่ใจใช่ไหมว่าเขาไม่มีเงิน?”

หวังเฉียงพยักหน้าตอบทันทีว่า

“เธอคนนี้คือแฟนสาวผมเอง เจียงเสี่ยวปิง เธอเพิ่งทิ้งจ้าวเฉียนไป ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้จักเขาดีไปกว่าเธอแล้ว”

เจียงเสี่ยวปิงหัวเราะคิกคักเล็กน้อย เอ่ยปากขึ้นว่า

“เขานี่แหละยากจนของแท้ มาจากครอบครัวตามสลัม ไม่มีแม้แต่เงินเก็บด้วยซ้ำ ไม่งั้นดิฉันจะเลิกกับมันเหรอ?”

“ฮ่าฮ่าๆ …ผมเชื่อแล้ว ผมเชื่อแล้ว! เอาล่ะ นี่ก็เที่ยงแล้ว พวกเราไปทานอาหารร่วมกันสักมื้อดีไหม?”

หวังเฉียงและเจียงเสี่ยวปิงยิ้มกว้างรีบพยักหน้าตอบทันที แถมยังกล่าวเสริมด้วยว่า การได้รับประทานอาหารร่วมกันคุณชายหยางหมิง นับว่าเป็นเกียรติกับพวกเขามาก

หยางหมิงหัวเราะร่า พลางยกมือไปตบไหล่หวังเฉียงและบอกว่า พวกเราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้น จากนี้ต่อไปคือพันธมิตร มีอะไรก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

หวังเฉียงที่ได้การยอมรับจากหยางหมิงก็มีความสุขอย่างยิ่ง แต่เขากลับไม่ได้คาดคิดเลยว่า ที่อีกฝ่ายผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตนขนาดนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะหยางหมิงอยากได้เจียงเสี่ยวปิงเท่านั้น

หยางหมิงพาทั้งคู่ออกไปยังภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง และรับประทานอาหารกันบนตึกสูง พร้อมชมวิวเมืองใหญ่ในตอนกลางวันแสนคึกคัก ช่างเป็นบรรยากาศที่วิเศษอย่างยิ่ง หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จ ทั้งสองก็เพิ่มเพื่อนในWeChatกัน

ในคืนนั้นหยางหมิงแอบทักไปหาเจียงเสี่ยวปิง เขารุกจีบเธอไม่หยุดไม่หย่อน แถมยังถามเธอไปว่า พอมีเวลาออกมาดื่มกาแฟด้วยกันไหม

แต่เจียงเสี่ยวปิงกลับตอบปฏิเสธไป โดยให้เหตุผลว่าวันนี้ดึกเกินไป เธอไม่สะดวกออกมา เปลี่ยนวันนัดเป็นวันอื่นจะดีกว่า

ที่เธอทำแบบนี้ก็แค่เล่นตัว นี่คือกลยุทธ์เด็ดของเธอ เพื่อทำให้ฝ่ายชายรู้สึกหึงหวงและเพิ่มความต้องการต่อตัวเธอมากยิ่งขึ้น เจียงเสี่ยวปิงลอบสังเกตพฤติกรรมของหยางหมิงตั้งแต่ตอนรับประทานอาหารด้วยกันแล้ว

เจียงเสี่ยวปิงมีความสุขเกินพรรณนาในเวลานี้ เธอจินตนาการไปถึงตอนที่กลายเป็นแฟนของหยางหมิง ผันตัวมาเป็นคุณนายใช้ชีวิตตามใจอิสระ แถมยังใช้อำนาจอิทธิพลจากหยางหมิง เอาคืนจ้าวเฉียนให้อย่างสาสม

ในคืนวันอาทิตย์ จ้าวเฉียนเรียกหยวนมี่ออกไปรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน พลางสอบถามความคืบหน้า

“ตอนนี้บริษัทเป็นยังไงบ้าง?”

หยางหมิงรีบวางมีดกับซ้อมลงทันที หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดริมฝีปากเล็กน้อย และรายงานสถานการณ์ทั้งหมดอย่างเอาจริงเอาจังว่า

“บุคลากรแต่ละแผนกได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี เหลือแค่ตำแหน่งผู้ช่วยบางส่วนเท่านั้นที่ยังว่าง ดิฉันจะรีบจัดการให้เสร็จโดยเร็ว ภายในสัปดาห์หน้า รับรองได้เลยว่าประธานจ้าวเตรียมรับรายงานจากดิฉันได้เลย”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบอย่างพึงพอใจไม่น้อย และกล่าวต่อว่า

“ฝากเธอไปที่บริษัทข้างๆ ด้วย และยื่นเอกสารให้อู๋ซินเซ็นในสัปดาห์หน้า ฉันต้องการจะปั้นเธอเป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับประเทศในอนาคต ถ้าเบื้องหลังยังคงขาดเหลืออะไรก็บอกผมมาได้ไม่ต้องเกรงใจ”

หยวนมี่ปั้นสีหน้าราวกับต้องการจะเอาถามอะไรสักอย่างออกมา แต่สุดท้ายเธอก็เงียบไป จ้าวเฉียนเห็นดังนั้นก็ขอให้เธอพูดออกมาตรงๆ กับเขาได้เลย เธอยังคงลังเลอยู่เล็กน้อย ไม่นานก็ยอมพูดขึ้นว่า

“เอ่อ…ดิฉันคิดว่าบริษัทเราควรสนับสนุนเหล่าศิลปินและดารามากกว่า ทางเราสามารถส่งแมวมองไปหาในโรงเรียนฝึก หรือเด็กเทรนที่กำลังจะเดบิวต์ได้ ดิฉันไม่ได้จะบอกว่า สตีมเมอร์สาวชื่อดังอย่างอู๋ซินไม่ดีนะคะ แต่…ประธานจ้าวก็น่าจะรู้ว่า ในสายตาของผู้คน เกรดของอุตหกรรมออนไลน์มักอยู่ต่ำกว่าดารานักแสดงจริงๆ อยู่มาก ถ้าปั้นเธอขึ้นมาเป็นซุปเปอร์สตาร์ขึ้นมา ตัวตนในอดีตของเธออาจกลายเป็นจุดด่างพร้อยได้นะคะ”

จ้าวเฉียนเข้าใจความหมายของหยวนที่ดี ศิลปินมืออาชีพล้วนต้องเข้าฝึกอย่างหนักตั้งแต่อายุยังน้อย พวกเขาเกิดมาเพื่อเป็นนัดแสดงโดยเฉพาะ แล้วกับแค่เน็ตไอดอลคนหนึ่งจะปีนไต่ขึ้นมาเป็นดารามืออาชีพได้อย่างไร? หากในอนาคตอู๋ซินดังขึ้นมา ก็อาจถูกกระแสทางลบโจมตีว่า อาศัยกระแสเน็ตไอดอลในอดีตจนได้ดี แต่ฝีมือการแสดงจริงๆ กลับไม่สามารถเทียบกับดารามืออาชีพได้เลย

แต่ถึงแบบนั้น จ้าวเฉียนก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย ตราบเท่าที่เขามีอิทธิพลพอที่จะควบคุมกระแสสังคมได้ แล้วทำไมเขาต้องกลัวข้อวิจารณ์ของพวกส่วนน้อย? ก็ลองดูได้ ใครก็ตามที่สร้างข่าวเสียให้อู๋ซิน จ้าวเฉียนก็แค่สั่งลบข้อความพวกนั้นให้หายไปตลอดกาลจากโลกอินเตอร์เน็ตได้เช่นกัน

บริษัทด้านสื่ออินเตอร์เน็ตไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ล้วนเป็นบริษัทลูกในเครือหยานจิงโอเชี่ยนเวลท์กรุ๊ป กล่าวได้ว่าอิทธิพลของตระกูลจ้าวครอบคลุมไปเกือบทั้งประเทศ แค่จ้าวเฉียนกระดิดนิ้ว ข้อความหรือข่าวพวกนั้นก็หายวับไปกับตา หากเขาต้องการจะลงดาบจริงๆ ยังส่งคนไปข่มขู่ไอ้พวกที่เขียนประโคมข่าวยังได้เลย

ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงพูดกับหยวนมี่ไปตามตรงว่า

“เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ สิ่งที่ควรกังวลคือ จะทำอย่างไรให้เธอขึ้นกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับประเทศได้ หลังจากเซ็นกับอู๋ซินเสร็จ ก็วานไปพบหงซิ่ว เจ้านายเธอด้วย หงซิ่วรู้เช่นกันว่าเธอเป็นคนของฉัน”

หยวนมี่พยักหน้าตอบว่า

“เข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันรู้ว่าต้องทำยังไงต่อจากนี้ ประธานจ้าวโปรดมั่นใจได้เลย ทุกอย่างจะต้องเสร็จเรียบร้อยดี”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบอย่างพึงพอใจ และทักให้หยวนมี่รีบทานอาหารก่อนที่จะเย็น

ในเช้าวันรุ่งขึ้น ยังไม่ทันที่จ้าวเฉียนจะได้ลุกจากเตียง หวันซวงก็โทรเข้ามาหาเขา

“ฮาโหล จ้าวเฉียน นายรีบมาบริษัทด่วนเลย คุณชายหยางหมิงจากบริษัทเฟยอวี่มาหา!”

จ้าวเฉียนยืดเหยียดแขน บิดตัวขี้เกียจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างใจเย็นกลับไปว่า

“อืม ปล่อยให้เขารอไปก่อน”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็ตัดสายทิ้งไปทันที และกลับไปนอนต่อ เขาไม่กลัวหยางหมิง แล้วทำไมจะต้องรีบร้อนไปหามัน?

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

Status: Ongoing
จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริงอย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา!“ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที”“เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว”“ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?”“ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!”“ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท