ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 123 แค่อยากทำให้อับอาย

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ตอนที่123 แค่อยากทำให้อับอาย

ฟางนี่ชี้ไปที่ตู้กดน้ำมุมหนึ่งและกล่าวว่า

“ตู้นั้นมีโค้ก”

หย่างหมิงเค้นเสียงเย็นคำโตด้วยความหงุดหงิดกและเดินไปกดโค้กมาสองขวด จากนั้นก็เดินกลับเข้าห้องประชุมไปโดยตรง เขารู้สึกเสียหน้าอย่างยิ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับคนภายนอกภายใต้สถานการณ์แบบนี้

หยางหมิงปิดประตูห้องประชุมดังปัง วางโค้กขวดหนึ่งไว้ต่อหน้าจ้าวเฉียน ขณะที่อีกขวดเขาเปิดฝาเกลียวดื่มเอง

จ้าวเฉียนยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนใดๆ แต่กล่าวกับหยางหมิงว่า

“นายน้อยหยาง จู่ๆ ผมก็รู้สึกเจ็บมือ เปิดฝาให้หน่อย”

“เลิกสำออยได้แล้ว! นี่แกยังมีกระเจี๊ยวอยู่ป่าววะ! ทำตัวอย่างกับผู้หญิง!”

หยางหมิงคำรามใส่ทันทีด้วยความโกรธเกรี้ยว

“งืออ…ดูท่านายน้อยหยางไม่อยากคุยกับผมแล้ว ก็ได้ครับ…ผมออกไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า”

จ้าวเฉียนลุกขึ้นและเดินจากไปทันทีที่พูดจบ หยางหมิงตกใจอย่างยิ่งพอเห็นแบบนั้น มือหนึ่งรีบคว้าเอวจ้าวเฉียนดึงเข้ามาทันที และขออร้องว่า

“อย่า อย่า อย่า! ถ้ามีอะไรก็สั่งมาได้เลย! แค่เปิดฝาขวดใช่ไหม? เดี๋ยวฉันเปิดเอง”

หยางกหมิงเร่งคว้าขวมโค้กมาเปิดให้ทันทีและส่งให้จ้าวเฉียน แต่จ้าวเฉียนกลับไม่ได้หยิบมาดื่มแต่อย่างใด ทว่าทันใดนั้น เขาก็เขย่งเท้าขึ้นและเทโค้กราดลงบนหัวหยางหมิงโดยตรง

โค้กขวดนี้เพิ่งออกมจากตู้กดน้ำ เย็นซ่าถึงใจ ทั่วร่างของหยางหมิงถึงกับสั่นเทาในบัดดล ทั้งตกใจทั้งเย็น

“ไอ้แม่เย…”

“อย่าขยับ! ไม่งั้นเตรียมข่าวหลุดได้เลย!”

ก่อนที่หยางหมิงจะด่าจ้าวเฉียนจบ ตนกลับหุบปากแทบไม่ทัน ยืนแข็งค้างไม่กล้าขยับตัว และปล่อยให้จ้าวเฉียนเทโค้กราดบนหัวจนหมด

จ้าวเฉียนโยนขวดโค้กลงพื้น และเอ่ยปากสั่งการอีกฝ่ายน้ำเสียงจริงจังว่า

“หยิบขวดแล้วเอาไปทิ้งข้างนอก”

หยางหมิงกัดฟันดังกรอดอย่างสุดจะอาฆาต

“มึง…จ้าวเฉียน…มึงมากเกินไปแล้ว! เรื่องในวันนี้ฝากไว้ก่อนเถอะ! ในครั้งนี้ถึงตากูเอาคืนบ้าง…กูจะสั่งให้มึงกระโดดตึก!”

ทีท่าของจ้าวเฉียนยังดูสงบและผ่อนคลาย เขายิ้มตอบไปว่า

“โอเค! ถ้านายไม่หยิบขวดออกไปทิ้งข้างนอก งั้นนายก็ไปโดดตึกแทนแล้วกันนะ เอายังไง? ให้ฉันเรียกหยางหู่มาไหม?”

หยางหมิงกำหมัดแน่น บังคับตัวเองไม่ให้ทำเรื่องโง่ๆ อย่างสุดจะทน ถึงกับหลับตาทำสามธิ พร้อมสูดหายใจเข้าลึกๆ สามคราว จากนั้นก็ก้มไปหยิบขวดโค๊กและเดินออกไปทิ้งขยะด้านนอก

ทุกคนที่รออยู่หน้าห้องประชุมยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ ร่างของหยางหมิงเปียกชุ่มไปด้วยโค้กทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า จ้าวเฉียนหาญกล้าเกินไปแล้ว ถึงขนาดฉีกหน้าหยางหมิงขนาดนี้เชียว?

เหล่าช่างเทคนิคและแก๊งอันตพาลที่มากับหยางหมิง ถึงกับผงะ

“นายน้อยหยาง มันกล้าทำกับคุณถึงขนาดนี้เลยเหรอ?!”

“พวกเราไม่ยอมแน่ เดี๋ยวพวกผมสั่งสอนมันให้เอง!!”

“ไปกระทืบมัน!”

ทุกคนกู่เสียงตะโกนลั่นและรีบวิ่งเข้าห้องประชุมในทันที

“หยุดเดี๋ยวนี้!!”

หยางหมิงตะโกนหยุดพวกนั้นทันตา

“ปล่อยมันไป กูจัดการของกูเองได้!”

หลังจากถูกหยางหมิงดุยกใหญ่ พวกเขาก็เดินคอตกกลับเข้าประจำที่ บรรดาเพื่อนร่วมของในบริษัทฟางนี่ ทุกคนต่างจับจ้องไปที่หยางหมิงจนเป็นตาเดียว บางคนถึงกับหลุดขำ

“ขำเหี้ยอะไรของพวกมึง! อยากโดนตบปากฉีกนักใช่ไหม?!”

หยางหมิงตะคอกเสียงสั่น พอโยนขวดโค๊กลงถังขยะเสร็จ ก็รีบกลับเข้าห้องประชุมทันที

“หุหุ…จ้าวเฉียนเอาเรื่องวะ ถึงกล้าท้าทายหยางหมิงขนาดนี้!”

“ต้องบ้าบิ่นขนาดไหน ถึงกล้าเล่นถึงเนื้อถึงตัวกับหยางหมิงแบบนี้?”

“ฉันเริ่มชอบคุณชายจ้าวมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ”

บรรดาเพื่อนร่วมงานต่างกระซิบกระซาก เอ่ยปากชื่นชมจ้าวเฉียนไม่หยุดหย่อน

จางหยางที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับตะคอกสวนตอบทันควันว่า

“เอาเรื่องกับผีน่ะสิ! เขาทำให้ทายาทบริษัทยักษ์ใหญ่ต้องขุ่นเคืองขนาดนี้ พวกนายคิดว่าจุดจบของเขาจะลงเอยยังไง?”

หวังเฉียงกล่าวเสริมขึ้นทันทีว่า

“ผู้จัดการจขางพูดถูกต้องแล้ว พวกเราทุกคนต่างเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป จะเอาอะไรไปงัดกับทายาทมหาเศรษฐีอย่างอีกฝ่าย? แต่พวกนายยังมีหน้ามาชื่นชมจ้าวเฉียนอีกอย่างงั้นน่ะเหรอ? เพราะแต่ละคนยิ่งส่งเสริมคนแบบนี้ไง มันก็เลยยิ่งได้ใจมากขึ้น! ถ้ายังไม่รีบตัดเนื้อร้ายแบบมันออกไป พวกเราต่างหากที่เป็นฝ่ายซวยกันหมด!”

ทั้งผู้จัดการและรองผู้จัดการถึงขั้นกล่าวออกมาเองแบบนี้ ย่อมไม่มีใครกล้ากล่าวขัดแน่นอน ก่อนจะหุบปากลงในทันที

หยางหมิงเดินกลับเข้าห้องประชุมพร้อมสีหน้าสุดหม่นหมอง และเอ่ยถามขึ้นว่า

“พอได้แล้ว เข้าเรื่องกันเถอะ”

“เข้าเรื่องอะไร? ผมมีเรื่องอะไรต้องคุยกับคุณอย่างงั้นเหรอ?”

จ้าวเฉียนแสยะยิ้มอย่างดูถูกดูแคลน

จ้าวเฉียนค่อนข้างผิดหวังอย่างมากที่หยางหมิงเลือกที่จะจ้างมือสังหารมาเก็บเขา สิ่งนี้จ้าวเฉียนจะสลักจำไปชั่วชีวิต และในวันนี้เองเขาก็อยากทำให้หยางหมิงได้จดจำความอัปยศนี้ไปตลอดชีวิตจะหาไม่เช่นกัน

“จ้าวเฉียน! แกพอได้แล้ว! นี่ชักจะมากเกินไปจริงๆ แล้วนะ นายเลิกแกล้งได้แล้ว!!”

หยางหมิงแทบจะเสียศูนย์อยู่แล้วในขณะนี้

ทว่าอย่างไร ท่าทางการแสดงออกของจ้าวเฉียนยังคงดูผ่อนคลายสบายตัว ราวกับตากอากาศอยู่ท่ามกลางสายลมเย็นแห่งฤดูใบไม้ผลิ

“นายน้อยหยางทนไม่ไหวแล้วเหรอ? แต่ผมยังอยากเล่นต่ออีกสักนิด แต่ถ้าไม่สามารถทนต่อได้ไหวแล้วจริงๆ งั้นผมคงไม่มีอะไรจะคุยกับคุณอีกต่อไปแล้ว!”

หยางหมิงตระหนักได้ในทันใด ทั้งหมดที่จ้าวเฉียนทำไปก็เพื่อสร้างความอับอายฝังใจเขา จึงถามไปตรงๆ ว่า

“เมื่อไหร่นายจะยอมพูดความจริงออกมา? ถ้ามีข้อแม้หรือเงื่อนไขอะไรก็พูดมาเถอะ อย่าลากคนอื่นไปเสียเวลาด้วยเลย ถ้าไม่มีหลักฐานก็เลิกเล่นได้แล้วน่า”

จ้าวเฉียนไม่กล่าวอธิบายถามตอบใดๆ ทั้งสิ้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและเปิดภาพที่หวงต้าหมิงกำลังเสพยาไอซ์กับกลุ่มเพื่อนให้หยางหมิงดูโดยตรง ทั้งยังมีภาพที่หวงต้าหมิงกำลังมีเซ๊กส์หมู่กับบรรดาสาวๆ

กล่าวได้ว่าในเครื่องของจ้าวเฉียน เก็บภาพพฤติกรรมอันน่ารังเกียจของสองสตีมเมอร์ดังแห่งเฟยอวี่ไว้ทุกรูปแบบ

ในฐานะที่เป็นถึงสตีมเมอร์ชื่อดัง ถ้าภาพพวกนี้หลุดออกไปได้ล่ะก็ อนาคตของทั้งคู่ต้องพังพินาศอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังโดนจับกุมในข้อหามีสารเสพติดไว้ในครอบครอง

และผลกระทบดังกล่าวจะตกอยู่กับเฟยอวี่ กรุ๊ปเต็มๆ ไม่ต้องพูดถึงแค่เรื่องในแพลตฟอร์มไลฟ์สตีมมิ่ง แต่นี่ยังส่งผลไปถึงละครฟอร์มยักษ์ที่เฟยอวี่ กรุ๊ปและบริษัทภาพยนตร์ในเครือของบริษัทหยานจิงโอเชี่ยนเวลท์กรุ๊ปอีกด้วย ถ้ามีปัญหาขนาดนี้ทางเฟยอวี่ กรุ๊ปจะต้องโดนฉีกสัญญา และโดนค่าเสียหายบานฤทัย อย่างน้อยที่สุดเฟยอวี่ กรุ๊ปต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นจำนวนหลายพันล้านหยวน ซึ่งทำให้ระบบเงินหมุนเวียนของเฟยอวี่ กรุ๊ปเสียหายขั้นร้ายแรง ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์แบบนั้น หยางหมิงจะต้องเล่นตามเกมที่จ้าวเฉียนต้องการ

“นายน้อยหยาง ยังคิดว่าผมล้อเล่นกับคุณอยู่อีกเหรอครับ?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับเย็นยะเยือกกัดขั้วกระดูกดำของหยางหมิง

“ไม่…ไม่กล้าครับ…”

หยางหมิงโดนปราบปรามโดยสมบูรณ์ น้ำเสียงอันแข็งกระด้างก่อนหน้ากลายมาเป็นอ่อนนุ่มทันควัน

จ้าวเฉียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจและกล่าวต่อว่า

“ถ้าไม่กล้าหือแล้ว แสดงว่านายน้อยหยางของผมยังคงว่านอนสอนง่ายอยู่บ้าง ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง จัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง อะไรควรไม่ควรน่าจะรู้อยู่แก่ใจ ไม่อย่างนั้นทั้งภาพทั้งคลิปเต็มปลิวว่อนทั่วอินเตอร์เน็ตได้เลย”

“แค่ต้องการยังไงนายพูดออกมาได้เลย ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด”

เพื่อตอบสนองความต้องการของจ้าวเฉียน หยางหมิงรีบเอ่ยปากตอบทันทีอย่างเชื่อฟัง

“ฉันเพิ่งกล่าวชี้แนะฟางนี่ไป นายเองก็น่าจะได้ยินไม่ใช่เหรอ?”

หยางหมิงหัวไวใช่ย่อย เขาพยักหน้าเข้าใจในทันทีและกล่าวว่า

“นายหมายความว่า จะไม่ให้ฉันเข้ามายุ่งเรื่องแผนขยายหุ้นส่วน? เพื่อลดมูลค่าหุ้นที่หวานฉันซูถืออยู่?”

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะคำโต พร้อมยกนิ้วโป้งให้หย่างหมิงกล่าวชมเชยขึ้นทันที

“นายน้อยหยางของผมฉลาดใช่ย่อยนะครับ ถูกต้อง ผมจะค่อยๆ กินเงินลงทุนของหวานซูโดยการขยายหุ้นส่วนขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าหุ้นในมืออีกฝ่ายแทบไม่เหลือค่า”

หยางหมิงเงียบงันไปชั่วขณะ ก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“งั้นฉันถามอะไรนายอย่างได้ไหม ทำไมนายถึงทำขนาดนี้กับอีกฝ่าย? ระหว่างพวกนายไปแค้นเคืองกันมาจากไหน?”

“ถ้าให้พูดออกไปจริงๆ คุณคงเกลียดเขายิ่งกว่าผมอีก”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบ

“โอ๊ะ? ขนาดนั้นเลย? นายลองพูดให้ฟังฟังหน่อย?”

หยางหมิงเอ่ยถามเจือท่าทีไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่นัก

“หวานฮันซูกับหวานเจียงเคยเป็นเพื่อนร่วมคลาสเรียนกันตอนอยู่อเมริกา แล้วเขาก็ตามตื้อเธอมาโดยตลอด แค่ชอบเฉยๆ พอเข้าใจได้นะ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของหมอนั่นกลับร้ายใช่เล่น ที่ตามจีบหวานเจียงไม่หยุดหย่อนเพราะเขาต้องการฮุบฮวาหยิน กรุ๊ปมาเป็นของตัวเอง ทีนี้เชื่อรึยังว่าคุณคงเกลียดเขามากกว่าผมอีก?”

“อะไรนะ? หมายความว่ามันเองก็เป็นทายาทเศรษฐีเหมือนกัน?”

หยางหมิงคำรามขึ้นทันที

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบว่า

“ใช่ แถมยังดูโลภมากอีกด้วย”

“ให้ตายเถอะ! ฉันคิดมาตลอดเลยว่า ฉันที่มีเฟยอวี่ กรุ๊ปหนุนหลังอยู่จะไม่มีใครทำอะไรได้ แล้วดูมันสิ! …จงใจปกปิดทุกอย่างแล้วแสร้งทำมาร่วมมือกับฉัน มันกะแทงข้างหลังกันนี่หว่า!! ถ้ารู้แบบนี้ฉันไม่ร่วมมือกับมันแต่แรกแน่นอน!”

หยางหมิงแทบรอไม่ไหวแล้ว ตอนนี้แทบจะพุ่งออกไปกระโดดถีบหวานฮันซูสักชุดหนึ่ง ความโกรธที่ครอบงำภายในใจพุ่งสูงขึ้นถึงขีดสุด

ท่าทางการแสดงออกของจ้าวเฉียนยังคงสบายๆ ไม่เปลี่ยน เขายิ้มเล็กน้อยและถามว่า

“แล้วจะทำยังไงต่อไปละ?”

“เหอะ! มันก็แน่อยู่แล้ว…กระทืบมันไง!!”

หยางหมิงกัดฟันแน่นเค้นเสียงคำรามอย่างเดือดดุ เกลียดชังหวานฮันซูราวกับมันไปฆ่าพ่อฆ่าแม่ตัวเองมา อย่างจ้าวเฉียนยังกล่าวได้ว่าต่อสู้กับเขาอย่างเปิดเผย แต่ไอ้เวรนี่กลับคิดแทงข้างหลังเขา และแย่งภรรยาอันเป็นที่รักไป!

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

Status: Ongoing
จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริงอย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา!“ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที”“เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว”“ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?”“ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!”“ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท