ตอนที่164 ฉันจะกลับมา
จ้าวเฉียนหาญกล้าป่าวประกาศราวกับว่า ทุกคนจะต้องกลับมาขอความช่วยเหลือจากเขา ซึ่งใครฟังก็น่าขำจริงๆ
“ฮ่าฮ่าๆๆ … ไม่…ไม่เลย…นายไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหนกัน? ทำไมฉันต้องขอให้แกกลับมาช่วยเหลือ สำคัญตนผิดไปรึเปล่า?”
จางหยางเอ่ยถามพร้อมสีหน้าแสนเย้ยเยาะ
“ผู้จัดการจาง เวลาที่คนกำลังถูกไล่ออกจากบริษัทมักจะมีนิสัยแบบนี้ทุกคน คุณต้องเข้าใจความรู้สึกเขาในตอนนี้หน่อย คงแสร้งทำเป็นว่าตัวเองเป็นคนสำคัญขนาดนั้นอยู่นั่นแหละ”
หวังเฉียงกล่าวอย่างเย็นชา
“ฮ่าฮ่า…นั้นสินะ แต่จ้าวเฉียนพูดตามตรงเลยนะ ถ้าไม่มีนายอยู่บริษัทสักคน ที่แห่งนี้คงเจริญขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้แกนนำอย่างฉัน เชื่อได้เลย สักวันนายจะเห็นบริษัทฟางนี่ของเราโด่งดังไปทั่วประเทศ!”
จางหยางกล่าวน้ำเสียงอย่างเอาจริงเอาจัง
จ้าวเฉียนโดนจางหยางดูถูกเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้ว กลับเป็นจ้าวเฉียนมากกว่าที่เห็นใจอีกฝ่าย ไม่มีแม้กระทั่งความสามารถและความคิดของผู้นำ ในตัวของจางหยางมีแต่ความทะเยอทะยาน
หากบริษัทตกอยู่ในกำมือของเขาจริงๆ บริษัทจะต้องล้มจมแน่นอนภายในสองถึงสามปี นี่ไม่ต้องสงสัยเลย
ในเวลานี้เองฟางนี่ก็ตะคอกใส่จางหยางด้วยความโกรธจัด
“นี่คุณถากถางจ้าวเฉียนพอแล้วรึยะง? ยังไงก็ตามที่บริษัทพัฒนามาถึงจุดนี้ได้เป็นเพราะเขาไม่ใช่คุณ จ้าวเฉียนมาพาซึ่งโปรเจคดดีๆ มามากมาย คุณที่เพิ่งได้มาโปรเจคเดียวไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับเขา!”
หวังเฉียงกับจางหยวนไม่มีสิทธิ์ที่จะกล่าวแทรกเรื่องพวกนี้ได้เลย แต่จางหยางถือเป็นข้อยกเว้น
“ทำไมต้องมองมันดีกว่าเสมอ!มันก็แค่โชคดีเท่านั้น!หลังจากที่บริษัทไม่มีมันอยู่ ผมรับประกันได้เลยว่าจะมีแต่ดีขึ้นและดีขึ้น!”
“นี่ก็แค่บอกลาเขาในแบบของเราเท่านั้นเองครับ ประธานฟางอย่าเข้าใจพวกผมผิดไปสิครับ”
หวังเฉียงกล่าวเชิงหยอกเล่น
เจวียงหยวนเองก็แก้ตัวเช่นกันว่า
“ใช่แล้วครับ ประธานฟางกำลังเข้าใจผิดเฉยๆ น่ะครับ ผมแค่บอกลาเขาเฉยๆ”
จ้าวเฉียนขี้เกียจมองใบหน้าอันแสนน่ารังเกียจของคนพวกนี้ให้เสียสายตา ดังนั้นเขาจึงเดินจากไปขณะกล่าวพลางไปว่า
“ประธานฟางก็หัดสั่งสอนคนพวกนี้ให้อยู่กับร่องกับรอยบ้างนะครับ โชคดี”
ขณะที่จ้าวเฉียนกำลังจะเดินออกไปจากออฟฟิศ ทันใดนั้นเองก็เป็นเจียงเสี่ยวปิงที่วิ่งมาหยุดเขาอีกครั้ง
“มีอะไรจะพูดด้วยเหรอ?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถามพร้อมสีหน้าแสนเมินเฉย
เจียงเสี่ยวปิงพยักหน้าและกล่าวว่า
“อยาก…ฉันอยากจะพูดอะไรกับนายหน่อยน่ะ เดี๋ยว…เดี๋ยวฉันไปส่งนะ”
จ้าวเฉียนไม่อยากจะมีส่วนข้องเกี่ยวอะไรกับเจียงเสี่ยวปิงอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงกล่าวตอบแค่ว่า
“ไม่จำเป็น มีอะไรก็พูดตรงนี้เลย คนอื่นจะได้รับรู้กันไปเลยทีเดียว”
เจียงเสี่ยวปิงลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดและกล่าวออกไปว่า
“ตอนนี้นายเองก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว หลุดพ้นจากคนพวกนี้ไปได้สักที ดังนั้น…ดังนั้น…เรากลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยกันอีกครั้งได้ไหม?”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเสียงดังสนั่นในทันใด และเอ่ยถามกลับไปว่า
“อย่าเลย เจียงเสี่ยวปิง สมองเธอยังปกติดีอยู่ใช่ไหม? ขับไล่ไสส่งฉันไปขนาดนั้นยังมีหน้ากลับมาขอคืนดี? อีกอย่างนะ ท่อนล่างของเธอ…ผ่านมือผู้ชายไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้ว ฉันกลัวเป็นโรคติดต่อน่ะ ไม่กล้าเสี่ยงด้วยหรอก หวังว่าจะสงสารกันบ้างนะ?”
คำกล่าวของจ้าวฉัยนตรงไปตรงมาไม่มีอ้อมค้อมใดๆ และทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเจียวเสี่ยวปิงก็ไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิด เธอพยายามง้อต่อว่า
“ฉันรู้สึกผิดแล้วจริงๆ นะ ฉันสำนึกแล้ว…ฉันสำนึกแล้วจริงๆ!ฉันรู้ว่าฉันทั้งโง่ทั้งเลวแค่ไหน ลองกลับไปคิดดูก่อนก็ได้นะ ฉันพร้อมเสมอ…”
ข้ออ้างคำกล่าวของเจียงเสี่ยวปิงช่างน่าด้านและไร้ยางอายเกินไป ใครเห็นก็รู้ว่าทำไปเพียงเพื่อเงินในมือของจ้าวเฉียบนเท่านั้น
ในอดีต เงินเดือนของจ้าวเฉียนต่ำตมอย่างมาก กว่าจะเก็บเงินซื้อของขวัญให้เธอได้ต้องรอเป็นเดือนสองเดือน แต่ในตอนนี้เขามีเงินหลักล้านอยู่ในมือ ซึ่งนั้นหมายความไดเว่า ตราบใดที่เธอสามารถกลับไปคืนดีกลับเขาได้ ชีวิตนี้เธอจะไม่ต้องทำงานและสามารถซื้อบ้านหลังโตสักแห่ง ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในเมืองตงไห่ได้ตราบเท่าที่ต้องการ
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จ้าวเฉียนยังมีหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทเกมฟางนี่ในมือ เขาจะได้รับเงินปันผลทุกปีอย่างไม่ขาดสาย และในอนาคต เธอคาดการณ์ว่า บริษัทฟางนี่คงมีกำไรไม่ต่ำกว่า20ล้านต่อปี ซึ่งก็คือจ้าวเฉียนจะได้รับเงินปันผลอย่างน้อย5ล้านต่อปี กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เธอจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต
แต่ความคิดของเธอช่างเพ้อฝันสิ้นดี เพราะจ้าวเฉียนไม่มีทางมอบโอกาสนั้นแก่เธอแน่นอน
“เรื่องนี้ไม่ต้องคิดก็รู้คำตอบอยู่แล้ว บอกได้เลยตอนนี้ผมไม่เหลือเยื้อใยใดๆ กับเธออีกต่อไปแล้ว นอกจากคำว่าอดีตเพื่อนร่วมงาน แล้วถ้าจำไม่ผิด ผมเคยเตือนไปแล้วไม่ใช่เหรอว่า เธอต้องครองคู่กับหวังเฉียงตลอดไป อย่าคิดว่าฉันล้อเล่น ฉันจะให้เธอได้ลิ้มรสกับคำว่า นรกบนดินแน่นอน!”
จ้าวเฉียนเอ่ยเตือนเจือน้ำเสียงเคร่งขรึม จากนั้นก็เดินจากออกไปโดยตรง
เจียงเสี่ยวปิงทั้งรู้สึกอับอายและโศร้าสยดอย่างบอกไม่ถูด อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มโอกาสให้เธอกับจ้าวเฉียน ‘คืนดีกัน’ หลังจากนี้เธอคงจะไม่อะไรไม่ดีเกี่ยวกับเขาแน่นอน
แต่หวังเฉียงกลับตะโกนไล่หลังจ้าวเฉียนสวนไปว่า
“มึงไม่มีสิทธิ์มายุ่งหยามเรื่องของกู!แล้วกูก็ไม่เอาอีนี่แล้วเหมือนกัน!”
จ้าวเฉียนสวนตอบกลับทันใดโดยไม่แม้แต่แลเหลียว
“ผมพูดไปแล้ว คำไหนคำนั้น หลังจากนี้ก็อย่าโทษผมล่ะกันว่าเลือดเย็น แต่พวกคุณสองคนเตรียมรักกัน…ไปจนวันตาย!”
หวังเฉียนในปัจจุบันไม่ต้องการจะอยู่กับเจียงเสี่ยวปิงอีกต่อไปแล้ว ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ยอมรับในตัวผู้หญิงที่ผ่านมือผู้ชายมาเป็นโหลได้หรอก
หลังออกจากบริษัทไป จ้าวเฉียนก็กลับบ้านมานอนพัก โดยไม่ต้องอะไรเลย เขากินอิ่มนอนหลับสบาย รอข่าวจากพ่อเท่านั้น
หลังจากพักผ่อนไปได้สองวัน เทศกาลไหว้พระจันทร์ก็มาถึง ตามข้อตกลงจ้าวเฉียนจะต้องเดินทางไปกับเหลียวเซียวหยุน เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่นม.ปลายของเธอ เวลาเก้าโมงเช้าทั้งสองนัดพบกันตรงสถานที่ที่ตกลงกันไว้
เหลียวเซียวหยุนเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มและกล่าวทักทายว่า
“ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน ยังดูขี้เก๊กเหมือนเดิม”
จ้าวเฉียนกลอกตาใส่อย่างลับๆ กล่าวตอบไปว่า
“เจอกันไม่ทันไรก็แซะแล้ว แต่เอาเถอะ ผมอุตส่าห์ได้รับเกียรติมาเป็นแฟนปลอมๆ ของคุณหนูเหลียว เทพธิดาที่สวยที่สุด ก็คงต้องดีใจแหละจริงไหม?”
“นายเองก็อย่ามาแซะฉันหน่อยเลย ฉันรู้น่าว่านายไม่ได้ชอบฉัน ที่จริงฉันโกรธมากนะที่นายรู้สึกแบบนี้”
เหลียวเซียวหยุนสะบัดหน้าหนีเล็กน้อย แสร้งทำเป็นหัวเสียใส่
“ไม่แน่…ผมอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้”
จ้าวเฉียนแกล้งทำเป็นน้อยใจเช่นกัน
พอเหลียวเซียวหยุนได้ยินแบบนั้นเธอหันกลับมายิ้มให้ พร้อมกอดแขนเขาแน่น เอ่ยปากถามอย่างรวดเร็วว่า
“จริงเหรอ? ถ้างั้นฉันขอโทษ…นายจะหายโกรธฉันไหม?”
จ้าวเฉียนส่ายหัวและตอบไปว่า
“แค่พูดขอโทษแล้วมันจบเหรอ? นี่ไม่มีความจริงใจเลย!”
เหลียวเซียวหยุนเอ่ยถามต่อว่า
“แล้วนายจะให้ฉันแสดงความจริงใจยังไง?”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย เขากล่าวไปว่า
“ถ้าคุณจริงใจกับผมจริง ก็ต้องจูบผมก่อน ตอนนี้ถือว่าผมเป็นแฟนคุณแล้วนะ ถ้าไม่ทำตัวให้เหมือนคู่รักกันจริงๆ คงไม่มีใครเชื่อหรอกจริงไหม?”
เหลียวเซียวหยุนประเคนหมัดทุบหลังจ้าวเฉียนไปทีสองที ปริปากบ่นพร้อมพวงแก้มสีแดงก่ำว่า
“ตาบ้า!คิดจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ แต๊ะอั๋งฉันเหรอ?!ทำไมนายทะลึ่งแบบนี้นะ!”
“เฮ้อออ…แย่จัง อย่างนี้ผมก็เสียเปรียบแย่น่ะสิ?”
“นายมีอะไรให้เสียเปรียบห่ะ?”
เหลียวเซียวหยุนเอ่ยถามด้วยความงุนงง
จ้าวเฉียนยิ้มตอบกลับไปว่า
“ฉันต้องแกล้งเป็นแฟนคุณนะ ต้องรับหน้าเพื่อนๆ คุณที่ไม่รู้ว่าจะก่อปัญหาอะไรให้อีก ดังนั้นก็ต้องมีรางวัลอะไรให้ผมก่อนจริงไหม? อีกอย่างคุณยังค้างค่าเดิมพันกับผมในคืนนั้นอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
เหลียวเซียวหยุนกลอกตาใส่ เธอหลุดขำเล็กน้อยแล้วถามกลับไปว่า
“อะ-…อะ-อืม… ก็..ก็ได้ แต่นายต้องแสดงเป็นแฟนฉันให้เนียนนะ…”
หลังจากที่พูดจบ เหลียวเซียวหยุนก็หลับตาปี๋ยืนใบหน้าสวยเข้าใกล้จ้าวเฉียนโดยตรง
ทันใดนั้นริมฝีปากอุ่นไอของทั้งสองก็ประกบกัน กลับเป็นฝ่ายเธอที่รุกเข้าจูบจ้าวเฉียนจริงๆ
จ้าวเฉียนลืมตาโตใส่ในทันใดและกล่าวขึ้นว่า
“อ่ะ!ผมแค่ล้อเล่น นี่คุณจูบผมจริงๆ เหรอเนี่ย?”
“ห๊ะ!? นาย….ไอ้บ้า!ฉันจะฆ่านาย!!”
เหลียวเซียวหยุนรู้สึกทั้งอายทั้งโกรธ เธอยกกำปั้นทุบตีใส่จ้าวเฉียนไม่ยั้งในทันใด