ตอนที่168 อย่าหมดหวัง
หลิวฉินอวี้ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เธอถามต่ออย่างรั้นที่จะยอมแพ้
“คุณทำงานอยู่ในบริษัท เฉียนเก๋อจริงๆ เหรอ?”
“อืมใช่ ฉันเป็นประธานบริษัท เฉียนเก๋อ ชื่อว่าหยวนมี่”
“เป็น…เป็นไปไม่ได้!ถ้าจ้าวเฉียนรู้จักประธานอย่างคุณ แล้วเขาจะตกงานได้ยังไง!ทำไมเขาถึงไม่ไปทำงานกับคุณล่ะ?”
หลิวฉินอวี้ปฏิเสธที่จะยอมแพ้สุดหัวใจ
หยวนทมี่ยิ้มและตอบกลับไปว่า
“จ้าวเฉียนเป็นคนที่มีอุดมการณ์เป็นของตัวเอง ฉันเสนอตำแหน่งผู้จัดการให้เขาพร้อมเงินเดือนหลักแสนหยวน เขายังปฏิเสธเลย เขาค่อนข้างมีความทะเยอทะยาน และมากความสามารถเกินกว่าบริษัทเล็กๆ อย่าง เฉียนเก๋อจะหยุดเขาได้ หากมีข้อสงสัยอะไร สามารถพบฉันได้เลยเวลาบ่ายสามของวันพรุ่งนี้”
คล้อยหลังพูดจบ หยวนมี่ก็วางสายไป
หลิวฉินอวี้ตกตะลึงอย่างมาก ส่วนเฉินโฉวที่นั่งอยู่เคียงข้างก็ตกใจไม่แพ้กัน
เหลียวเซียวหยุนเห็นดังนั้นจึงกล่าวกับเฉินโฉวว่า
“ว่าไงเฉินโฉว ทีนี่นายเชื่อสิ่งที่แฟนฉันพูดแล้วรึยัง? จะให้จ้าวเฉียนไปทำงานง่อยๆ เงินเดือนหลักหมื่นได้ยังไง? ขนาดหลักแสนเขายังไม่สนเลย!ส่วนเธอ หลิวฉินอวี้ เธอไม่ควรดูคนแค่ภายนอกนะ ไม่อย่างนั้นจะพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ไป!”
ในขณะเดียวกันจ้าวเฉียนก็เดินกลับมาพอดี
หลิวฉินอวี้รีบยกแก้วให้จ้าวเฉียนและกล่าวขอโทษขอโผยในทันทีว่า
“คุณจ้าว หนูต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่ทำตัวแย่ๆ แบบนั้นออกไป ดื่มแก้วนี้ให้ความไม่พอใจก่อนหน้าละลายหายไปเถอะค่ะ!”
ท่าทีสบประมาทของหลิวฉินอวี้ก่อนหน้าค่อนข้างชัดเจนเกินไป แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าแบบนี้ ทุกคนในห้องต่างตื่นตะลึงอย่างยิ่ง
“ฉินหยุน นี่เกิดอะไรขึ้น?”
“เธอถึงขั้นต้องขอโทษเขาเลย?”
หลิวฉินอวี้ยิ้มแห้งและกล่าวกับทุกคนไปว่า
“เมื่อกี้ฉันล้อเล่นกับเขาแรงไปหน่อย มันก็ต้องขอโทษสิ…”
“เอาน่าๆ มาดื่มให้กับหวางเจ๋อหน่อย หลังจากที่เธอรียนจบ ยังขอให้เขาแนะนำที่ทำงานดีๆ ได้นะ!”
“ใช่แล้วๆ มาดื่มให้หวางเจ๋อกันเถอะ”
ผู้คนในที่แห่งนี้ เว้นเสียแต่เหลียวเซียวหยุนที่เป็นทายาทเศรษฐี ทุกคนล้วนเป็นนักศึกษาฐานะปานกลางกันทั้งสิ้น แน่นอนว่าแต่ละคนล้วนต้องการประจบประแจคนที่รวยกว่า เพื่ออนาคตของตัวพวกเขาเอง
หลิวฉินอวี้ไม่สามารถรักษาใบหน้าไว้ได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงตามน้ำพวกเขาไป และดื่มฉลองให้แก่หวางเจ๋อด้วยท่าทีสุภาพ
แต่จ้าวเฉียนและเหลียวเซียวหยุนกลับนั่งนิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
“บอสหวาง ถ้ามีโครงการดีๆ ในอนาคต อย่าลืมพวกเขาไปนะ!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว!ไม่ว่าโครงการใหญ่หรือเล็ก ตราบเท่าที่มีค่าตอบแทน พวกเราทำหมด!”
“มาเลย!ชนแก้ว!”
ทุกคนต่างยกย่องหวางเจ๋อ
เมื่อเห็นแฟนตัวเองเป็นที่โด่งดังของเพื่อนฝูง หวังซินซินพลอยมีความสุขไปด้วย เธอเองก็ยกแก้วขึ้นมาชนกับทุกคน
เกือบจะทุดคนที่เคารพและเยินยอให้ตัวหวางเจ๋อ เว้นเสียแต่จ้าวเฉียนกับเหลียวเซียวหยุนเท่านั้นที่ยังนั่งนิ่งเงียบทั้งสองเอาแต่นั่งอยู่เฉยๆ ราวกับมาทานข้าวกันสองต่อสอง ตัดขาดจากโลกโดยสิ้นเชิง
คนที่ชอบหาปัญหาเข้าตัว คือพวกที่ไม่ยอมคุกเข่าเลียแข้งขา
หวางเจ๋อหยิบแก้ไวน์เดินไปหาเหลียวเซียวหยุน และยิ้มกล่าวว่า
“เซียวหยุน ทุกคนเขาดื่มกันไปหมดแล้ว ทำแบบนี้ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมนะ มาดื่มกันเถอะ”
“ไสหัวไป!”
เหลียวเซียวหยุนเอ่ยตอบไร้ซึ่งปราณีใดๆ
จู่ๆ บรรยายกาศพลันอึดอัดขึ้นทันที หวางเจ๋อเสียศูนย์ไปพักหนึ่งเมื่อโดนเธอไล่ชนิดไม่เห็นหัว เขาในตอนนี้เริ่มเมานิดหน่อยแล้ว แต่กลับได้สติขึ้นฉับพลันจากการตะคอกของเธอ
หวังซินซินเห็นว่าแฟนหนุ่มของตนกำลังถูกทำให้ขายขี้หน้า เธอจึงปั้นหน้าไม่พอใจทันที เดินตรงไปผลักร่างของเหลียวเซียวหยุนอย่างแรงและสบถด่าขึ้นว่า
“นังนี่มันปัญญาอ่อนรึเปล่า!เขายื่นแก้วให้เธอดีๆ กลับปฏิเสธไม่เห็นหัว แค่ดื่มไวน์สักแก้วแล้วมันทำไม? หนักหัวนักเหรอ!!”
มีหรือที่เหลียวเซียวหยุนจะยอมทนถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว? เธอลุกขึ้นยืนพร้อมผลักร่างอีกฝ่ายสวนกลับไปจนล้ม ตวาดลั่นว่า
“แล้วคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ถ้าฉันอยากดื่มฉันไปหยิบเองได้ ไม่ต้องมาส่อ!ใหญ่มาจากไหนถึงมาสิทธิ์แตะเนื้อต้องตัวฉัน ดูละครมากไปรึเปล่า?”
“นี่แก!ฉันจะฉีกปากแกเดี๋ยวนี้แหละ!”
หวังซินซินพุ่งไปหาเหลียวเซียวหยุนทันทีที่พูดจบ
ในเวลานั้นเอง จ้าวเฉียนคิดอะไรไม่ออกแล้ว ทำได้เพียงยืนขึ้นและนำตัวเข้าไปขวางอย่างรวดเร็ว มือหนึ่งรวบเหลียวเซียวหยุนไว้ในอ้อมแขน และใช้อีกมือเหยียดออกไปผลักร่างของหวังซินซิน
หวางเจ๋อเห็นว่า จ้าวเฉียนกำลังฉวยโอกาสลวนลามแฟนสาวต่อหน้า เขารีบยืนขึ้นทันทีและต่อยจ้าวเฉียนไปที่หนึ่ง เฉียดแก้มซ้ายเป็นแผลถางบางๆ
จ้าวเฉียนไม่ตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวใดๆ พร้อมยกเข่าขึ้นกระแทกอัดท้องน้อยของหวางเจ๋ออย่างแรงไปหนึ่งดอก ส่วนทางด้านอีกฝ่ายก็พยายามกวาดกำปั้นซัดออกไปแบบสุ่มๆ แต่ด้วยความจุกที่เกิดขึ้น ทำเอาร่างของเขาทรุดกับพื้นในที่สุด
จ้าวเฉียนคว้าโอกาสนี้ยกบาทาถีบหวางเจ๋อสวนกลับไปสุดแรงจนกลิ้งกระเด็นออกไป
“นี่นายจะทำอะไรน่ะ!”
“ถูกต้อง!กล้าทำร้ายร่างกายเพื่อนพวกเรางั้นเหรอ!”
“วันนี้คืองานเลี้ยงรุ่นของพวกเรา คุณมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายร่างกายเพื่อนของเรา!คิดว่าตัวเองยอดเยี่ยมขนาดจะทำอะไรก็ได้เลยรึไงกัน!”
….
บรรดาเพื่อนร่วมชั้นต่างตื่นตระหนกอย่างมาก แต่ละคนเอ่ยปากกล่าวหาจ้าวเฉียนพร้อมสบถด่ากันไม่หยุดหย่อน ท้ายที่สุดนี้ พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันในสมัยม.ปลาย และจ้าวเฉียนก็เป็นเพียงคนนอกเท่านั้น
หลัวเสี่ยวผลักทุกคนออกให้พ้นและตำหนิพวกเขาว่า
“นี่พวกนายไม่เห็นเลยรึไงว่า หวางเจ๋อเป็นคนเริ่มก่อน อีกอย่างวันนี้พวกเราอุตส่าห์นัดร่วมตัวมากินเลี้ยงกันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้?”
“นี่เธอก็โทษพวกเราไม่ได้นะ แต่ไอ้หมอนี่มันหยิ่งยโสเกินไป กล้าลงมือลงไม้หวางเจ๋อต่อหน้าพวกเรา!”
“ใช่แล้ว!พอเธอได้เขาแนะนำงานเข้าหน่อยถึงกับลืมเพื่อนไปเลยเหรอ? ไม่เห็นค่าพวกเราแล้วใช่ไหม?”
…..
ทุกคนที่อยู่ในห้องอาหารนี้ไม่มีใครรู้จักความยิ่งใหญ่ของจ้าวเฉียนกันเลยสักคน ก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะกล่าวออกมาแบบนี้
หลัวเสี่ยวพยายามอธิบายกับบรรดาเพื่อนร่วมชั้นโดยเร็วว่า
“ทุกคนกำลังเข้าใจผิดแล้วนะ ฉันแค่ไม่อยากให้ทุกคนต้องมาทะเลาะกันเฉยๆ”
“นายน่ะ คิดว่าตัวเองรู้จักกับประธานบริษัทเฉียนเก๋อ แล้วมันเจ๋งมากรึไง?”
หวางเจ๋อเอ่ยถามจ้าวเฉียนพร้อมสีหน้าแสนเย้ยหยัน
“มันก็ใช่ที่บริษัท เฉียนเก๋อกับแพลตฟอร์มเทียนซูวมีอำนาจอิทธิพลอย่างมาก แต่สุดท้ายนายก็เป็นแค่คนตกงานคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
จวบจนมาถึงบัดนี้ จ้าวเฉียนรู้แล้วว่า ถ้าเขาไม่รีบจัดการหวางเจ๋อซะตั้งแต่ตอนนี้ พวกเขาจะย้อนกลับมาสร้างปัญหาแน่นอนในไม่ช้าก็เร็ว
“ชื่อหวางเจ๋อใช่ไหม? ได้ข่าวว่าเพิ่งชนะการประทมูลที่ดินอาคารชุมชนไป?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถาม
หวางเจ๋อกล่าวตอบอย่างภาคภูมิใจว่า
“ใช่ แล้วมีปัญหาอะไรด้วย?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวตอบไปว่า
“แน่นอนว่ามีปัญหา ฉันกับชางเจียกง ประธานบริษัทหยางไห่ ค่อนข้างสนิทกันมาก ถ้านายทำให้ฉันโกรธเข้า ฉันจะบอกให้เขายกเลิกการประมูลนี้ซะ…”
ยังไม่ทันจะพูดจบ หวางเจ๋อกับบรรดาเพื่อแนฝูงระเบิดหัวเราะลั่นในทันใด
บริษัทหยางไห่ เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทษ แค่มูลค่าหุ้นพึงประเมินก็สูงกว่าหลายร้อยล้านหยวนแล้ว
แล้วกับอีแค่พนักงานบริษัทเกมเล็กๆ คนหนึ่งที่ตอนนี้ตกงานอยู่ จะไปรู้จักกับคนใหญ่คนโตระดับนั้นได้ยังไง? นี่มันเรื่องขี้โม้ชัดๆ
“เหลียวเซียวหยุน แฟนของเธอน่าทึ่งจริงๆ ปากเก่งคุยโวไปไหนถึงไหน!ฮ่าฮ่า…ฉันไม่เคยพบเห็นใครขี้โม้ขนาดนี้มาก่อนเลย!”
“ต้องชื่นชมเลยนะว่า นายเล่นแง่ได้เจ๋งมาก แต่มันขี้โม้เกินจะเชื่อได้ลง ตอนที่โกรหกไม่กระดากปากตัวเองเลยเหรอ?”
“ไม่น่าแปลกว่าทำไมถึงถูกไล่ออกจากงาน ที่แท้มันก็ขี้โม้แบบนี้นี่เอง!ฮ่าฮ่า…”
“ฮ่าฮ่าๆๆ …”
เหลียวเซียวหยุนปั้นหน้าบึ้งตึง หันไปถามจ้าวเฉียนว่า
“จ้าวเฉียน ยกเลิกการประมูลที่ดินของมันไปซะ ทำให้รู้ไปเลยว่าใครเป็นใคร!”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาชางเจียกง
“ฮาโหล คุณชาง ตอนนี้กำลังโอนโครงการที่ดินอาคารชุมชนไปให้บริษัทที่ชื่อ หวางเจ๋อใช่ไหม?”
“อืม เรื่องนี้ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนัก ต้องถามลูกน้องผมอีกทีครับ คุณชายจ้าวโปรดรอสักครู่”
“ตกลง”
จ้าวเฉียนวางสายไป รอให้ชางเจียกงตอบกลับมา
ในขณะนั้นเอง ผู้จัดการของหวางเจ๋อก็โทรเข้ามาพอดี เขาจงใจเปิดลำโพงเพื่อให้ทุกคนได้ยินโดยทั่วกันว่า
“ว่าไง สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
หวางเจ๋อเอ่ยถามอย่างมีความสุข
“ประธานหวาง ตอนนี้ผมเพิ่งยินยันกับหยางไห่ไปเองว่า เราชนะการประมูลแว้จริงๆ เขากำลังส่งคนมาโอนสิทธิ์ที่ดินอาคารครับ!”
“ฮ่าฮ่า…ดีมาก!สิ้นปีนี้เตรียมรับโบนัสไปเลยหนึ่งล้านหยวน!”
“ขอบคุณมากครับประธานหวาง ผมสัญญาจะทำงานให้หนักขึ้นไปอีก!”
หวางเจ๋อกดวางสายไปด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็เหลือบมองจ้าวเฉียนด้วยสายตาสุดรังเกียจ