ตอนที่203 ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับผีเน่าอย่างนาย
จ้าวเฉียนพาเหลียวเซียวหยุนไปที่ห้างดังกล่าว และอนุญาตให้เธอเที่ยวเล่น เลือกซื้อของได้ตามใจอิสระ แน่นอน สัญชาตญาณของผู้หญิงคือ ต่อให้จะรวยแค่ไหน ของลดราคาย่อมสำคัญที่สุด
เหลียวเซียวหยุนวิ่งไล่ล่าป้ายแดงตั้งแต่ชั้นที่หนึ่งไปยันชั้นบนสุด และจากชั้นบนสุดวิ่งไล่ลงมายันชั้นที่หนึ่ง จนตอนนี้ทั้งเธอกับจ้าวเฉียนแบกถุงช็ปปิ้งเต็มวงแขน แต่เธอก็ยังดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่นัก
“จ้าวเฉียน นายช่วยเอาถึงพวกนี้ไปเก็บก่อนในรถได้ไหม ฉันว่าจะเดินซื้ออีกสักรอบ เฮ้อออ…ไอ้ความรู้สึกที่สามารถซื้อได้ไม่จำกัดแบบนี้ นี่มันเจ๋งจริงๆ!”
เหลียวเซียวหยุนยกแขนตะโกนด้วยความดีใจราวกับได้ปลดปล่อย
สีหน้าของจ้าวเฉียนมืดทมิฬลงทันทีที่ได้ยิน จะให้ยกกองภูเขาพวกนี้ขึ้นรถเพียงลำพัง? เขาไม่ตายกลางทางก่อนเหรอ!
เขายิ้มแห้งตอบไปว่า
“ถ้าจะเหมาทั้งห้างขนาดนี้ เดี๋ยวผมเรียกคนให้ไปส่งของพวกนี้กลับบ้านดีกว่านะ คุณเดินช็อปตามสบาย ผมขอนั่งพักแถวนี้ก่อนแล้วกัน”
เหลียวเซียวหยุนที่กำลังติดลมก็พยักหน้าตอบทันที
“ได้เลย นายนั่งพักไปก่อน ที่เหลือเดี๋ยวฉันออกโรงเอง!”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและแบกถุงชอปปิ้งทั้งหมดไปยังพื้นที่นั่งพักผ่อน เหลียวเซียวหยุนเห็นว่าอีกฝ่ายได้นั่งพักแล้ว ก็โบกมือให้และวิ่งไปช็อปปิ้งต่อทันที
จ้าวเฉียนรีบส่งข้อความไปหาชางเจียกงทันที โดยขอให้อีกฝ่ายพาลูกน้องมาสักสองคน
ประมาณห้านาทีต่อมา ชางเจียกงก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมผู้ช่วยอีกสองคน แต่ที่แห่งนี้คือสาธารณะ เขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของจ้าวเฉียนให้คนอื่นรับรู้ ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นเอ่ยถามประหนึ่งว่าถามตอบกับลูกค้าที่ใช้บริการในห้างว่า
“คุณลูกค้าท่านนี้ซื้อของมาเยอะมากเลยนะครับ มีอะไรให้ทางผมช่วยเหลือหรือเปล่า?”
จ้าวเฉียนปาดเหงื่อเล็กน้อย แสร้งถามไปว่า
“แน่นอนที่สุด เพื่อนผมซื้อของไม่หยุดเลย นี่ก็ยังวิ่งออกไปซอปต่อ เอ่อ…แล้วคุณคือ…”
“ผมเป็นผู้บริหารของห้างแห่งนี้ครับ ผมมีหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าทุกคน บังเอิญว่าผมพาลูกน้องสองคนนี้มาพอดี ถ้าไม่รังเกียจ ให้พวกเขาช่วยเหลือได้นะครับ”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและสั่งการทันทีให้พวกเขานำของพวกนี้ส่งไปตามที่อยู่ดังกล่าว ก่อนจะหยิบเงินออกมาปึกหนึ่งจากกระเป๋าตัง โดยปกติแล้ว เขาไม่ค่อยชอบพกเงินสดมาเยอะๆ ดังนั้นในเงินติดกระเป๋าที่เขาพอมีจึงไม่เยอะมาก แค่สองถึงสามพันหยวนเท่านั้น(ประมาณ15,000บาท)
“ฉันยังไม่ได้ไปกอดเงินมาเลย งั้นเอาเงินก้อนนี้ไปให้หมด คิดซะว่าค่าชานะ ฝากด้วย”
จ้าวเฉียยื่นเงินปึกนั้นให้ลูกน้องของชางเจียซงทั้งสองคนนั้น แต่กลับไม่มีใครกล้าเอื้อมมือไปหยิบเลย
ชางเจียกงยิ้มกล่าวว่า
“ไม่ต้องสุภาพหรอกครับคุณลูกค้า นี่เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว”
จ้าวเฉียนส่ายหัวกล่าวตอบไปว่า
“มันก็ใช่ที่เรื่องพวกนี้เป็นหน้าที่ของคุณ แต่ผมเองก็มีสิทธิ์ให้ค่าเหนื่อยคนที่มาช่วยเช่นกัน รับไปเถอะ ผมไม่เคยวานให้ใครช่วยโดยไม่มีค่าตอบแทน”
ชางเจียกงเข้าใจความหมายในคำกล่าวของจ้าวเฉียนในทันที จึงหันไปพูดกับลูกน้องทั้งสองคนว่า
“งั้นพวกนายรับไปเถอะ คุณลูกค้าท่านนี้ใจกว้างกับพวกเรามาก ดังนั้นดูแลสิ่งของของเขาให้ดีๆ อย่าทำให้เสียหายเด็ดขาด”
ทั้งสองรับพยักหน้าตอบและให้สัญญากับชางเจียกงทันที และรับเงินปึกนั้นมาอย่างมีความสุข
จ้าวเฉียนยิ้มด้วยความพึงพอใจนัก เอ่ยถามกับชางเจียกงว่า
“จะว่าไป ห้องน้ำอยู่ทางไหนเหรอ?”
ชางเจียกงเองก็หัวไวฉลาดยิ่ง เขารู้ทันทีว่าจ้าวฉียนกำลังหาข้ออ้างเพื่อไปคู่กันส่วนตัว แสดงว่าต้องมีบางอย่างจะคุยด้วยแน่นอน จึงยิ้มตอบกลับไปทันที
“เดี๋ยวผมนำทางให้เองครับ เชิญทางนี้”
จ้าวเฉียนยิ้ม ลุกขึ้นจากที่นั่งพักและตอบว่า
“ขอบคุณมาก”
ชางเจียกงไม่ลืมหันไปสั่งการลูกน้องทั้งสองว่า
“พวกนายรอตรงนี้ก่อน แล้วฝากเฝ้าของพวกนี้ด้วย อย่าละสายตาเด็ดขาด!”
“ครับผม!”
“ครับผม!”
ชางเจียกงพยักหน้าและเดินนำจ้าวเฉียนออกไป แต่ทั้งสองไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำอย่างที่กล่าว แต่ไปยังห้องทำงานของชางเจียกงแทน
จ้าวเฉียนไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า จึงเอ่ยถามไปตามตรงว่า
“เป็นไงบ้างช่วงนี้ งานที่นี่โอเคไหม?”
ชางเจียกงรีบหันไปหยิบแห้มเอกสารส่งให้จ้าวเฉียนดูทันที มันเป็นข้อมูลค่าผลประกอบการในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
ไม่มีอะไรยืนยันได้หนักแน่นกว่าข้อมูลบนหน้าเอกสารอีกแล้ว และหลังจากที่ชางเจียกงเข้ามาบริหารห้างแห่งนี้ ตัวเลขผลประกอบการกูดูดีขึ้นเล็กน้อยจริงๆ
นี่แค่สองเดือนเท่านั้น หากให้เวลาเขาอีกหน่อย ผลประกอบการจะต้องออกมาดีกว่านี้แน่นอน
จ้าวเฉียส่งรายงานกลับคืนไปพร้อมยิ้มกล่าวว่า
“ผมมองคนไม่ผิดจริงๆ คุณเป็นคนมีความสามารถ ถ้ายังตั้งใจทำงานอยู่แบบนี้ ผมจะนำเรื่องของคุณไปคุยกับพ่อผม เผื่อจะนำโอกาสดีๆให้คุณใช้ต่อยอดในชีวิต0kdouh”
ชางเจียกงโค้งคำนับจ้าวเฉียนด้วยความดีใจอย่างสุกซึ้ง กล่าวขอบคุณโดยไวว่า
“ขอบพระคุณอย่างมากครับคุณชายจ้าว ผมจะตั้งใจทำงานต่อจากนี้อย่างสุดความสามารถ ไม่ทำให้คุณชายจ้าวผิดหวังแน่นอน ตระกูลจ้าวเปรียบเสมือนชีวิตผม ผมจะทุ่มทั้งแรงกายแรงใจเลยครับ!”
“ฮ่าฮ่า…ดีมาก พวกเรายินดีต้อนรับคนมีความสามารถแบบคุณเสมอ หลังจากนี้สามปีถ้าคุณทำให้ผมพอใจได้ ผมจะพาคุณไปซื้อบ้าดีๆสักหลังในเมืองตงไห่ คุณคิดเห็นว่ายังไง?”
จ้าวเฉียพูดเสนอแนะออกไปทั้งรอยยิ้ม
ชางเจียกงยิ่งตื่นดต้นดีใจเข้าไปใหญ่ ราคาบ้านเฉลี่ยต่อหลังในเมืองตงไห่จะคิดอยู่ในเรทราคาที่60,000หยวนต่อ1ตารางเมตร บ้านขนาดย่อมก็ปาไปกว่า6ล้านหยวนแล้ว ทำงานทั้งชีวิตยังไม่รู้จะได้บ้านดีๆสักหลังหรือเปล่า แต่กลับไม่คิดไม่ฝันเลยว่า คุณชายจ้าวจะใจดีกับเขามากขนาดนี้
เขาต้องทุ่มทั้งแรงกายแรงใจเพื่อบริหารห้างแห่งนี้ให้ออกมาดีที่สุด และจักต้องทำให้คุณชายจ้าวพอใจให้ได้
รอบดวงตาของชางเจียกงเห่อร้อนขึ้นมาทันใด เขารีบโค้งคำนับอีกครั้งและกล่าวว่า
“คุณชายจ้าวใจดีเกินไปแล้วครับ ผมไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ ขอเพียงได้ช่วยเหลือคุณชายได้ผมก็รู้สึกยินดีมากแล้วครับ!”
จ้าวเฉียนยิ้มพลางเดินเข้ามาตบไหล่เบาๆ กล่าวว่า
“ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น ไม่ต้องไปส่งผมนะ”
“โชคดีนะครับคุณชายจ้าว! มีอะไรโทรหาผมได้ตลอด24ชม.!”
ชางเจียกงก้มศีรษะคำนับส่งจ้าวเฉียนออกไป
ขณะที่จ้าวเฉียนเดินไปทางห้องน้ำ ก็ดันไปชนเข้ากับคนรู้จักอย่างพอดิบพอดี
“อ้าว! นี่มันคุณหนูหวานไม่ใช่เหรอ? มาเดินห้างเล่นเหรอครับวันนี้?”
ทว่าวันนี้หวานเจียงดูแปลกไป เธอย่างสามขุมเข้ามาหาจ้าวเฉียนพลันบีบรอยยิ้มพยาพยามให้ดูปกติที่สุด ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับน่าสยดสยองอย่างบอกไม่ถูก ตรงเข้าประจันหน้าจ้าวเฉียน เธอก็ยังกล่าวทั้งๆที่ยิ้มอยู่แบบนั้นว่า
“ฮ่าฮ่า… สาวน้อยคนนั้นคือใครเหรอ? เธอดูสวยดีนะ…เห็นนายพาเธอไปช็อปปิ้งแถมรูดบัตรจ่ายให้เธอด้วย! ว้าว! ดูมีความสุขกันดีหนิ!”
จ้าวเฉียนยิ้มเจือนทันที เอ่ยตอบกลับไปว่า
“โอ้? เห็นฉันตั้งแต่แรกแล้ว? ทำไมไม่มาทักกันล่ะ? หรือวันนี้เธอมาเดินควงกับหนุ่มที่ไหนหรือเปล่า? หล่อเท่าฉันหรือเปล่า?”
“หน้าไม่อาย! อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลยดีกว่า ถ้าฉันเข้าไปทักตอนนั้น เกรงว่าฉันจะเป็นตัวกขคน่ะ!”
หวานเจียงกอดอก กล่าวประชดเสียดสีดูท่าทางไม่พอใจอย่างมาก
จ้าวเฉียนถอนหายใจเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ เคลื่อนใบหน้าตรงเข้าไปกระซิบข้างหูเธอว่า
“ถามจริงๆเถอะนะ นี่เธอชอบฉันจริงๆเข้าแล้วใช่ไหม? ถึงดูหึงขนาดนี้เนี่ย?”
หวานเจียนสะบัดศีษณัหันหน้าหนีจ้าวเฉียนโดยพลัน มือทั้งสองกำหมัดแน่น ได้ยินแค่เพียงเสียงเธอพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง และวิ่งเข้าห้องน้ำผู้หญิงไปทั้งแบบนั้น
จ้าวเฉียนยืนเกาหัวเล็กน้อยคล้ายท่าทีกำลังงุนงง ปกติเขามักจะแกล้งเธอเล่นแบบนี้เป๋นประจำอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เธอดูโกรธจริงๆ หรือว่าวันนั้นของเดือนมาพอดี?
หวานเจียงรีบวิ่งเข้าห้องน้ำห้องหนึ่ง ปิดประตูดังปัง จิตใจของเธอ ณ ขณะนี้กำลังสับสนรวนเรอย่างมาก
‘เป็นอะไรของฉันเนี่ย? ทำไมต้องรู้สึกอึดอัดขนาดนี้? แต่หมอนั้น…หมอนั้นกำลังอยู่กับผู้หญิงคนอื่นจริงๆ! ฉันเคยบอกเขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ฟังกันเลย? ไม่…ไม่ตั้งสติก่อนหวานเจียง ยิ่งเราโวยวายไปก็ยิ่งทำให้เราด้อยค่าในสายตาเขา ดังนั้น….ฉันไม่ปล่อยให้พวกมันสองคนได้เที่ยวต่ออย่างมีความสุขแน่!’
หวานเจียงคิดวนไปเวียนมากับตัวเองเป็นเวลาครู่ใหญ่ ยิ่งคิดจิตใจก็ยิ่งวุ่นวายไปหมด เธอโกรธมากจนเผลอทำกางเกงเปื้อนเปียกเล็กน้อย
“ตาบ้าจ้าวเฉียน! ตาบ้า! ตาบ้า! ตาบ้า! รอฉันออกไปก่อนเถอะ คอยดูได้เลยว่าฉันจะเอาคืนนายยังไง!!”
จ้าวเฉียนรออยู่นอกห้องน้ำเกือบสิบนาทีแล้ว แต่หวานเจียงก็ยังไม่ออกมาสักที จนสุดท้ายก็หยิบมือถือออกมาโทรตาม แต่ดันถูกเธอตัดสายซะได้
ไม่กี่อึดใจขต่อมา หวานเจียงก็เดินออกมาพร้อมสีหน้ามืดหม่น มือขวากำลังไขว้อยู่ด้านหลังราวกับกำลังซ่อนอะไรบางอย่าง
“นี่เธอกำลังทำบ้าอะไรอยู่? ไปว่ายน้ำในชักโครกมารึไง?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถามพลางติดตลก
หวานเจียงเดินตรงไปหาจ้าวเฉียนอย่างเงียบงัน ไม่พูดไม่จาใดๆ
จ้าวเฉียนเริ่มได้กลิ่นไม่ดีมาแต่ไกล ขณะที่กำลังจะรีบกลับตัวถอยหายกลับสายเกินไปแล้ว หวานเจียงขว้างสิ่งที่ซ่อนอยู่ในมือขวาใส่โดยตรง และนั้นเป็นก้อนกระดาษชำระที่เปียกโชก พุ่งไปแปะกลางหน้าอกอย่างแรง
“อะไรเนี่ย?!”
จ้าวเฉียนรีบปีดก้อนกระดาษชำระเปียกทิ้งลงพื้น ก้าวถอยหลังออกไปโดยไว
หวานเจียงระเบิดหัวเราะลั่นและชี้หน้ากล่าวขึ้นว่า
“มันคือกระดาษชำระที่ฉันเพิ่งใช้! ฮ่าฮ่าๆๆ…”
จ้าวเฉียนถึงกับถอดเสื้อผ้าของเขาออกมาโดยตรง และโยนลงถังขยะทันที
“อี๊! น่าขยะแขยง! นี่เธอ…นี่เธอทำไมถึงสกปรกแบบนี้!”
จ้าวเฉียนเอ่ยปากบ่นไม่หยุด!
หวานเจียงไม่คิดแม้แต่จะอธิบายให้ฟัง เธอปิดปากกลั้นขำและวิ่งหนีไปทันที
“นี่เธอ!! รอบหน้าฉันจะฉี่ใส่มือมาปาดหน้าเธอ! ไม่สิ…เอายัดปากเธอไปเลย!!”
จ้าวเฉียตะโกนไล่หลังกรนด่าไม่หยุด
หวานเจียงได้ยินแบบนั้นท้องไส้พลันปั่นป่วนขึ้นมาทันใด เธอเหลียวหลังหันไปด่าสวนว่า
“นี่นายเป็นโรคจิตรึไงห๊ะ!? แล้วไอ้กระดาษชำระนั่นแค่น้ำประปา เจ้าโง่ โดนหลอกแล้ว! นี่ถือเป็นโทษฐานที่นายมีคนอื่น ถ้าครั้งหน้ายังเห็นพวกนายสองคนเดินด้วยกันอีก ต่อไปมันไม่ใช่แค่น้ำปะปาแน่นอนจำไว้!”
ดูเหมือนว่าหวานเจียงจะเริ่มมีใจให้จ้าวเฉียนแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นเธอที่เห็นจ้าวเฉียนกับเหลียวเซียวหยุนเดินช็อปปิ้งด้วยกัน คงไม่ได้สนใจอะไรนักจริงไหม?
จ้าวเฉียนรีบเดินไปหยิบเสื้อจากในถังขยะขึ้นมาสะบัดสองสามครั้งและนำขึ้นมาสวม
แต่ในเวลานั้นเอง ดันมีสาวสวยคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี และเห็นจ้าวเฉียนที่หยิบเสื้อออกมาจากถังขยะมาใส่ สีหน้าการแสดงออกของเธอคนนั้นชัดเจนมาก ดูท่าจะรังเกียจอย่างมาก
นี่มันทางเข้าห้องน้ำนะ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?
จ้าวเฉียนไม่ได้รู้จักเธอคนนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเธอจะคิดเห็นอย่างไร ดังนั้นเขาจึงเดินสวนผ่านเธอจากไปทันที
“น่าขยะแขยงจัง! ต้องจนขนาดไหนถึงขั้นคุ้ยขยะหาเสื้อผ้ามาใส่…”
สาวสวยคนนั้นรำพึงกับตัวเองเบาๆ สีหน้าของเธอดูท่าจะรังเกียจจริงๆ
แต่จ้าวเฉียนก็หูดีไม่น้อย บังเอิญว่าได้ยินสิ่งที่เธอสบถไปทั้งหมด
“เฮ้คนสวย! ว่างไหม? ไปดื่มชาด้วยกันเปล่า?”
จ้าวเฉียนทักเธอน้ำเสียงเย็น
สาวสวยคนนั้นขดริมฝีปากบู้ด้วยความขยะแขยง สบถตอบไปว่า
“ฉันไม่อยากมีเพื่อนเป็นผีเน่าจนๆแบบนี้ อย่าฝัน!”
พอพูดจบเธอก็เดินเข้าห้องน้ำไป
จ้าวเฉียนได้แต่ยิ้มเยาะและเดินจากไปอย่างไม่ใส่ใจนัก