ตอนที่214 พวกกลุ่มคนขี้ขลาด
หลิวกวนตกใจอย่างมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าจ้าวเฉียนมีอำนาจมากถึงขนาดนี้ ถึงนั้นที่ว่าสามารถทำให้ทุกคนในโรงแรมตงไห่ยันผู้จัดการตกอยู่ใต้อาณัติ และต้องเชื่อฟังคำสั่งอย่างเคร่งขรัด
จ้าวเฉียนยิ้มตรงเข้าไปตบไหล่และกล่าวว่า
“ไม่ต้องกลัวไป ผมเป็นแขกVIPสูงสุดของที่นี่ และผมใช้จ่ายกับโรงแรมแห่งนี้ไม่ต่ำกว่าร้อยล้านแล้ว พวกเขาย่อมให้เกียรติผมก่อนเป็นธรรมดา พวกปลาซิวปลาสร้อยอย่างหยางจานคุนทำอะไรผมไม่ได้อยู่แล้ว”
หลิวกวนรีบตอบกลับทันทีอย่างสุภาพว่า
“ผะ-ผมคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจ้าวจะทรงอำนาจขนาดนี้ ผมเดิมพันฝากชีวิตไว้ถูกคนแล้วจริงๆ หลังจากนี้ผมจะตั้งใจฝึกไม่ปล่อยให้คุณจ้าวต้องผิดหวังแน่นอนครับ อ่อ…อ่อ…เรื่องเช็คเงินสองล้าน ผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ ครับ แค่ค่าอาหารวันนี้ก็ไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ผมเกรงใจเกินจะรับได้จริงๆ ครับ”
จ้าวเฉียนหัวเราะและผลักเช็คคืนไป
“ในเมื่อผมให้คุณไปแล้ว ผมก็ไม่อยากได้กลับคืนมาอีก รับมันไว้เถอะ แค่นี้ฉันไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว”
หลิวกวนยิ่งเกรงใจจ้าวเฉียนเข้าไปใหญ่ เขาไม่สามารถรับเงินจำนวนนี้ได้จริงๆ
“แต่คุณจ้าว เงินจำนวนนี้มันมากเกินไปจริงๆ คุณแค่เข้ามาบริหารทีมหมั่นสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซ้อมอย่างสม่ำเสมอ มันก็เพียงพอแล้วครับ ผมไม่สะดวกใจรับไว้จริงๆ ครับ”
จ้าวเฉียนตรงเข้ามากอดไหล่หลิวกวนและตอบกลับไปว่า
“ถ้าเกรงใจขนาดนี้ก็อย่าทำให้ผมผิดหวังสิ แสดงความสามารถออกมาให้เห็นว่าคุณเหมาะสมกับเงินที่ผมให้ไปจริงๆ หรือทำไม่ได้กัน?”
หลิวกวนได้ยินแบบนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเก็บเช็คกลับไป แววตาของเขาในตอนนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความมุ่งมั่นและภักดีต่อจ้าวเฉียน เขารีบกล่าวตอบทันที
“ฝีมือผมคือของจริงครับ! ผมจะทำให้คุณจ้าวเห็นเองว่า การที่คุณเลือกผมเข้าทีมคือการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว!”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะลั่นตอบไปว่า
“ต้องอย่างนี้สิ ผมเชื่อใจคุณ!”
ในเวลานี้เอง บรรดาแม่บ้านต่างก็เดินออกไปจากห้องไป พนักงานคนหนึ่งเดินมาแจ้งว่า
“คุณจ้าวครับ ทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย ไม่ทราบว่าจะสั่งอาหารเลยดีไหมครับ?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าให้ และแนะนำรายการอาหารต่างๆ ให้หลิวกวนฟัง หลังจากนั้นก็รับประทานอาหารเย็นกันอย่างเอร็ดอร่อย
อีกด้านหนึ่ง หยางจานคุนเพิ่งทำแผลเสร็จที่โรงพยาบาล ขณะเดินจากออกมา ลูกน้องคนหนึ่งก็กล่าวขึ้นว่า
“พี่คุน พวกเราจะทำยังไงกันต่อไปดี? คงไม่ยอมจบแค่นี้ใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว! พวกเราไม่ยอมถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน! เรื่องแบบนี้ใครจะไปรับได้!”
หยางจานคุนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แต่จะอย่างไรเขายังไม่ลืมเรื่องสุดอัปยศในวันนี้แน่นอน
“บัดซบ! โทรหาพวกที่เหลือบุกไปที่อู๋ของจ้าวเฉียน! ในเมื่อลงมือที่โรงแรมไม่ก็ลงมือที่อื่น!”
“ได้ครับ! ผมจะรีบโทรเดี๋ยวนี้…”
กลุ่มคนของหยางจานคุนรีบระดมโทรหาพรรคพวกที่เหลือมาอย่างรวดเร็ว
นับจำนวนรวมกันรถตู้เต็มทั้งห้าคันรถ ปริมาณกว่า60คน
ปัจจุบันอู่ของจ้าวเฉียนที่ว่าก็คืออู่ซ่อมรถของจ้าวเฉียน ที่แห่งนี้เป็นทั้งสถานที่ประชุมของทีมและอู๋ซ่อมรถ ซึ่งในเวลานี้เองอู๋ก็กำลังเปิดให้บริการตามปกติ
ทันใดนั้นรถตู้ทั้งห้าคันก็แล่นเข้ามาจอมเทียบท่าอย่างรวดเร็ว บรรดาลูกน้องของอู่เลอรีบวิ่งออกมาดูสถานการณ์ทันที จนมีคนหนึ่งสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องขึ้น จึงรีบโทรศัพท์หาจ้าวเฉียนเป็นการด่วน
“ฮาโหลครับบอส แย่แล้ว! มีคนจากที่ไหนไม่รู้ขับรรตู้มาล้อมอู่ไว้ เท่าที่ดูเกือบร้อยคนได้!”
จ้าวเฉียนรีบกล่าวสงบสติอีกฝ่ายทันที
“โอเค พวกนายตั้งสติและถอยกลับเข้าไปในอู่ก่อน ปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย รอจนกว่าฉันจะไปถึง”
พอวางสายเสร็จ จ้าวเฉียนก็รีบโทรไปหาหยางหู่ต่อทันที รอกำลังเสริมเดินทางไปยังอู่ซ่อมรถของอู่เลอ
หยางจานคุนชี้ไปหน้าลูกกรงกู่ตะโกนสาปแช่งเสียงดังลั่นว่า
“ไอ้พวกขี้ขลาด! มึงไปเรียกไอ้เวรที่ชื่อจ้าวเฉียนให้มาที่นี่เดี๋ยวนี้!”
“ออกมาสิโว้ย! จะมาหัวหดตอนนี้ก็สายไปแล้ว!”
“ออกมา แน่จริงก็ออกมา!”
จากนั้นคนของหยางจานคุนก็เริ่มกระหน่ำทุบตีรถที่มาซ่อมในอู่ทันทีโดยรอบด้วยไม้เบสบอลในมือ เสียงทะเลาะวิวาทดังสนั่นไปทั่วทั้งแทบนั้น ช่างเป็นภาพฉากที่น่ากลัวจริงๆ
“บอสพวกกูกำลังออกมาแล้ว! กูเพิ่งโทรหาเขาเมื่อกี้ มาทุบรถคนอื่นเขาแบบนี้ เตรียมจ่ายหัวโต! ไอ้โง่!”
หยางจานคุนหัวเราะเยาะลั่น พลางเหวี่ยงไม้เบสบอลในมือหวดใส่กระจกรถคันหนึ่งจนแตกกระจาย
“จะให้กูจ่ายงั้นเหรอ? งั้นต้องโดนอีกดอก! เคร้ง! อยากให้กูจ่ายนักใช่ไหม! มาสิ! ออกมาเอาเงินที่กูนี่!”
หยางจานคุนออกคำสั่งให้ทุกคนอย่าหยุดมือ และให้กระหน่พทุบรถต่อไปไม่ต้องหยุด
ต้องกล่าวก่อนว่า ตั้งแต่ที่อู่เลอชนะการแข่งระดับภูมิภาคได้ อู่ซ่อนรถของเขาก็มีชื่อเสียงขึ้นทันตา และมีรถหรูของบรรดาเศรษฐีหลายคันที่ส่งเข้ามาซ่อมและทำสีเพิ่มเติม ดังนั้นรถที่พวกหยางจานคุนทุบไปมีทั้ง Mercedes-Benz, BMW หรือแม้แต่ Porsche ก็ตาม พวกนี้ล้วนเป็นรถนำเข้าราคาแพงทั้งสิ้น
“พวกเราควรทำยังไงดี? ปล่อยให้รถของลูกค้าถูกทุบแบบนี้ต่อไป เราจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าชดเชย?”
“แจ้งตำรวจ! อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้!”
“แต่เดี๋ยว! บอสบอกให้พวกเราไปซ่อนตัวข้างในเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ ถ้ากระโตกกระตากโทรเรียกตำรวจตอนนี้ ไม่ใช่ว่าจะไปสร้างปัญหาให้บอสแทนเหรอหลังจากนี้?”
“งั้นก็รอดูสถานการณ์ไปก่อน ฉันว่าบอสจะต้องมีแผนรับมือแล้วแน่นอน! ไม่ต้องกังวลไป!”
….
บรรดาลูกน้องในอู่ต่างวิตกกังวลอย่างหนัด เพราะค่าชดเชยที่ประเมินได้จากสายตาตอนนี้มันทะลุไปกว่าหลายสิบล้านแล้ว
พอหยานจานคุนทุบรถทั้งหมดจนหนำใจแล้ว เขาก็ตะโกนขึ้นว่า
“พอเว้ย! รอแม่งมา!”
ผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง คนของหยางหู่มาถึงก่อน จำนวนไม่ค่อยเยอะมากประมาณ20คนเห็นจะได้ แม้มองภายนอกจะปราศจากอาวุธ แต่ที่จริงมีทั้งมีดสั้นและกระบองซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ ของร่างกาย
นี่เป็นทีมส่วนตัวของหยางหู่ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นทหารสังกัดหน่อยพิเศษเก่าทั้งสิ้น ภาตใต้การนำของหยางหู่ หากยังไม่มีคำสั่ง พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวเด็ดขาด
หยางจานคุนรู้สึกหวั่นกลัวเล็กน้อย แต่เมื่อคิดได้ว่าพวกตัวเองมีตั้ง60คน ไม่เห็นจำเป็นต้องกลัวคนพวกนี้แม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงก้าวออกไปรับหน้าอย่างหาญกล้ายิ่ง พร้อมกล่าวว่า
“เห้ยพวกมึงเป็นใครวะ?”
หยางหู่เอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบ แต่แววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความรังเกียจ
“คุณไม่มีคถณสมบัติพอที่จะรู้ว่าผมคือใคร คุณคงเป็นหยางจานคุนใช่ไหม?”
หยางจานคุนขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่อยถามกลับไปทันที
“มึงรู้จักกูได้ไงวะ?”
หยางหู่กรนเสียงหัวเราะดูเยือกเย็นอย่างยิ่ง ก่อนตอบไปว่า
“สัปดาห์ก่อน ที่คุณมีเรื่องกับลูกค้าในKTV ก็ไม่ใช่คนของผมเหรอที่ช่วยคุณไกล่เกลี่ยให้?”
หยางจานคุนได้ยินไปแบบนั้นถึงกับเอ่ยถามกลับไปทันทีด้วยความสับสนว่า
“คุณ…คุณคือหยางหู่…เจ้าของKTVคนนั้น?”
“ใช่ ผมเอง ผมไม่อยากมีเรื่องกับพวกกุ๋ยข้างถนนเท่าไหร่ มันเสียชื่อน่ะ รีบวางอาวุธในมือลง แล้วคำนวณเดี๋ยวนี้ว่า ไอ้ที่พวกคุณทุบไปมันราคาเท่าไหร่ จ่ายเงินครบเมื่อไหร่ค่อยไสหัวไป”
หยางจานคุนหวาดกลัวจนตัวสั่นเท่าไม่หยุด เดินถอยกลับไปทันทีสองสามก้าว ส่วนบรรดาคนอื่นๆ ก็ถึงกับแขนขาสั่นพับ รีบโยนอาวุธในมือต่างๆ ทิ้งโดยไวราวกับจับโดนของร้อน ใครบ้างไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของพี่หู่แห่งเมืองตงไห่?
ในเวลานี้เอง จ้าวเฉียนก็ขับรถมาถึงแล้วเช่นกัน พอเห็นกระจกร้านและรถในอู่เสียหายหนัก เขาเองก็โมโหอย่างมากเช่นกัน
“เสี่ยวหู่ ไม่ต้องเสียวเวลาพล่ามกันพวกมันแล้ว ให้พวกมันคำนวณค่าใช้จ่ายมา ถ้าจ่ายไม่ได้ก็ตายตรงนี้แหละ!”
จ้าวเฉียนเอ่ยปากสั่งการ
หยางหู่พยักหน้าให้และหันมากล่าวกับหยางจานคุนว่า
“คุณเองก็คงได้ยินที่คุณจ้าวพูดแล้วใช่ไหม? ไปคำนวณค่าเสียหายมาเดี๋ยวนี้!”
หยางจานคุนรีบสงบสติความตื่นกลัว และรีบเดินไปตรวจสอบรถทีละคันเลยว่า คันไหนเสียหายเท่าไหร่
ดูจากท่าทางของเขาในตอนนี้ กล่าวได้ว่า หากไม่กลัวจริงคงไม่ออกไปดูแน่นอน แต่ปัญหาที่ตามมือ เขาจะมีปัญญาจ่ายไหวได้ยังไง?
บรรดาคนอื่นๆ รีบวิ่งออกมาคุกเข่าต่อหน้าหยางหู่และจ้าวเฉียน พร้อมปัดความผิดทุกอย่างไปให้หยานจานคุน ทั้งยังบอกอีกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับอีกฝ่ายไม่ได้สนิทสนมกันอย่างที่คิด
“พี่หู่ พวกเราอธิบายได้นะครับ พวกเราก็แค่ลูกมือตอนแข่งของหมอนั่น อันที่จริงพวกเราไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย!”
“ใช่แล้วครับพี่ พวกเราถูกมันกับพี่น้องของมันชักชวนมาเท่านั้น โดยไม่รู้มาก่อนเลยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับพี่หู่ด้วย”
“ผมขอโทษครับพี่หู่ ผมขอโทษ…”
พรรคพวกกว่าหกสิบคนก่อนหน้าเปลี่ยนสีจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เหลือเพียงหยางจานคุนและพี่น้องอีกไม่กี่คนเท่านั้น
“พี่คุน พวกเราเอาไงดี?”
“ควรโทรแจ้งตำรวจดีไหม?”
“บ้าไปแล้วรึไง! ถ้าโทรแจ้งตำรวจตอนนี้ หลักฐานคาตาว่าเราเป็นคนบุกรุก อยากติดคุกด้วยรึไง!”
“แล้ว…แล้วจะให้ทำยังไง? ถ้าไม่แจ้งตำรวจก็ต้องจ่ายค่าเสียหายนะ! หรือแกจะกล้าหือกับพี่หู่?”
“ใจเย็นก่อน รอฟังพี่คุนดีกว่า เขาน่าจะมีแผน”
“ใช่ๆ พี่คุนพูดอะไรบ้างสิครับ?”
“พี่คุนได้ยินพวกผมพูดไหม?”
หยางจานคุนตอนนี้ร้อนใจเกินพอแล้ว พอได้ยินพวกนี้เซาซี้ยิ่งน่ารำคาญเข้าไปใหญ่
“หุบปาก! ก็พวกมึงไม่ใช่เหรอที่เชียร์ให้กูเอาคืน? แล้วเป็นยังไงล่ะ! ใครกันที่ซวย? ก็กูนี่ไง! พวกมึงมีประโยชน์อะไรบ้างวะ นอกจากกินดื่ม? พวกมึงเตรียมหารกับกูได้เลย!”
พอพูดจบหยางจานคุนก็รีบตรงไปหาจ้าวเฉียนทันที
“คุณจ้าวครับ เอ่อ…พวกเรามาคุยดีๆ กันดีกว่า”
จากหน้าบึ้งคิ้วขมวด ตอนนี้หยานจานคุนยิ้มแย้มรีบกล่าวเสียงอ่อนในพริบตา