ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 216 ตรวจสอบให้ละเอียด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ตอนที่216 ตรวจสอบให้ละเอียด

สามวันต่อมา จ้าวเฉียนโทรไปหาหยางจานคุนและหลิวกวนเพื่อนัดพวกเขาไปทานอาหารกันที่โรงแรมตงไห่

ตั้งแต่เริ่มการประชุมหารือจนสิ้นสุดมื้ออาหาร หยางจานคุนกับหลิวกวนกลับไม่พูดไม่จากันสักคำ จนในที่สุดจ้าวเฉียนต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน

“วันนี้ที่ผมเรียกพวกคุณสองคนออกมาทานข้าว คงรู้ใช่ไหมว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องหารือถึงแผนการในทีมเพียงอย่างเดียว? ไม่ว่าในอดีตพวกนายจะทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่ตอนนี้พวกเราอยู่ทีมเดียวกันแล้ว ผมไม่ยอมให้มาแตกแยกกันเองแน่นอน เข้าใจท่พูดใช่ไหม?”

หลินกวนต้องการอยู่กับจ้าวเฉียนด้วยใจจริง และเขาเองก็ยังทราบอีกว่าจ้าวเฉียนคนนี้นั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน ดังนั้นเขาย่อมอุทิศตนเพื่อบอสคนนี้แน่นอน

“บอสจ้าว ผมขอแสดงจุดยืนของตัวเองให้รู้ก่อนเลยนะครับ ผมยินดีคืนดีกับเขา”

หลิวกวนกล่าวตอบออกไปด้วยความจริงใจ

ทางด้านหยางจานคุนที่ถูกบังคับให้ต้องติดตามจ้าวเฉียน เขายังคงมีความดื้อรั้นติดตัวอยู่บ้าง

“บอสจ้าว ผมเองก็ยินดีที่จะคืนดีกับเขาเช่นกัน แต่เสือสองตัวไม่มีวันอยู่ถ้ำเดียวกันได้ ในอนาคตบอสจะวางแผนฝึกพวกเรายังไง?”

จ้าวเฉียนหัวเราะตอบไปว่า

“ฉันเตรียมแผนการฝึกเอาไว้แล้ว ฉันจะให้นายไปฝึกกับอูเลอ นอกจากนี้ฉันจะจ้างโค้ชและผู้ช่วยให้พวกนายรายคน พวกเขาจะคอยเฝ้าดูแต่ละคนว่ามีพัฒนาการหรือยังมีจุดด้อยตรงไหนบ้าง และพวกเขาจะคอยหาวิถีทางฝึกเพื่อแก้ไขต่อไป”

หยางจานคุนเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัยทันที

“บอสจ้าวแน่ใจเหรอครับ? การจะจ้างโค้ชและผู้ช่วยส่วนตัวรายคนขนาดนี้ จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนกล่าว2ถึง3ล้านต่อนักแข่งหนึ่งคน รวมกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดในทีมจะต้องใช้เงินอย่างน้อย10ล้านในการสนับสนุนในแต่ละปี บอสโอเคจริงๆ เหรอครับ?”

จ้าวเฉียนยังคงมองหยางจานคุนในแง่บวก และตอบกลับไปว่า

“อย่าว่าแต่10ล้านเลย ต่อให้เป็นหลักร้อยล้านต่อปีผมก็จ่ายได้ ตราบเท่าที่พวกคุณสามารถแสดงผลลัพธ์ที่ลงทุนไปให้ผมเห็นได้”

หยางจานคุนงุนงงหนักเข้าไปใหญ่เมื่อได้ฟัง

“บอสจ้าวหาเงินมาจากไหนครับตั้งเยอะแยะ?”

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่นายควรกังวล สิ่งที่ควรกังวลจริงๆ คือนายจะสามารถแสดงผลลัพธ์ของการฝึกให้ผมเห็นได้หรือเปล่า? ผมมอลทุกอย่างที่เอื้อต่อประโยชน์ของการฝึกที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว หรือแม้แต่สถานที่เก็บตัวก็ตาม หากในตอนท้ายคุณไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้เท่าที่ควร ถึงตอนนี้คุณเองก็เตรียมรับผลที่ตามมาด้วยเช่นกัน”

จ้าวเฉียนเอ่ยตอบกลับไป

หยางจานคุนถึงกับไม่กล้าถามต่อ และเขาเองก็ไม่กล้าตบปากรับคำเช่นกันว่า ตนจะสามารถแสดงผลลัพธ์ออกมาได้ดีเป็นที่น่าพอใจขนาดนั้นได้รึเปล่า

บุคลิกของแต่ละคนช้วนแตกต่างกันไป บางคนมีแนวคิดที่ว่า อนาคตไม่ใช่สิ่งที่สามารถรับประกันได้เต็มร้อย อาจจะมีตัวแปรที่ไม่สามารถควบคุมได้เข้ามาแทรกแซงระหว่างนั้น จึงทำให้คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองมากเท่าที่ควร และเห็นได้ชัดว่า หยางจานคุนเป็นคนประเภทดังกล่าว ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงไม่กดดันให้เขาเอ่ยปากสัญญาในตอนนี้

จ้าวเฉียนกล่าวต่อขึ้นว่า

“พวกนายสองคนหลังจากนี้หวังว่าจะไม่มีปัญหากันแล้วนะ? เก็บข้าวของแล้วย้ายไปที่บ้านพักที่ฉันจัดเตรียมไว้ให้ภายในสามวัน หลังจากนี้พวกนายจะต้องอุทิศตนให้กับการฝึก ทำให้เต็มที่เข้าใจไหม?”

หลิวกวนพยักหน้าตอบกลับทันที ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเอ่ยคำอำลาจากไป

หยางจานคุนยังมีทีท่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาหันมาพูดกับจ้าวเฉียนว่า

“บอสจ้าวสบายใจได้ครับ ถึงผมจะรับประกันไม่ได้ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆ คือ ผมไม่มีทางแพ้หลิวกวนแน่นอน!”

จ้าวเฉียนพยักหน้าให้อย่างหนักแน่น ยิ้มตอบไปว่า

“ฉันเชื่อใจนาย และก็เชื่อในความสามารถของนายด้วย ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ทุ่มเงินขนาดนี้หรอก เอาล่ะ กลับบ้านไปเก็บของแล้วย้ายเข้าสถานที่เก็บตัว หลังจากนี้จะเริ่มต้นการฝึกอย่างเป็นทางการแล้ว”

หยางจางคุนพยักหน้าและโบกมืออำลาจ้าวเฉียนออกไป

จ้าวเฉียนไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจวัตรการฝึกใดๆ ของพวกเขาอยู่แล้ว เขามีหน้าที่แค่กำหนดกลยุทธ์และทิศทางให้แก่บรรดาโค้ชและผู้ช่วยที่จ้างมา ท้ายหลังผลลัพธ์ที่ออกมาจะดีหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขาเองแล้ว

หากเป็นคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง จ้าวเฉียนไม่มีวันปฏิบัติต่อบุคคลนั้นอย่างเลวร้ายแน่นอน แต่ถ้าใครที่ไม่สามารถแสดงฝีมือออกมาให้เขาเห็นได้ คงอยู่ที่นี่ได้ไม่เกินปีครึ่ง เพราะคนแบบนี้คงไม่จำเป็นเลี้ยงต่อให้เสียข้าวสุก และจะถูกไล่ออกทันที

ประมาณสี่ทุ่มของคืนวัน จ้าวเฉียนกำลังนั่งทานอาหารว่างพลางอ่านข่าวประจำวันตามปกติ แต่กลับต้องสะดุ้งเข้ากับข่าวสกูปหนึ่ง

‘เฟยอวี่กรุ๊ปขายแพลตฟอร์มไลฟ์สตีมมิ่งเฟยอวี่ทอดตลาด และได้บริษัทเงินทุนอย่างหัวเหม่ย อินเวสเม้นท์เข้าซื้อพร้อมอัดฉีดเม็ดเงินกว่าหนึ่งพันล้านหยวน’

จ้าวเฉียนเห็นชื่อบริษัทไม่ค่อยคุ้นตา จึงเร่งทำการตรวจสอบภูมิหลังของหัวเหม่ย อินเวสเม้นท์ในทันใด ปรากฏว่านี่เป็นบริษัทที่เพิ่งจดทะเบียนได้ประมาณหนึ่งเดือนก่อน ตามข่าวลือในอินเตอร์เน็ต เห็นว่าเบื้องหลังที่คอยสนับสนุนบริษัทเงินทุนรายนี้อยู่ก็คือวอลล์สตรีทจากอเมริกา

จ้าวเฉียนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เมื่อเห็นแบบนั้น เขารู้สึกได้ หัวเหม่ย อินเวสเม้นท์เป็นดั่งหมากเดินเกมของทางวอลล์สตรีทอเมริกา เพื่อเข้ามายึดครองส่วนแบ่งทางการตลาดของจีน และที่สำคัญที่สุดคือ หวานฮันซูเองก็ทำงานให้กับทางวอลล์สตรีท ดังนั้นนี่จะต้องเกี่ยวข้องกับเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้

เพื่อที่จะยืนยันข้อสันนิษฐานนี้ของเขา จ้าวเฉียนโทรเรียกหวู่เสี่ยวหัว สั่งการให้เธอไปค้นหาภูมิหลังทั้งหมดของบริษัทหัวเหมาย อินเวมเม้นท์โดยเร็วที่สุด

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ หวู่เสี่ยวหัวก็ส่งข้อมูลกลับมาผ่านทางWechat และเป็นไปตามที่คาดเดาไว้ไม่มีผิด หวานฮันซูมีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทแห่งนี้จริงๆ

ชื่อประธานบริษัทหัวเหม่ย อินเวสเม้นท์คือ มิสเตอร์ จอนสัน สมิท และรองประธานก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หวานฮันซู

อัดฉีดเงินหนึ่งพันล้านแลกกับหุ้นส่วนเฟยอวี่กรุ๊ปจำนวน30% ดูเหมือนว่าหัวเหม่ยจะเอาจริงจังกับการรุกตลาดจีนไม่ใช่น้อย

กล่าวตามตรง หากพวกเขาเข้าลงทุนในบริษัทอื่น จ้าวเฉียนคงไม่แม้แต่สนใจด้วยซ้ำ แต่นี่ดันเข้ามาลงทุนในเฟยอวี่กรุ๊ปซึ่งเป็นเป้าหมายของจ้าวเฉียน และเขาคงปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ได้

จ้าวเฉียนออกคำสั่งมอบหมายงานให้หวู่เสี่ยวหัวทันที โดยไปหาข้อมูลว่า เงินทุนจากอเมริกาไหลเข้ามาในจีนมากขนาดนี้ได้ยังไง? และแจ้งขึ้นไปยังผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ เพื่อหาแรวทางร่วมกันแก้ไขปัญหา

หวู่เสี่ยวหัวรีบรับคำสั่งอย่างกระฉับกระเฉง

“เข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันจะหาช่องทางการโอนเงินของคนพวกนี้โดยเร็วที่สุด ถ้าได้ความว่ายังไง ดิฉันจะรีบรายงานให้ทราบอีกทีค่ะ”

จ้าวเฉียนกรนเสียงครวญครางเล็กน้อยพลางกดวางสายไป แต่ในขณะนั้นเองหยางหู่ก็โทรเข้ามา

“ฮาโหลครับ คุณชายจ้าว! คุณอยู่ที่ไหนครับตอนนี้?”

รับสายไม่ทันไร หยางหู่ตะโกนถามทันทีด้วยความกังวล

จ้าวเฉียนตอบกลับน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า

“อยู่บ้าน มีอะไรรึเปล่า?”

“ผมเพิ่งได้รับแจ้งมาเมื่อสองวันก่อนครับว่า มีคนในเมืองตงไห่ทุ่มเงินเป็นจำนวนมากเพื่อจ้างนักฆ่าจากฝั่งเซียงเจียงให้มาเก็บคุณชาย พอผมส่งคนไปสืบค้นข้อมูล คุณชายจ้าวลองเดาดูสิครับว่า ใครกันที่เป็นคนจ้างมา?”

“หยางหมิง?”

“ไม่ใช่ครับ รอบนี้เป็นฟู่เทียน!”

จ้าวเฉียนไม่แปลกใจเลยเมื่อได้ยินเช่นนั้น มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับเขา ไม่ใช่หยางหมิงก็ฟู่เทียนนี่แหละ

“คุณชายจ้าว ส่งคนไปจัดการฟู่เทียนเลยไหมครับ?”

จ้าวเฉียนไม่อยากจะไปขัดจังหวะแผนการที่วางแผนมาอย่างดีของอีกฝ่าย จึงตอบไปว่า

“ไม่ต้อง สำหรับสองพ่อลูกตระกูลฟู่ ไม่ต้องลงไม้ลงมือกันพวกมันตอนนี้ เสี่ยวหู่ นายช่วยเตรียมกำลังคนไปรับมือกับนักฆ่าที่ว่าที ขอชนิดที่ว่านักฆ่าพวกนั้นหายไปราวกับเข้ากลีบเมฆ เอาให้สองพ่อลูกนั่งเป็นไก่ตาแตก”

หยางหู่ตอบรับคำสั่งโดยเร็ว

“เข้าใจแล้วครับ! ไม่ต้องกังวลไปคุณชาย ผมไม่เคยทิ้งร่องรอยไว้อยู่แล้ว”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“ฉันวางใจนายอยู่แล้ว ตรวจสอบก่อนล่ะว่าพวกมันจ้างนักฆ่ามากี่คน ระวังตัวด้วย เสร็จแล้วรายงานฉันทันที”

“เข้าใจแล้วครับ ผมขอตัวก่อน จะดำเนินการทันทีเลบครับ”

จ้าวเฉียนกดวางสายไป เอนตัวนอนลงบนโซฟาด้วยความสบายใจ

ไม่กี่นาทีต่อมาเหลียวปี้ซ่งก็โทรหาจ้าวเฉียนต่อ

“ฮาโหลครับคุณเหลียว มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

เหลียวปี้ซ่งกรนเสียงเย็นตอบกลับทันที

“ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับแก! เรื่องที่แกเซ็นสัญญากับลูกสาวฉันถือว่าเป็นโมฆะ เราจะไปลงนามสัญญาใหม่กับหวังเฉียง เนื้อหาสัญญายังคงเหมือนเดิม แต่ผู้ลงนามรับโปรเจคนี้คือเขาไม่ใช่แก!”

“นี่หมายความว่ายังไงกันครับเนี่ย? คุณยังคงร่วมมือกับบริษัทฟางนี่ต่อไป แต่ไม่ต้องการร่วมมือกับผม?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ถูกต้อง แกเข้าใจถูกแล้ว!”

เหลียวปี้ซ่งเอ่ยตอบน้ำเสียงหนักแน่น

“ฮ่าฮ่า…ใครไปทำอีท่าไหนครับถึงมาเล็งเป้ามาที่ผมขนาดนี้?”

“นี่ก็เพื่อผลประโยชน์ของลูกสาวฉันเองในอนาคต ฉันจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้อสังหาริมทรัพย์หวังได้บรรลุข้อตกลงเชิงกลยุทธ์กับเราแล้ว เราร่วมลงทุนพร้อมให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในอนาคตพวกเราจะกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกัน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างแกกับลูกสาวฉัน คงไม่ต้องให้อธิบายแล้วนะว่าจะเป็นยังไงต่อไป? ฉันคงไม่เอาลูกเขยจนๆ แบบนี้เข้ามาในครอบครัวแน่นอน!”

“อ่อ เป็นแบบนี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากครับที่คุณเหลียวโทรมาแจ้งเป็นการส่วนตัว”

“เหอะ เหอะ แล้วในอนาคต ฉันไม่อนุฐาตให้เแกกับลูกสาวฉันติดต่อกันอีกในอนาคต! แกเองก็เป็นผู้ชาย โดนดูถูกได้ แต่ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกสาวตัวเองโดยดูถูกแบบแกแน่นอน!”

เหลียวปี้ซ่งกดวางสายทิ้งทันทีหลังพูดจบ จ้าวเฉียนไม่แม้แต่จะมีโอกาสพูดอะไรตอบเลยด้วยซ้ำ เขาสงสัยเหลือเกินว่า ถ้าตนบอกความจริงไปว่า เหลียวเซียวหยุนเสียบริสุทธิ์ให้เขาแล้ว สงสัยเหลือเกินว่า ชายชราคนนี้จะอกแตกตายเลยหรือไม่?

แต่ปล่อยไปแบบนี้น่ะดีแล้ว รอให้ทุกบริษัทหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เขาจะได้ตกเหยื่อเข้ากระเป๋าทีเดียวจบ

จ้าวเฉียนครุ่นคิดอยู่ภายในใจ

“หุหุ…ยิ่งสร้างปัญหาเท่าไหร่ก็ฉันก็ยิ่งชอบมากขึ้นเท่านั้น”

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

Status: Ongoing
จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริงอย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา!“ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที”“เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว”“ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?”“ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!”“ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท