ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 231 สองแนวคิดที่แตกต่าง

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ตอนที่231 สองแนวคิดที่แตกต่าง

เหรินจานซวนเข้าใจความหมายของจ้าวเฉียนดีว่าหมายถึงอะไร แต่เรื่องนี้มันค่อนข้างละเอียดอ่อนกับใจเธอมาก ในแง่ของความรู้สึกส่วนตัว นี่เป็นบริษัทที่พ่อใช้ความอุสาหะอย่างยิ่งกว่าจะสร้างขึ้นมายิ่งใหญ่ได้แบบนี้ เธอจึงไม่เต็มใจปล่อยให้หลุดมือไปแน่นอน แต่ภาตใต้สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน กลับยากเกินกว่าจะตัดสินใจ

จ้าวเฉียนเห็นว่าเธอดูลังเลจึงกล่าวเสริมต่อว่า

“อันที่จริงคุณเองก็คงเข้าใจว่าผมหมายความว่ายังไง ลองกลับไปค่อยๆคิดไตรตรองก่อนก็ได้ นี่นามบัตรผม ถ้าได้คำตอบแล้วโทรหาผมได้ทุกเมื่อ”

เหรินจานซวนรับนามบัตรของจ้าวเฉียนและพยักหน้าเบาๆตอบไปว่า

“ตกลงค่ะ หนูจะให้คำตอบโดยเร็วที่สุด กลับกันเถอะค่ะ วันนี้หนูเหนื่อยมากจริงๆ”

จ้าวาฉัยนพยักหน้าตกลงและขับพาเธอไปกลับไปที่บ้านทันที ในขั้นต้นเหรินจานซวนต้องการจะกลับเข้าบ้านเพื่อพักผ่อน แต่พอไปถึงกลับพบว่า มีชายกลุ่มหนึ่งดักรออยู่หน้าคฤหาสน์ของเธอ

เหรินจานซวนเปลี่ยนใจในทันทีและหันไปรีบกล่าวกับจ้าวเฉียนว่า

“คุณจ้าว ไปที่บ้านของคุณแทนเถอะ”

จ้าวเฉียนเองก็เห็นคนพวกนั้นเช่นกัน ดังนั้นจึงเลี้ยวรถกลับขับตรงไปยังคฤหสาน์ของเขาแทนทันที

ในไม่ช้า ทั้งสองก็มาถึงคฤหสาน์ของจ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนเอ่ยถามขึ้นว่า

“คุณเหริน จะรอให้คนพวกนั้นไปแล้วให้ผมไปส่งที่บ้านคุณ หรือคืนนี้จะนอนค้างบ้านผมเลย จะได้ขึ้นไปเตรียมห้องให้ ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมนอนอยู่ชั้นล่างเอง ไม่ทำอะไรคุณแน่นอน”

เหรินจานซวนรีบตอบกลับว่า

“ขอบคุณนะคะคุณจ้าว ยังไงก็ขอรบกวนค้างที่นี่ก่อนคืนหนึ่ง หลังจากนี้คงพยายามคิดหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ อืม…หนูควรทำยังไงดี?”

แน่นอนสำหรับเหรินจานซวนในปัจจุบัน วิธีที่ดีที่สุดคือ การเทขายหุ้นในมือทิ้งไปเพื่อตัดปัญหา ตราบใดที่เธอยังถือหุ้นอยู่แบบนี้ มีหวังจางต้าเฉินตามรังควานเธอไม่เลิกแน่นอน

แต่อย่างไร นี่เป็นบริษัทที่พ่ออุตส่าห์สร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรง คงเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่เธอจะยอมปล่อยไปง่ายๆ เธอเงียบลงไปพักใหญ่ เห็นแบบนั้นจ้าวเฉียนก็รู้สึกอายเกินกว่าจะถามย้ำว่า ตกลงเธอจะขายหุ้นออกไปหรือไม่

สุดท้ายจ้าวเฉียนก็ทำได้เพียงกล่าวปลอบไปว่า

“อย่าคิดมากไปเลย มีทางขึ้นก็ต้องมีทางลง เดี๋ยวค่อยๆคิดหาวิธีแก้ไปทีละปม”

เหรินจานซวนพยักหน้าและกล่าวว่า

“ถ้าอย่างนั้น หนูรบกวนค้างแรมกับคุณจ้าวคืนหนึ่งนะคะ ระหว่างจะคิดดูให้ถี่ถ้วนสำหรับเรื่องขายหุ้น”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและพาเหรินจานซวนขึ้นไปที่ห้องพักชั้นสอง

“คุณนอนห้องนี้จะเหมาะกว่านะ ถ้าตกดึกอยากเข้าห้องน้ำห้องนี้ก็มีห้องน้ำในตัว แล้วก็นะ…คุณไม่ต้องเรียกแทนตัวเองว่าหนูก็ได้ ฟังแล้วดูแปลกๆ”

ถ้าจะให้พูดตามตรง เหรินจานซวนน่าจะอายุพอๆกับเหลียวเซียวหยุน การจะเรียกแทนตัวเองว่าหนูดูจะขัดหูเกินไปหน่อยจริงๆ

เหรินจานซวนเป็นหญิงสาวที่สุภาพอย่างมากจริงๆ เธอโค้งศีรษะให้จ้าวเฉียนไปทีหนึ่งพร้อมกล่าวขอบคุณ ส่วนจ้าวเฉียนก็เดินลงไปนอนที่ห้องรับแขกข้างล่างแทน

ขณะที่จ้าวเฉียนนอนเล่นอยู่บนโซฟา เขาก็เข้าอินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเซียนเหว่ย เทคโนโลยีเพิ่มเติม ซึ่งยิ่งอ่านมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสนใจบริษัทนี้มากยิ่งขึ้น

บริษัทด้านนวัตกรรมแตกต่างไปจากบริษัทสื่อบันเทิง, บริษัทเกม หรือบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์โดยสิ้นเชิง กล่าวได้ว่าเป็นแหล่งผลิตปัจจัยอีกหนึ่งข้อที่มนุษย์ในปัจจุบันไม่สามารถขาดได้ อาทิ อินเทอร์เน็ต ซิมการ์ด และโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆที่ทำให้ชีวิตประจำวันของผู้คนสะดวกขึ้น

ถ้าเขาสามารถครอบครองที่แห่งนี้ได้ ไม่เพียงแต่จ้าวเฉียนจะสามารถทำเงินได้อย่างมหาศาลต่อปี ที่ยังจะได้รับสถานะทางสังคมที่สูงลิบลิว แตกต่างจากพวกนักธุรกิจทั่วไปโดยสิ้นเชิง แต่ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดคือ บริษัทแบบนี้มีเงินอย่างเดียวก็ซื้อไม่ได้

จ้าวเฉีนอ่านข้าวทั้งหมดในโลกอินเตอร์เน็ต และผล็อบหลับไปโดยไม่รู้ตัว

เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ปาเข้าไปเก้าโมงเช้าแล้ว

จ้าวฉียลุกขึ้นจากโซฟาก็พลันเหลือบไปเห็นเหรินจานซวนที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ พอเธอเห็นว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจึงเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้มหวานว่า

“ตื่นแล้วเหรอค่ะ? มากินข้าวกันเร็ว”

จ้าวเฉียนเดินตรงออกจากห้องรับแขก พอเห็นเหรินจานซวนทำอาหารเช้าตั้งบนโต๊ะเสร็จสรรพ จึงหัวเราะตอบกลับไปว่า

“ฉันนี่เป็นเจ้าบ้านที่ไม่ได้เรื่องเลยแหะ ปล่อยให้แขกต้องตื่นมาทำกับข้าวให้”

เหรินจานซวนหัวเราะคิดคักพลางตอบไปว่า

“แค่เมนูง่ายๆเองไม่ได้ยากอะไรเลยค่ะ ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน เดี๋ยวเรามาคุยเรื่องธุรกิจกัน”

จ้าวเฉียนพยักหน้า และรีบเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันโดนไว ทุกอากัปกิริยาเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึงห้านาที จากนั้นเขาก็ตรงมานั่งที่โต๊ะกินข้าว

เหรินจายซวนส่งช้อนซ้อมในมือให้และทั้งสองก็เริ่มรับประทานอาหารกันทันที

จ้าวเฉียนไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่ พอกินไปได้ไม่กี่คำเขาก็รอให้เหรินจานซวนเกริ่นขึ้นมา

ผ่านไปสักพัก ขณะที่เหรินจานซวนกินใกล้เสร็จ ในที่สุดเธอก็เอ่ยถามขึ้นตามตรงว่า

“คุณจ้าว สนใจซื้อหุ้นในมือฉันต่อไหม?”

จ้าวเฉียนวางตะเกียบในมือลงทันใด พยักหน้าตอบทันทีว่า

“พูดตามตรงนะครับ ผมต้องการหุ้นในมือคุณ ตราบใดที่ราคาไม่สูงเกินไป ผมจะไม่ต่อรองใดๆ”

เหรินจานซวนพยักหน้าและเอ่ยถามขึ้นว่า

“สิ่งที่ฉันสนใจไม่ใช่ตัวเงินค่ะ แต่เป็นความสามารถของคุณ ถ้าฉันต้องการให้คุณเขี่ยผู้ถือหุ้นคนอื่นๆออกไปได้ในการประชุมครั้งหน้า คุณจะทำได้ไหมค่ะ?”

เรื่องที่เธอขอมามันค่อนข้างยากเลยแหละ ผู้ถือหุ้นที่เธอว่าต้องหมายถึงจางต้าเฉินแน่นอน และคนอย่างเขาไม่มีทางละทิ้งอนาคตอันสดใสในมือไปง่ายๆแน่นอน

หากจ้าวเฉียนยืนกรานขับไล่คนพวกนี้ออกไปจากสถานะผู้ถือหุ้น ผลที่จะตามมาเขาจะต้องสูญเสียหนักเกินจินตนาการแน่นอน และบางทีท้ายที่สุด เขาอาจต้องควักเงินมาใช้เพื่อจบปัญหานี้มากกว่าตอนซื้อฮวาหยินกรุ๊ปด้วยซ้ำ

พอเห็นว่าจ้าวเฉียนมีท่าทีลังเลใจ เหรินจานซวนจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งว่า

“ทำไมเหรอค่ะ? หรือคุณไม่มั่นใจ?”

จ้าวเฉียนยิ้มแห้งตอบไปว่า

“ไม่ใช่ว่าผมไม่มั่นใจไม่ความสามารถตัวเอง แต่ผมคิดว่ามันไม่คุ้มที่จะเสี่ยงเท่าไหร่ ผมสามารถกว่านซื้อหุ้นจัดการพวกเขาให้หมดฤทธิ์ได้ก็จริง แต่นั้นต้องใช้เงินในจำนวนที่มหาศาลมาก”

แววตาของเหรินจานซวนเย็นยะเยือกลงทันทีหลายส่วน จู่ๆเธอพลันแสยะยิ้มแปลกๆขึ้นบนมุมปาและกล่าวขึ้นว่า

“ในเมื่อคนพวกนั้นใช้วิธีสกปรกพยายามกำจัดฉันได้ แล้วทำไมคุณจะทำไม่ได้ คุณจ้าว บางทีเราก็ไม่ต้องเล่นตามกติกาเสมอไป คุณมีเพื่อนอยู่สองสามคนในวงการใต้ดินไม่ใช่เหรอค่ะ? เข้าใจความหมายที่ฉันพูดรึเปล่า?”

จ้าวเฉียนที่นั่งตัวตรงถึงกับเอนหลังไปพิงเก้าอีทันใด สายตาคู่นั้นของเขาหรี่แคบจับจ้องยังเหรินจานซวนไม่มีท่าทีละออก

พอเห็นท่าทางการแสดงออกของจ้าวเฉียนเป็นแบบนั้น เธอก็เอ่ยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า

“ทำไมคุณจ้าวถึงมองฉันแบบนี้ค่ะ? มีอะไรติดหน้าฉันรึเปล่า?”

“คุณเหริน ผมของสารภาพตามตรงนะ ผมไม่เคยเลือกใช้วิธีนอกกฎหมายมาเพื่อแข่งขันกับศัตรูทางธุรกิจ เว้นเสียแต่เขาจะล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของผมมากเกินไป มันก็จริงที่จางต้าเฉินใช้วิธีสกปรกเล่นงานคุณ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องใช้วิธีสกปรกลดตัวลงไปเล่นกับอีกฝ่าย? ถ้าหมาวิ่งไล่กัด จำเป็นไหมที่คุณต้องกัดมันตอบ?”

จ้าวเฉียนถามสวนกลับไปเจือน้ำเสียงเคร่งขรึมเล็กน้อย

ใบหน้าของเหรินจานซวนแปรเปลี่ยนเป็นสัแดงระเรือ หลังจากได้ยินแบบนั้น เธอไม่กล้าเอ่ยตอบอะไรสักคำ

คำว่า วงการธุรกิจ ในอุดมคติของจ้าวเฉียนคือ เขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีสกปรกเพียงใดมาเล่นงานเขา แต่การที่ตอบโต้อีกฝ่ายกลับไปได้ด้วยวิธีใสสะอาด มันสื่อให้เห็นว่าตัวเขาเหนือชั้นกว่าอีกฝ่ายแค่ไหน และที่สำคัญคือขึ้นชื่อว่า ธุรกิจ มันไม่มีสีขาวหรือดำ ทั้งหมดล้วนเป็นสีเทาทั้งสิ้น ถ้าคุณยอมรับในจุดนี้ไม่ได้ก็ไม่ควรย่างกรายเข้ามาตั้งแต่แรก แต่สำหรับเหรินจานซวน จ้าวเฉียนเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่า เธอจะตีความหมายออกไปยังไง

หลังจากลังเลอยู่นาน เหรินจานซวนก็ปริปากกล่าวขึ้นมาอีกครั้งว่า

“ในเมื่อคุณจ้าวไม่เห็นด้วยกับวิธีการของฉัน งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัว ขอบคุณสำหรับที่พักแรมเมื่อคืนค่ะ”

หลังจากพูดจบ เหรินจานซวนก็ขึ้นไปเก็บของชั้นบน และออกจากบ้านจ้าวเฉียนไปทันที

จ้าวเฉียนเองก็ไม่ได้สนใจเธอขนาดนั้นเช่นกัน แค่หยิบจานข้าวบนโต๊ะไปล้างตามปกติ

เนื่องด้วยวิธีการคิดระหว่างจ้าวเฉียนกับเหรินจานซวนอาจจะไม่เหมือนกัน จึงทำให้บทสรุปลงเอยเช่นนี้ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเช่นกัน

เพียงว่า จ้าวเฉียนต้องการลงทุนในบริษัทที่ดีและมั่นคง โดยไม่นำเรื่องพวกนี้มาข้องเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว เขาไม่อยากเล่นนอกกติกาเพื่อกำจัดผู้อื่น

เท่าที่ฟังจากน้ำเสียงและคำพูดของเหรินจานซวนจะเห็นได้ชัดว่า เธอไม่ได้ต้องการเพียงแค่ปกครองเซียนเหว่ย เทคโนโลยีอย่างเดียว แต่เธอยังต้องการแก้แค้นสิ่งที่จางต้าเฉินทำกับเธออีกด้วย เห็นได้ชัดว่านี่มันเอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกันชัดๆ

แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า ความคิดของเธอจะผิด เพียงว่าแนวคิดระหว่างเธอกับจ้าวเฉียนอยู่คนละตำแหน่งกันเท่านั้นเอง

พอจ้าวเฉียนล้างจานเสร็จก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว และออกไปวิ่งในหมู่บ้าน

หลังจากวิ่งได้ประมาณสิบนาที หวู่เสี่ยวหัวก็โทรเข้ามาหา

“สวัสดีค่ะคุณชายจ้าว ธุรกรรมการโอนหุ้นเสร็จสมบูรณ์แล้วนะคะ หุ้นทั้งหมดของฮวาหยินกรุ๊ปในบัญชีของฟู่ไห่ ถูกโอนไปยังชื่อของคุณชายหมดแล้ว ตอนนี้คุณชายขึ้นกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของฮวาหยินกรุ๊ปอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยสัดส่วนหุ้นทั้งหมด53%”

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะร่า กล่าวชมเชยทันที

“ทำได้ดีมาก คราวนี้ปิดงานได้สวย ฉันจะโทรหาพ่อคุณหลังจากนี้ และขอให้เขาเพิ่มโบนัสสิ้นปีให้คุณสักหน่อย”

หวู่เสี่ยวหัวรีบกล่าวขอบคุณโดยไว

“ขอบคุณมากเลยค่ะคุณชายจ้าว นี่เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้ว หลังจากนี้ถ้าคุณชายจ้าวต้องการอะไรอีกสั่งได้ตลอดเลยนะคะ พวกเราพร้อมทำงานให้คุณชายจ้าวเสมอค่ะ”

“ฮ่าฮ่า…ถ้าไม่มีอะไรแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ แค่นี้นะครับ”

กล่าวลากันจบจ้าวเฉียนก็กดวางสายและวิ่งกลับบ้านไป พออาบน้ำล้างเหงื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เขาก็โทรหาหวานเจียงต่อทันที

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

Status: Ongoing
จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริงอย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา!“ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที”“เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว”“ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?”“ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!”“ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท