ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 245 ใครเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าของมากที่สุด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ตอนที่245 ใครเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าของมากที่สุด

จางต้าเฉินนำกลุ่มคนเข้าไปล้อมกรอบจ้าวเฉียนและที่เหลือ ท่าทีราวกับจะคุกคามทางร่างกายใช้ความรุนแรง

บรรดาพนักงานที่รวมตัวกันอยู่ใต้จัตุรัสต่างตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง สงสัยอย่างมากว่านี่มันเรื่องอะไรกัน เป็นไปได้ไหมว่า นี่ถูกเรียกตัวมาแบบนี้เพื่อมาชมการแสดงต่อสู้?

“นี่มีละครเวทีกันเหรอ?”

“แล้วชายที่อยู่ข้างๆคุณหนูเหรินคือใคร? ดูท่ารองประธานจางกับคนอื่นๆกำลังมุ่งเป้าไปที่เขาแหะ?”

“ต้องถามกลับมากกว่าว่า นายยังกล้าเรียกเขาว่ารองประธาน? ถ้าให้เดานะแผนการที่จะขึ้นเป็นประธานบริษัทของคุณจางน่าจะล้มเหลว สาเหตุน่าจะเป็นเพราะชายหนุ่มนิรนามคนนี้”

“ฮ่าฮ่า… จริง นายพูดถูก!”

บรรดาพนักงานแอบซุบซิบนินทากันอยู่ด้านล่างเวที

เหรินจางซวนโกรธจัด เอ่ยถามจางต้าซวนเสียงทุ้มต่ำว่า

“นี่แกยังต้องการอะไรอีก?”

จางต้าเฉินระเบิดหัวเราะลั่น กล่าวตอบไปว่า

“ฉันมันก็แค่สุนัขถูกพวกแกต้อนจนมุม และไม่สนหรอกว่าพวกแกจะพูดอะไรกับพนักงาน แต่ฉันจะบอกพวกแกไว้เลยว่า ในเมื่อฉันไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ถ้างั้นก็ขอทำลายด้วยมือตัวเองดีกว่า!”

เหรินจางซวนเอ่ยถามด้วยความโกรธเคืองว่า

“จางต้าเฉิน พ่อของฉันไม่เคยเอาเปรียบแกสักครั้งเลยนะ แล้วทำไมแกถึงทำแบบนี้?!”

จางต้าเฉินยิ้มเยาะ เอ่ยตอบไปว่า

“ก็แกมันไม่รู้อะไรเลยน่ะสิ! ตลอดสองปีที่พ่อของแกหายตัวไป ฉันต้องควักเงินจ่ายให้กับบริษัทไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว! ทุกคนก็น่าจะเห็น ฉันทำทุกอย่างเพื่อให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้! แล้วทำไมแกถึงยังไม่ขายหุ้นส่วนให้ฉันอีก!”

เหรินจานซวนยังต้องการโต้ตอบกลับไป แต่จ้าวเฉียนกลับดึงเธอกลับออกมาเสียก่อน คนที่ควรก้าวเข้ามาแก้ไขปัญหาในตอนนี้คือจ้าวเฉียนไม่ใช่เหรินจานซวน

จ้าวเฉียนไม่อยากเสียเวลาเอาตัวลงไปเกลือกกลั้วกับจางต้าเฉินเท่าไหร่นัก ดังนั้นเขาจึงหยิบมมือถือโทรแจ้งตำรวจโดยตรง

จางต้าเฉินคำรามด่าขึ้นทันที

“ไอ้หนุ่ม นี่มันเรื่องความขัดแย้งถายในบริษัท โทรแจ้งตำรวจไปแล้วยังไงล่ะ? ฉันไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แล้วพวกเขาจะทำอะไรฉันได้?”

จ้าวเฉียนแจ้งความเสร็จสรรพก็กดวางสายไป และหันมากล่าวตอบจางต้าเฉินว่า

“ผมกำลังเรียกทุกคนมาประชุมและชี้แจงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของบริษัท แต่คุณและพรรคพวกจงใจเข้ามาขัดขวาง การที่ผมโทรเรียกตำรวจให้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคาวมรุนแรงเท่านั้น”

“ฮ่าฮ่า…น่าตลกดีหนิ ในฐานะรองประธานและผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของบริษัทแห่งนี้ ฉันไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้รึไง?”

จางต้าเฉิงโต้กลับไปด้วยเชิงวาทศิลป์

จ้าวเฉียนพยัดหน้าตอบไปว่า

“ถูกต้อง คุณไม่มีสิทธิ์นั้น ปัจจุบันคุณไม่ใช่คนของบริษัทแห่งนี้อีกต่อไป และผมคือประธานใหญ่สุดของที่นี่ แล้วคุณล่ะ? มีคุณสมบัติอะไรมายืนอยู่บนเวทีนี้?”

คนอื่นๆเร่งกระตุ้นให้จางตค้าเฉินอย่าไปยอมจ้าวเฉียน และท้าทายจ้าวเฉียนพร้อมบอกว่า ทางตำรวจจะมาทำอะไรพวกเขาได้?

จางต้าเฉินฉีกยิ้มเยาะ

“เหอะ ฉันไม่กลัวไม่ว่าใครหน้าไหน!”

หลังจากพูดจบ เขาก็เดินไปหยิบไมโครโฟนและป่าวประกาศกับพนักงานทุกคนว่า

“พวกเราทุกคน! พวกเราต่างก็มีส่วนสนับสนุนและพัฒนาบริษัทเซียนเหว่ยของเราจนมาได้ไกลถึงขนาดนี้ จนกล้าพูดได้ว่าเซียนเหว่ยคือบ้านของเรา! เราอุทิศทั้งแรงกายและแรงใจเพื่อบริษัทแห่งนี้มาโดยตลอดจริงไหม!? แต่ตอนนี้คุณหนูเหรินกลับยกสิทธิ์การควบคุมทั้งหมดให้ใครก็ไม่รู้ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย! ถ้าเป็นทุกคน ทุกคนจะยอมงั้นเหรอ?!”

ผู้จัดการของแต่ละแผนกกล่าวนำออกมาทันที พวกเขาแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน

ส่วนพวกพนักงานคนอื่นๆก็รีบตะโกนไม่เห็นด้วยกันทันที หวังเพียงแค่ประจบประแจงหัวหน้าของตน

จางต้าเฉินระเบิดหัวเราะอย่างมีความสุขและตะโกนต่อไปว่า

“ข้อแรก! บริษัทเซียนเหว่ยเป็นของทุกคน! ทุกคนในที่นี่ล้วนเป็นเหมือนกับเจ้าของคนนึง! ดังนั้นถ้าจะให้ใครสักคนมาควบคุมบริหารที่นี่ต่อ ทุกคนก็ควรจะมีสิทธิ์เลือกเองจริงไหม?!”

“ถูกต้อง!”

“ใช่แล้ว!”

บรรดาพนักงานทั้งหลายแหหปากตะโกนลั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จ้าวเฉียนเองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เขาหยิบเก้าอี้บนเวทีมานั่งไขว้ห่างรับชมการแสดงของจางต้าเฉินดั่งทองไม่รู้ร้อนใดๆ

ไม่ว่ามดปลวกตัวน้อยเหล่านี้จะดิ้นรนยังไง แต่ความจริงก็คือคงามจริง จ้าวเฉียนคือผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดคนปัจจุบัน และกฎหมายคุ้มครองก็อยู่ข้างเขา ดังนั้นพวกพนักงานเหล่านี้ก็แค่มดปลวกไร้ค่า

เหรินจานซวนที่เห็นสถานการร์ไม่สู้ดีก็รีบเอ่ยถามจ้าวเฉียนทันที

“เราควรทำยังไงดี? ฉันควรออกไปอธิบายทุกคนฟังดีไหม?”

จ้าวเฉียนส่ายหัวพลางยิ้มตอบอย่างสบายใจว่า

“อย่าได้กังวล ปล่อยให้เขาสร้างปัญหาต่อไปก่อน รอดูการแสดงสนุกๆได้เลย”

ส่วนทางด้านจางต้าเฉินพลันคิดไปว่า พวกจ้าวเฉียนคงพูดอะไรไม่ออกแล้ว ครานั้นก็ยิ่งได้ใจปั้นหน้าแสดงต่อไปอย่างมีความสุข

“ในเมื่อทุกคนคิดแบบนั้น งั้นรบกวนยกมือลงมัติกันว่าใครกันที่สมควรได้รับสิทธิ์บริหารที่แห่งนี้ต่อไป?”

บรรดาผู้จัดการรีบเร่งยกมือเป็นกลุ่มแรกทันที

“ผมคิดว่ารองประธานจางพูดถูก อย่างแรก ใครกันที่ควรบริหารที่นี่ต่อไป? ก็ต้องเป็นคนในที่รู้จักเซียนเหว่ยเป็นอย่างดีไม่ใช้เหรอ? ผมว่าไม่ต้องลงมัติให้ยุ่งยาก มีให้เลือกแค่คนเดียวอยู่แล้ว!”

“ใช่ครับ! ผมเองก็คิดเห็นเหมือนกัน! พวกเราทุกคนควรมีสิทธิเสรีภาพในการเลือกผู้นำเอง! และเห็นได้ชัดว่าคุณหนูเหรินไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะพัฒนาบริษัทนี้ต่อไปได้ แต่ด้วยความสามารถของรองประธานจาง ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า คุณจะต้องทำให้บริษัทเซียนเหว่ยของเราก้าวขึ้นสู่ระดับสากลได้!”

“ผมเห็นด้วย!”

“ผมเห็นด้วยครับ!”

ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนสนับสนุนจางต้าเฉิน และรีบยิ้มประจบเอ่ยปากแสดงความยินดีให้ยกใหญ่

ถ้าเหรินจานซวนกับจ้าวเฉียนไม่มีความสามารถพอ ในไม่ช้าบริษัทแห่งนี้จะต้องปิดตัวลงแน่นอน

ในเวลานั้นเอง ตำรวจก็มาถึง

สารวัตรตำรวจตรงเข้ามาเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า

“ใครที่เป็นคนโทรแจ้งครับ?”

จ้าวเฉียนยกมือขึ้นพลางตอบไปว่า

“ผมเองครับ ผมเป็นเจ้าของคนใหญ่ของบริษัทแห่งนี้ และต้องการจัดประชุมใหญ่เพื่อป่าวประกาศเรื่องสำคัญ แต่พวกกลุ่มนี้กลับขึ้นมาขัดขวาง แถมยังทำท่าทำทางราวกับจะทำร้ายร่างกายกันอีก ผมกลัวว่าสถานการณ์จะพัฒนาเป็นความรุนแรง ก็เลยโทรแจ้งตำรวจให้เข้ามาป้องกันไว้ก่อนครับ คุณตำรวจช่วยไล่คนพวกนี้ออกไปทีครับ”

ทางตำรวจที่ได้ยินดังนั้นจึงเข้าสอบถามจางต้าเฉินและคนอื่นๆทันทีว่าเป็นใครและมีเหตุอันใดถึงเข้ามาขัดขวาง แต่หลังจากที่ทราบว่า พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทางตำรวจก็รู้สึกว่าไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในบริษัท

นี่เป็นศึกภายในบริษัทเพื่อแย่งชิงอำนาจการบริหาร ตราบใดที่เหตุการณ์ยังไม่ร้ายแรงถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ทางตำรวจก็ไม่ควรเข้าไปแทรกแซง

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะลั่นในทันใด และจู่ๆเขาก็ตรงออกไปชกหน้าจางต้าเฉินสุดแรง จนอีกฝ่ายล้มพับลงกลางเวที

ตำรวจรีบเข้ามาหยุดจ้าวเฉียนโดยเร็วและเตือนไปว่าอย่าเพิ่งใจร้อน

จางต้าเฉินถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ ทั้งทางสติสัมปชัญญะและการมองเห็นคล้ายว่าเบลออยู่พักหนึ่ง

จ้าวเฉียนยื้มและถามว่า

“แล้วตอนนี้สามารถเข้ามาแทรกแซงได้รึยังครับคุณตำรวจ ผมก็บอกแต่แรกแล้วว่าสถานการณ์อาจพัฒนาจนเกินความรุนแรง แต่พวกคุณก็ไม่เชื่อ แล้วทีนี้ใครจะรับผิดชอบล่ะครับ?”

ผู้คนใต้เวทีต่างตกตะลึงอย่างมากกับคำพูดของจ้าวเฉียน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นใครสักคนกล้าพูดจาท้าทายตำรวจถึงขนาดนี้

สารวัตรตำรวจขมวดคิ้วกล่วาเตือนอีกครั้งทันที

“รบกวนอย่าก่อความวุ่นวายจะดีกว่าครับ ไม่อย่างนั้นคุณจะโดนข้อหาจงใจทำร้ายผู้คน และพวกเราอาจต้องนำตัวไปสอบสวนต่อที่โรงพักนะครับ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวตอบไปว่า

“ไม่เป็นไรครับ งั้นเอาตัวผมไปสอบสวนได้เลย แต่ผมของพูดอะไรสักหน่อยนะครับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากความไม่ใส่ใจของพวกคุณเอง ถ้าจะเอาผิดผมด้วยประเด็นนี้ ผมเองก็ขอสู้ให้ถึงที่สุดเช่นกัน!”

คล้อยหลังพูดจบ จ้าวเฉียนก็เดินไปหยิบไมโครโฟนและประกาศเสียงดังว่า

“ทุกคนอย่าเพิ่งแยกย้ายไปไหน ผมจะไปที่โรงพักก่อนสักชั่วโมง จากนั้นจะกลับมาประชุมต่อ ถ้าใครกล้าแม้แต่ก้าวเท้าออกจากที่นี่ ไล่ออกทันที!”

หลังจากได้ฟังคำกล่าวอันสุดแสนหยิ่งผยองของจ้าวเฉียน บรรดาผู้ถือหุ้นคนอื่นๆบนเวทีก็เอ่ยปากด่าทันทีด้วยความไม่พอใจ

“แกจะหยิ่งไปถึงไหน? คิดว่าตัวเองเป็นใคร!? กล้าทำร้ายร่างกายคุณจางขนาดนี้ มีหรือที่พวกตำรวจจะยอมปล่อยตัวในหนึ่งชั่วโมง! นี่มันทำร้ายผู้อื่นโดนเจตนา แกจบไม่สวยแน่!”

“คุณตำรวจครับ คนสันดานชั่วแบบนี้ต้องจัดการให้หนัก! ถ้าเพิกเฉยต่อกฎหมายแล้วปล่อยมันไป ก็ถือว่าอับอายต่อกรมตำรวจทั่วประเทศแล้ว!”

“ถ้ามันสามารถออกมาได้ในหนึ่งชั่วโมง พวกเราจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!”

บรรดาตำรวจชั้นผู้น้อยสองสามคนมองหน้ากับเลิ่กลั่กเจือท่าทีหวั่นเกรงเล็กน้อย คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นระดับเศรษฐีของเมือง ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะมีเส้นสายเป็นนายตำรวจระดับสูงหรือไม่

แต่ทันใดนั้นเอง จางต้าเฉินก็ลุกขึ้นพรวดและพุ่งซัดกำปั้นใส่จ้าวเฉียนในทันใด แจ่โชคดีที่ปฏิกิริยาของจ้าวเฉียนไวใช่ย่อย จึงสามารถเลี่ยงหลบการโจมตีนั้นได้อย่างทันท้วงที

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

Status: Ongoing
จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริงอย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา!“ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที”“เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว”“ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?”“ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!”“ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท