ตอนที่276 ฉันต้องการทำลายตระกูลหัว
จ้าวเฉียนขอให้ตระกูลหัวมาขอโทษเขา ซึ่งนี่เป็นเรื่องเล็กน้อยมากและคิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะปฏิเสธ แต่การที่เขาขอเงินชดเชยร้อยล้าน นี่ดูจะมากเกินไปหน่อย
ความหมายของตำรวจที่พยายามจะสื่อคือ การให้ทั้งสองฝ่ายมาพบหน้ากันและเจรจาตกลงถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา เพื่อเปิดเผยเจตนาของแต่ละฝ่ายออกมาตามตรง
จ้าวเฉียนไม่กลัวตระกูลหัว จึงพยักหน้าตอบตกลงไป
ให้ตำรวจเป็นผู้นำเรื่องดังกล่าว พาให้ทั้งสองตระกูลมาตั้งโต๊ะเจรจากันอย่างดุเดือด
พอเห็นว่าจ้าวเฉียนกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่แบบนี้ หวานเจียงก็ไม่มีอารมณ์เดินทางกลับตงไห่แล้ว เธอทิ้งตั๋วเครื่องบินและค่อยวางแผนใหม่ว่าจะกลับตงไห่หลังจากเรื่องทั้งหมดสิ้นสุดลงแล้ว
หลังจากมื้ออาหารเย็นเสร็จสิ้นไป จ้าวฝู่ก็พาทุกคนขึ้นไปยังดาดฟ้าบนคฤหาสน์เพื่อชมดวงจันทร์เต็มดวงสวยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จ้าวเฉียนในตอนนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์มาสังสรรค์เท่าไหร่นัก เขาหยิบขนมไหว้พะนะจันทร์มาลูกหนึ่งและไปนั่งกินเล่นบนเก้าอี้โยก
หวานเจียงเดินเข้าไปนั่งข้างจ้าวเฉียน ทั้งสองไม่พูดคุยกันอยู่พักใหญ่และเงยหน้ามองดูดวงจันทร์อย่างเงียบๆ
จากนั้นไม่นาน หวานเจียงก็เอ่ยถามขึ้นว่า
“แล้วนายจะเอายังไงต่อ?”
จ้าวเฉียนที่กำลังหลับตาซึมซับบรรยากาศอยู่ก็เอ่ยขึ้นว่า
“ฉันจะทำลายตระกูลหัว!”
คำพูดนี้เกินความคาดหมายของหวานเจียงไม่น้อย ตามที่เธอทราบมา ขอแค่ให้ตระกูลหัวจ่ายเงินค่าชดเชยและขอโทษจ้าวเฉียนแต่โดยดีทุกอย่างก็น่าจะจบแล้ว แต่การจะไปทำลายตระกูลหัวนี่มันเป็นวิธีที่ดูโหดร้ายเกินไปหน่อย
“ฉันพอจะทราบเกี่ยวกับตระกูลหัวในหยานจิ้งอยู่บ้าง แต่ก่อนพวกเราเคยขอให้บริษัทอสังหาของตระกูลหัวมาสร้างสตูดิโอให้พวกเรามาก่อน รากฐานของพวกมันค่อนข้างใหญ่ และไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำลายลง ยังไงก็ได้ไม่คุ้มเสีย นายเป็นผู้นำของตระกูลจ้าวรุ่นต่อไปนะ ช่วยคิดแทนคนที่อยู่ข้างหลังนายด้วย”
จ้าวเฉียนหัวเราะและตอบกลับไปว่า
“ดูจากรากฐานของตระกูลหัว ฉันแทบไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ แล้วพรุ่งนี้เธอบินกี่โมง? จะให้ฉันไปส่งไหม?”
หวานเจียงส่ายหัวและตอบกลับไปว่า
“พรุ่งนี้ฉันไม่กลับแล้ว พอนายแก้ปัญหาตรงนี้เสร็จ แล้วพวกเราค่อยกลับพร้อมกันดีกว่า”
จ้าวเฉียนลืมตาหันมาเหลือบมองหวานเจียงเล็กน้อยเจือแววเสน่หา ทว่าหลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็กล่าวตอบกลับไปว่า
“บางครั้งฉันก็คิดว่าเธอเก่งนะ แต่บางครั้งก็มักจะทำให้ฉันผิดหวังเหมือนกัน ไม่ต้องรอฉันหรอก เพราะขนาดฉันเองยังไม่รู้เลยว่า เรื่องนี้จะยืดเยื้อออกไปนานเท่าไหร่ ฮวาหยินกรุ๊ปไม่มีใครดูแล ดังนั้นเธอควรกลับไปพรุ่งนี้”
จากที่หวานเจียงกำลังมีความสุขอยู่ดีๆ อารมณ์เธอแปรเปลี่ยนไปทันที ทีแรกเธอเต็มใจอยู่ต่อเพื่อจะแสดงให้เขาเห็นว่า เธออยู่ฝั่งเดียวกับเขา แต่เขาล่ะ? หมอนี่กลับไล่เธอกลับไปจริงๆ!
“ก็ได้! ถ้าต้องการแบบนั้นฉันจะกลับพรุ่งนี้แหละ! ขอตัวกลับห้องล่ะ! ไปจองตั๋วใหม่!”
หวานเจียงเค้นเสียงกล่าวออกมาอย่างเดือดดุเป็นทีละคำพูด จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินกลับห้องไปทันที
จ้าวฝู่ขยิบตาให้อวีกุ้ยเฟิงโดยไวและวานให้เธอไปถามลูกชายว่าเกิดอะไรขึ้น ไปทำอะไรให้หวานเจียงโกรธอีก?
อวีกุ้ยเฟิงรีบเดินไปหาจ้าวเฉียน กล่าวปลอบโยนทันที
“ลูกแม่ อย่าคิดมาก พวกเรากลัวไอ้พวกตระกูลหัวที่ไหน?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มและกล่าวว่า
“พวกมันไม่ได้อยู่ในสายตาผมเลยด้วยซ้ำ ผมแค่คิดว่าเพราะความประมาทของตัวเอง เลยทำให้คุณย่าต้องเดือดร้อน ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง”
อวีกุ้ยเฟิงโอบกอดลูกชายของเธอและกล่าวปลอบไปว่า
“มันไม่ใช่ความผิดของลูกเลย ใครจะไปคิดล่ะว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำเรื่องไร้ยางอายขนาดนี้? แต่ลองมองอีกมุมสิ เพราะลูกระมัดระวังตัวรอบคอบมาก ถึงรู้ตัวเร็วขนาดนี้และแก้ไขทุกสิ่งได้ทัน ดังนั้นอย่าโทษตัวเองเลย จะว่าไปนะ…ตะกี้เห็นว่าเสี่ยวเจียงเดินหัวเสียกลับห้องไป ลูกทำอะไรให้เธอโกรธอีกล่ะ?”
จ้าวเฉียนส่ายหัวตอบไปว่า
“ผมก็ไม่ได้พูดอะไรเลยนะ แค่ไล่ให้เธอกลับไปพรุ่งนี้ ผมลงทุนในบริษัทเธอตั้งสี่พันล้าน จะปล่อยให้ไม่มีคนคุมบังเหียนนานได้ยังไง ไม่เละกันพอดีเหรอ?”
อวีกุ้ยเฟิงกลอกตาเอ่ยปากตคำหนิทันควัน
“อย่าว่าแค่สี่พันล้านเลย ต่อให้เป็นสี่หมื่นล้านก็ช่างมันเถอะ ตราบเท่าที่เธอสามารถให้กำเนิดหลานสักสองสามคนรได้ เงินแค่นรี้เดี๋ยวแม่ใช้คืนให้ยังได้ นี่ลูกไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเลยงั้นเหรอ? อีกอย่างนะ แม่ตรวจสอบมาแล้ว ปีนี้เสี่ยวเจียงอายุยี่สิบห้าปีพอดี เป็นช่วงอายุที่เหมาะอย่างมากที่จะมีลูก อย่างน้อยๆต้องมีสักสองคน ไม่อย่างนั้นตอนอายุขึ้นเลขสามจะเริ่มมียากแล้ว ลูกต้องรีบมีลูกได้แล้ว”
จ้าวเฉียนลอบถอนหายใจอย่างเงียบงัน ไม่ว่าพ่อหรือแม่ก็เหมือนกันไม่มีผิด พวกเขาไม่ได้สนใจเงินหรือธุรกิจเลย แต่สนใจเพียงว่าเขาจะมีลูกให้พวกเขาได้เมื่อไหร่
แต่เมื่อคิดให้ดีมันก็ถูกต้องตามที่ทั้งคู่กล่าวไป ครอบครัวใหญ่ที่มีอาณาจักรธุรกิจมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ต้องกังวลเรื่องธุรกิจเลยว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะพวกเขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน และพวกเขาเองก็ไม่ต้องการมให้จ้าวเฉียนสร้างธุรกิจหาภาระมาบริหารเพิ่ม แต่สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องการคือทายาท ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดีเพื่อให้แน่ใจว่าตระกูลจ้าวยังคงเจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาคต
จ้าวเฉียนส่ายหัวอานอย่างเงียบๆและลุกขึ้นจากไปทันที อวีกุ้ยเฟิงรีบคว้าตัวจ้าวเฉียนไว้ทันทีและเอ่ยถามว่า
“นี่ลูกจะไปไหน? พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไรลูกชอบหนีไปทุกที สักวันลูกจะต้องเจออยู่แล้ว สู้จัดการตั้งแต่เนินๆดีกว่าไหม?”
“ก็ไปจะไปคลอดหลานให้แม่ไงครับ! นี่ยังเรียกว่าหนีปัญหาอยู่ไหม?”
จ้าวเฉียนเอ่ยตอบกลับไปอย่างช่วยไม่ได้
อวีกุ้ยเฟิงยิ้มและพยักหน้าตอบกลับไปว่า
“ไปเถอะ ฉันกับพ่อจะรอข่าวดีก่อนสิ้นปีนี้”
จ้าวเฉียนส่ายหัวอีกคราอย่างอดไม่ได้ และเดินออกไปขอตัวกับพ่อ ก่อนจะเดินกลับไป
จ้าวฝู่เดินมาถามอวีกุ้ยเฟิงว่า
“ว่าไงบ้าง?”
“ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องกังวลไป”
อวีกุ้ยเฟิงยิ้มตอบ
จ้าวฝู่พนักหน้าอย่างสงบจิจสงบใจ เขาเดินไปพูดคุยกับทุกอย่างสนุกสนานพลางชมดวงจันทร์สว่างไสวในยามราตรีต่อไป
จ้าวแยนกลับมาที่ห้องก็เห็นหวานเจียงที่กำลังนั่งงอนอยู่บนเตียง
เขาเดินเข้าไปหายิ้มหวานกล่าวว่า
“คนสวยหน้าบึ้งแบบนี้ไม่ดีเลยนะ ฉันขอโทษที่ปากไวไปหน่อย”
หวานเจียงยังคงขมวดคิ้วแน่น หันหน้าหนีและกอดอกงอนไม่หาย
จ้าวเฉียนก้าวหน้าขึ้นไปเชยคางของเธอขึ้น และพยายามบังคับให้หันหน้ามาหา
หวานเจียงเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด แต่สุดท้ายก็ถูกจ้าวเฉียนโน้มตัวลงพร้อมประกบจูบทันที เขายิ้มกล่าวขึ้นว่า
“อ่า…ปากเธอหวานดีจัง เป็นใครก็อดใจไม่ไหว!”
หวานเจียงอดทนอดกลั้นไม่ไหวอีกแล้ว เธอรวบรวมพละกำลังทั้งหมดของเธอยกกำปั้นทุบตีจ้าวเฉียนไม่หยุด สบถด่าขึ้นว่า
“ไอ้บ้า! ทำไมยังจะมายุ่งกับฉันอีก! ตะกี้นายยังำยายามไล่ฉันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? นี่นายยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม กลับคำไปกลับคำมา!”
“นี่เธอกำลังบอกว่าฉันไม่ใช่ผู้ชาย?”
จ้าวเฉียนถามกลับไป
หวานเจียงพยักหน้าและตอบกลับไปว่า
“เออไง นายไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยด้วยซ้ำ!”
จ้าวเฉียนบีบคางของเธอแน่นอนอีกครา ก่อนตอบกลับไปว่า
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะถอดเสื้อถอดกางเกงให้เธอได้พิสูจน์ว่าฉันเป็นผู้ชายจริงไหม? แล้วฉันก็จะทำในสิ่งที่ผู้ชายควรจะทำ!”
หวานเจียงรีบผลักร่างจ้าวเฉียนออกไป
“ไปให้พ้น! ใครจะอยากดูนาย! ไม่ว่านายจะเป็นผู้ชายหรือเปล่า ฉันก็ไม่สน ฉันกำลังโกรธนายอยู่นะ! นี่! ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ!!”
จ้าวเฉียนถอดเสื้อนอกออกทันที จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงคร่อมร่างของเธอไม่ให้หนีไปไหน
“โอ้ย! ออกไป! ฉันบอกให้ออกไปไง!”
“นี่เตียงของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้!”
“เตียงของนายได้ยังไง! นี่เตียงฉัน! นายไปนอนพื้นเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“อ้าว? ต้องพิสูจน์ก่อนไงว่าฉันเป็นผู้ชายจริงๆหรือเปล่า?”
“ไอ้หื่น! ออกไปจากตัวฉัน!”
……….
จากนั้นจ้าวเฉียนกับหวานเจียงก็บรรเลงเพลงรักกันอย่างเร้าร้อน ในอีกด้านหนึ่ง ตระกูลหัวเองก็กำลังประชุมหารือเพื่อหาแนวทางการรับมือ
หัวเซียงชานผู้จะกลายมาเป็นผู้นำตระกูลหัวรุ่นที่สี่ ในอนาคตเขาจะเข้ามารับสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลหัวคนต่อไป ทว่าตอนนี้กลับถูกตัดมือจนกลายมาเป็นไอ้ด้วนไปแล้ว
ความเกลียดชังในครั้งนี้ได้ฝังลึกลงไปในจิตใจของสมาชิกตระกูลหัวทุกคน พวกเขาต้องหารือเพื่อแก้แค้นตระกูลจ้าวให้จงได้