ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 313 การแสดงที่ยอดเยี่ยม

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ตอนที่313 การแสดงที่ยอดเยี่ยม

ไม่นานรถตำรวจก็ขับมาถึง ตำรวจจำนวนนับสิบวิ่งลงมาจากรถมากมาย กระจายกันเข้าคุมตัวเหล่าบอดี้การ์ดของหัวเซินซวนให้แยกออกจากพวกคนงานทันที

สารวัตรตำรวจที่นำขบวนมามีชื่อว่าจางอู่อวี่ เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นว่า

“ใครเป็นคนโทรเรียกตำรวจ?”

ในเวลานั้นเองหวางอวี่จึนรีบยิ้มตอบกลับไปทันทีว่า

“คุณตำรวจ ผมโทรเรียกเองครับ พวกคนเหล่านี้กำลังก่อม็อบเพื่อประท้วง ผมเลยกลัวว่าพวกเขาจะก่อจลาจลกระทบถึงการทำงานของทางเรา ก็โทรเรียกตำรวจให้เข้ามาเฝ้าระวังไว้ก่อนน่ะครับ”

จางอู่อวี่หันหน้าไปถามทางท่าเรือหัวว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนรับผิดชอบ

หัวเซินซวนกระแอมไอในลำคอไปทีหนึ่งและกล่าวว่า

“ผมเอง มีอะไรรึเปล่าครับ?”

ตำรวจท้องถิ่นแบบนี้ย่อมไม่มีคุณสมบัติเข้าถึงตัวหัวเซินซวนได้เลย ดังนั้นเขาย่อมจำหน้าไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และถ้ารู้คงไม่กล้าเข้ามาเผชิญหน้าอย่างแน่นอน

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆ พวกเขาถึงก่อม็อบประท้วง?”

จางอู่อวี่เอ่ยถามน้ำเสียงจริงจัง

สีหน้าของหัวเซินซวนตอนนี้บิดเบี้ยวดูน่าเกลียดมาก แม้แต่หลินเซียะมาอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายยังต้องพูดจาสุภาพให้เขา แล้วตำรวจชั้นต่ำนี่เป็นใคร? ถึงกล้าพูดจาไร้หางเสียงแบบนี้กับเขา?

หัวเซินซวนกล่าวตอบทันทีโดยไม่มีไว้หน้าใดๆ ว่า

“ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? เวลาพนักงานกับคนในบริษัทขัดแย้งหรือมีเรื่องร้องเรียนก็มักจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น แล้วตำรวจอย่างพวกคุณจะเข้ามาสอดทำไม? จะมาเข้าร่วมม็อบด้วยรึไง?”

จางอู่อวี่ที่โดนตำหนิแบบนั้นไปก็ไม่พอใจอย่างมาก เขากล่าวตอบไปว่า

“คุณลุงครับรบกวนพูดจามีหางเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่อย ที่เรามาตรงนี้ก็เพื่อปกป้องประชาชน และพลเมืองทุกคนเองก็ควรจะร่วมมือกับทางเราด้วยความเต็มใจ หน้าที่พลเมืองพื้นฐานแบบนี้ไม่เข้าใจงั้นเหรอครับ? ถึงพูดจาแบบนี้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ?”

“เออ! กูไม่เข้าใจ! ขนาดผู้ว่าหลินยังต้องสุภาพเมื่ออยู่ต่อหน้ากู! แล้วมึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร! ถึงกล้าชี้นิ้วสั่งสอนคนอย่างกู!”

หัวเซินซวนตะคอกสวนกลับไปทันควัน

จางอู่อวี่ค่อนข้างเป็นคนอารมณ์ร้อน พอโดนด่าพร้อมด้วยคำหยาบคายขนาดนี้ก็ฟิวส์ขาด คำรามสวนกลับไปทันทีว่า

“ผมไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร! แต่ผมคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ! มีหน้าที่ดูแลความสงบของประชาชนทุกคน! โปรดให้ความร่วมมือแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นผมจะจับคุณเข้าห้องสอบสวน!”

ในขณะเดียวกัน ก็มีนายตำรวจคนหนึ่งสะกิดเตือนจางอู่อวี่ว่า ชายแก่ตรงหน้าของเขาคือหัวเซินซวน ประธานใหญ่แห่งท่าเรือหัว ดังนั้นเขาควรจะสุภาพกับอีกฝ่ายบ้าง

ให้พูดตามตรง จางอู่อวี่ที่ได้ยินก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ชายแก่ตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้นำตระกูลหัวรุ่นปัจจุบัน แต่แล้วยังไงล่ะ? เขาพูดทุกอย่างออกไปหมดแล้ว และสายเกินกว่าจะกลับลำได้ ยิ่งไปกว่านั้นบริเวณโดยรอบมีผู้คนจับตาดูอยู่ตั้งมากมาย แถมมีนักข่าวคอยถ่ายไว้อยู่ถ้วนหน้า เปลี่ยนสีตอนนี้เท่ากับทำให้ภาพลักษณ์อันทรงเกียรติของตำรวจต้องมัวหมองแน่นอน

“ไม่ว่าจะเป็นหัวเซินซวนหรือใครก็ชั่ง แต่ผมคือตำรวจของประชาชน! โปรดตอบคำถามตามความจริง นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

จางอู่อวี่รวบรวมความกล้าและตะคอกใส่หัวเซินซวนอีกระลอกหนึ่ง

“ไม่บอกเว้ย! ไสหัวไปซะ! นี่เป็นเรื่องภายในบริษัท! คนนอกอย่ามายุ่ง!”

หัวเซินซวนตะคอกสวนกลับทันที

ในเวลานี้เองหวางอวี่จุนก็เริ่มเอ่ยปากโวยโวยขึ้นมา ตะโกนเสียงดังลั่นว่า

“ทุกคนดูนี่เร็ว! ประธานหัวกล้าพูดจาดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ตำรวจ! นั้นเท่ากับว่าเขากำลังดูถูกกฎหมาย! คนแบบนี้เหรอที่พวกคุณทุกคนอยากทำงานให้? คุณตำรวจอุตส่าห์สละเวลาออกมาเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ แต่ประธานหัวกลับพูดจาหยาบคายใส่! ขนาดตำรวจยังไม่แยแส แล้วประธานหัวเห็นประชาชนเป็นอะไร? ผักปลางั้นเหรอ? คุณตำรวจจับมันไปเลย! ตอนนี้ผมถ่ายทอดสดวีดีโอในโลกออนไลน์อยู่ ประชาชนทุกคนต้องการให้คุณตำรวจจับเขา! พวกเรา! รีบขอบคุณคุณตำรวจเร็วเข้าที่ยอมเหนื่อยเพื่อพิทักษ์ความยุติธรรมแก่พวกเรา! ขอบคุณมากครับ!”

พอได้ยินแบบนั้น ทั้งจางอู่อวี่และพวกตำรวจที่เหลือต่างตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที ถ้าถอนกำลังกลับไปตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการหักหลังประชาชนเลย และทุกคนจะเสื่อมศรัทธาในตัวตำรวจ เมื่อประเมินข้อดีข้อเสียอย่างถี่ถ้วนแล้ว จางอู่อวี่ก็พยักหน้าตกลงตามคำแนะนำของหวางอวี่จุน และหยิบกุญแจมือให้หัวเซินซวนโดยตรง

ภาพฉากนี้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่สมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลหัวเป็นอย่างยิ่ง พวกเขารีบวิ่งเข้ามาหยุดการกระทำของจางอู่อวี่ทันที

จางอู่อวี่ที่เห็นพวกสมาชิกตระกูลหัวแห่วกันวิ่งเข้ามาก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก รีบชักปืนพกยิงขึ้นฟ้าทันทีเพื่อเตือนทุกคนให้หยุดพร้อมตะโกนลั่นว่า

“ใครก็ตามที่กล้าเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว เท่ากับทำผิดข้อหาขัดขวางการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่! ผมเตือนพวกคุณแล้วนะ ถ้ายังกล้าเข้ามาใกล้อีก ผมยิงจริงๆ แน่!”

ใบหน้าของหัวเซินซวนกลายเป็นสีแดงก่ำ เขาทั้งโกรธทั้งอับอายขายขี้หน้าอย่างที่สุด ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาประสบแต่ความสุข แต่ไม่คิดเลยว่าจะต้องอับอายต่อหน้าสาธารณะชนในตอนแก่แบบนี้

ไม่ว่ากรณีใด เขาห้ามกลับไปโรงพักพร้อมกับจางอู่อวี่เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าสู้หน้าใครอีกแล้วในชีวิตนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์โทรหาหลินเซียะทันที และบอกเล่าสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ และให้กล่าวตักเตือนกับตำรวจที่ชื่อจางอู่อวี่ว่า อย่าได้สวมบทบาทจริงจังขนาดนี้

อย่างไรก็ตามแต่ จ้าวเฉียนคาดการณ์ได้นานแล้วว่า หัวเซินซวนจะต้องโทรขอความช่วยเหลือจากหลินเซียะแน่นอน ดังนั้นเขาจึงโทรไปแจ้งให้กับหลินเซียะทราบล่วงหน้าแล้วว่า ห้ามเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้เด็ดขาด

ดังนั้นหลินเซียะจำใจต้องกล่าวตอบไปอย่างช่วยไม่ได้ว่า

“คุณหัว ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยคุณหรอกนะครับ แต่ผมไม่กล้าเข้าไปแทรกแซงจริงๆ เมื่อกี้มีคนโทรหาผมบอกไว้ว่า คุณจะต้องโทรมาขอความช่วยเหลือจากผม และผมไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปช่วย เพราะตอนนี้มีคลิปไลฟ์สดบนอินเตอร์เน็ต ถ้าผมทำอะไรบุ่มบ่าม อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อภาพลักษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ว่าอย่างผมได้ ยอมเข้าโรงพักไปก่อนครับเดี๋ยวผมค่อยหาทางช่วยทีหลัง”

หัวเซินซวนรีบถามกลับทันทีว่า

“แล้วไอ้เวรที่ไหนมันโทรมาบอกคุณไม่ให้ช่วยผม!?”

หลินเซียะรีบปฏิเสธทันที

“ผมเองก็ไม่ทราบครับ แต่เขาโทรมาและบอกว่าห้ามช่วยคุณ เพราะตอนนี้ทุกการเคลื่อนไหวถูกถ่ายและเผยแพร่ลงโซเซียล เอาแบบนี้ไหมครับ? เดี๋ยวผมจะวานให้ลูกน้องของผมตรวจสอบไปยังบริษัทมือถือ เพื่อหาว่าหมายเลขดังกล่าวที่โทรมาใครเป็นเจ้าของ?”

ขณะที่หัวเซินซวนกำลังจะกล่าวตอบ ทันใดนั้นจางอู่อวี่ก็คว้าโทรศัพท์ออกจากมือของอีกฝ่ายโดยตรงและกล่าวว่า

“ถ้ามีอะไรค่อยไปคุยกันที่โรงพัก!”

หัวเซินซวนสบถด่าสวนทันทีว่า

“ไอ้เวร! มึงเป็นใครกล้าแย่งโทรศัพท์ไปจากมือกู!”

จางอู่อวี่ได้ยินแบบนั้นก็เดือดแล้วเช่นกัน หากเขายังไม่รีบแสดงอำนาจในตอนนี้ มีหวังภาพลักษณ์ตำรวจทั่วประเทศจะต้องแปดเปื้อนแน่นอน

จางอู่อวี่รีบทักทามตำรวจคนอื่นๆ ให้พุ่งเข้าชาตหัวเซินซวนลงกับพื้น และกล่าวเตือนว่า

“ถ้ายังไม่ให้ความร่วมมือกับเราอีก ผมจะจับคุณเข้าคุกทันที!”

พอสมาชิกตระกูลหัวเห็นว่า คุณปู่ของพวกเขาถูกตำรวจเข้าชาตอัดกับพื้นอย่างแรง พวกเขาก็ยิ่งตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่ วิ่งผลักตำรวจคนอื่นๆ พยายามจะบุกฝ่าวงเพื่อเข้ามาช่วยหัวเซินซวน

จางอู่อวี่ยิงปีนขึ้นฟ้าอีกนัดหนึ่งและกล่าวตำหนิว่า

“นี่พวกคุณกล้าท้าทายกฎหมายจริงๆ ใช่ไหม!? นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย ถอยออกไป!”

แต่คราวนี้ตระกูลหัวไม่ยอมถอยหกลับ พวกเขายังคงพยายามบุกเข้าไปเพื่อช่วยหัวเซินซวนอย่างสุดกำลัง

จ้าวเฉียนมองดูสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากกล้องส่องทางไกล ยามนี้เขาแสยะยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจยิ่ง ตราบใดที่พวกสมาชิกตระกูลหัวยังหัวรั้นพยายามปกป้องหัวเซินซวน เรื่องในวันนี้จะกลายมาเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศแน่นอนในอีกไม่ช้า พอถึงเวลานั้น ทางบริษัทเมล็ดพืชการาจและไชน่าปิโตรเคมีจะมีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอสำหรับฉีกสัญญาความร่วมมือกับท่าเรือหัวไปได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายใดๆ

จางอู่อวี่ยังคงตะโกนอย่างต่อเนื่อง

“ผมบอกให้ถอยไป!”

ทว่าพวกคนตระกูลหัวก็ยังไม่ถอย แต่หัวเซินซวนดูท่าจะสงบลงมาก เพราะเขารู้ว่าจางอู่อวี่มีสิทธิ์ยิงได้โดยไม่ต้องรับทัณฑ์บนหลังจากนี้

หัวเซินซวนต้องการจะเอ่ยปากเตือนทุกคนทันทีว่าไม่ต้องเข้ามาช่วย แต่ทันใดนั้นจางอู่อวี่ก็ตะโกนเตือนเป็นครั้งที่สาม

“เตือนครั้งที่สาม! ถอยไป!”

อย่างไรก็ตาม พวกตระกูลหัวยังคงทำเป็นหูทวนลม

จางอู่อวี่ตะคอกครั้งที่สี่ทันทีว่า

“นำตัวหัวเซินซวนออกไป! ผมเตือนสามครั้งแล้ว ถ้าใครยังกล้าขัดขืนผมยิงจริงๆ แน่!”

บรรดาตำรวจคนอื่นๆ รีบพาตัวหัวเซินซวนออกไปขึ้นรถทันที แต่พวกตระกูลหัวก็ยังไม่ยอมพุ่งเข้ามาหวังจับตัวหัวเซินซวนกลับมา และผลักตำรวจล้มลงโดยตรง

“ปัง!!”

เสียงปีนดังขึ้นหนึ่งนีด ทันใดนั้นก็มีสมาชิกตระกูลหัวคนหนึ่งล้มลงกับพื้น

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

Status: Ongoing
จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริงอย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา!“ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที”“เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว”“ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?”“ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!”“ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท