ตอนที่331 หนี้แค้นสิ้นสุด ฉันนี่แหละมหาเศรษฐี!
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ทุกคนรีบเดินทางไปที่สำนักงานใหญ่ของฟู่ไห่โดยไว และเป็นหน้าที่ของหวู่เสี่ยวหัวที่นำทางทุกคนไปยังห้องประชุมหลัก
จ้าวเฉียนนั่งรออยู่ที่ตำแหน่งประธานหัวโต๊ะอยู่ก่อนแล้ว เพียงว่าหันด้านหลังเก้าอี้ให้กับประตูเพื่อกันคนอื่นเห็น ขณะเดียวกันก็นั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์
ฟางนี่และคนอื่นๆ ที่เดินเข้ามานั่งประจำที่ก็จับต้องเก้าอี้ตำแหน่งประธานที่นั่งหันหลังให้ด้วยความสงสัย อีกใจหนึ่งก็ตื่นเต้นเช่นกัน เพราะตอนที่หวู่เสี่ยวหัวโทรมาแจ้งเธอบอกว่า เจ้าของบริษัทฟู่ไห่ต้องการพบหน้าเป็นการส่วนตัว ดังนั้นแล้วทุกคนย่อมอยากรู้อยาเห็นเป็นธรรมดาว่า เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในจีนอย่างฟู่ไห่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร?
อวู่เสี่ยวหัวเดินไปยืนข้างๆ จ้าวเฉียนและเอ่ยขึ้นว่า
“คุณชายค่ะ ตอนนี้ทุกคนมากันพร้อมหน้าแล้วค่ะ”
จ้าวเฉียนวางขาลงและค่อยๆหันเก้าอี้เข้าเผชิญหน้ากับทุกคนทันที
“จ้าวเฉียน!?”
“จ้าวเฉียน!!”
ทุกคนต่างอุทานเสียงดังลั่นด้วยความประหลาดใจและสงสัยอย่างที่สุด
จ้าวเฉียนยิ้มทักทายขึ้นว่า
“ยินดีที่ได้รู้จักครับทุกคน กินน้ำกินท่ากันก่อนเถอะครับ ดูสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีกันเลย”
เบื้องลึกลงไปในใจของเจียงเสี่ยวปิงก่อเกิดความรู้สึกที่สุดแสนจะโศกเศร้าเกินจะบรรยายออกมาได้ ราวกับว่าเธอเพิ่งสูญเสียเงินนับพันล้านไปจากมือ
ฟางนี่รีบขยี้ตาเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า
“จ้าวเฉียน นาย…ไม่สิ…คุณเป็นเจ้าของฟู่ไห่จริงๆ เหรอ?!”
“ใช่ครับ บริษัทฟู่ไห่แห่งนี้เป็นหนึ่งในเครือย่อยอุตสาหกรรมของครอบครัวผมเอง”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้ม
หวู่เสี่ยวหัวได้ยินแบบนั้นจึงกล่าวขยายความต่อว่า
“นี่คือลูกชายเพียงคนเดียวของประธานหยานจิงโอเชี่ยนเวลท์กรุ๊ป ซึ่งบริษัทหยานจิงโอเชี่ยนเวลท์กรุ๊ปของเรา มีบริษัทชื่อดังที่ทุกท่านน่าจะรู้จักดีอยู่ในเครือย่อยอีกด้วย ตัวอย่างเช่น บริษัทฟู่ไห่ อินเวสเม้นท์, บริษัทตงไห่ พาเวอร์,เหมืองถ่านหินฟู่หยุน, โรงขุดเจาะน้ำมันดิบตงไห่ และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากอุตสาหกรรมในตระกูลเหล่านี้แล้ว ตัวคุณชายจ้าวเองก็ยังเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคารหัวเซี่ยง, ธนาคารหรูเรียลและธนาคารแอกริคัลเชอรัล อ่อแล้วก็…บริษัทเกมหัวโหย้ว, บริษัทเกมฟางนี่ และฮวาหยินกรุ๊ปยังเป็นของลูกสะใภ้ตระกูลจ้าวเช่นกัน ตอนนี้คุณชายจ้าวกำลังลงมาตีตลาดด้านอุตสาหกรรมบันเทิง บริษัทเฉียนเก๋อผู้ผลิตซีรีย์ชื่อดังอย่าง ‘ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์’ เองก็เป็นของเข่าเช่นกัน อันที่จริงนี่เป็นแค่อุตสาหกรรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคุณชายจ้าว ถ้านับรวมธุรกิจของทางสมาชิกตระกูลจ้าวคนอื่นๆ ด้วยคงกล่าวได้แค่ว่า อาณาจักรธุรกิจของพวกเราครอบคลุมทั่วโลก ถ้าจะลองประเมินมูลค่าทรัพย์สินรวมน่าจะทะลุหลักล้านล้านหยวนได้แล้วค่ะ”
คำพูดนี้ของอวู่เสี่ยวหัวทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมเสียวสันวาบสะท้านยังขั้วกระดูกดำ เพราะแต่ละคนเองก็มีวีรกรรมกลั่นแกล้งจ้าวเฉียนต่างๆ นาๆ ในระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันไป ทีแรกพวกเขายังมีความกังวลว่า สักวันจ้าวเฉียนจะกลับมาล้างแค้นพวกเขา แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนธรรมดาทั่วไปก็คงไม่มีปัญหา
ทว่าแท้ที่จริงแล้วจ้าวเฉียนกลับเป็นถึง ทายาทมหาเศรษฐีระดับประเทศที่มีธุรกิจครอบคลุมทั่วทั้งโลก! แล้วแบบนี้…พวกเขาคงไม่โดนบดขยี้ราวกับมดปลวกเลยงั้นเหรอ?
เจียงเสี่ยวปิงรีบวิ่งมาหาจ้าวเฉียนและเอ่ยถามขึ้นว่า
“แล้วทำไมคุณถึงต้องแสร้งทำเป็นจนด้วย? นี่คิดว่ามันสนุกมากรึไง?”
“หกปีก่อน ผมดันเมาหนักและขับรถชนคนอื่นเข้า ก็เลยถูกคุณพ่อไล่ออกจากบ้าน และตราบใดที่สามารถหาเงินมาชดใช้ค่าเสียหายได้ด้วยตัวเองจนครบ ผมถึงจะได้กลับเข้าบ้าน อันที่จริง…ถ้าวันนั้นคุณทนอีกสักหน่อย และรอให้ผมเอาเงินเดือนก้อนนั้นไปจ่ายค่าเสียหายงวดสุดท้าย คุณพ่อของผมก็จะคืนทุกอย่างที่เคยเสียไปกลับมา เฮ้ออ…ปานนี้คุณคงกลายมาเป็นภรรยาของทายาทมหาเศรษฐีระดับประเทศไปนานแล้ว ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ”
หัวใจของเจียงเสี่ยวปิงราวกับตายทั้งเป็นเมื่อได้ยินแบบนั้น แค่รออีกแล้ววันเดียว! วันเดียวเท่านั้น! เธอก็จะได้รับโอกาสหนึ่งในล้านกลายมาเป็นภรรยาของมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในประเทศ! แล้วทำไมเธอถึงใจร้อนนักนะ!?
“ตึงงง!”
เจียงเสี่ยวปิงทิ้งตัวลงคุกเข่าลงต่อหน้าจ้าวเฉียน เธอคลานเข้าไปกอดขาของเขา ร้องห่มร้องไห้กล่าวทั้งน้ำตาขอร้องว่า
“จ้าวเฉียน ฮืออ…ฮือออ…เรา…เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม? คุณเองก็รู้ไม่ใช่เหรอว่า ฉันรักคุณแค่ไหน ฉัน…ฉันไม่อยากใช้ชีวิตลำบากแบบนี้อีกต่อไปแล้ว พวกเรามาแต่งงานกันเถอะนะ ฉันสัญญาเลยว่าจะมีลูกเยอะๆ ให้พ่อแม่ของคุณต้องภูมิใจ พวกเรากลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยกันเถอะนะ นะ นะ…”
จ้าวเฉียนเหลือบหางกดสายตาต่ำมองเจียงเสี่ยวปิงด้วยความรังเกียจ เขายิ้มตอบกลับไปอย่างไร้เยื้อไยว่า
“เอาตัวสกปรกของคุณออกไปจากเท้าผม ไม่ใช่ว่าคุณกับประธานฟู่รักกันปานจะกลืนกินหรอกเหรอ? ประธานฟู่ไม่พูดอะไรสักหน่อยเหรอครับ?”
ตอนนี้ฟู่เทียนเหงื่อแตกพลักทั่วแผ่นหลัง ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด จะพยายามจะอ้าปากกล่าวแต่ช่างดูยากลำบากเสียเหลือเกิน เปล่งเสียงแผ่วตะกุกตะกักเอ่ยว่า
“จะ-จ้าว…คุณจ้าว…คุณจ้าวผมขอโทษ ผม..ผมมันเลวเอง ทุกอย่างเป็นความผิดของผมเองครับที่มีตาหามีแววไม่! ผมไม่รู้เลยจริงๆ ว่าคุณจ้าวจะเป็นคนใหญ่คนโตถึงขนาดนี้ ในอนาคตต่อไปผมขอฝากชีวิตกับคุณจ้าวด้วยนะครับ ได้โปรด! ได้โปรดเมตตาผมด้วยเถิดครับ!”
จ้าวเฉียนสะบัดเท้าเจียงเสี่ยวปิงกระเด็นออกไป และเดินตรงไปหาฟู่เทียนค่อยๆ ยกมือขึ้นมาลูบหัวอีกฝ่ายราวกับสัตว์เลี้ยง
“ทั้งหมดเป็นเพราะแผนของนังร่านเจียงเสี่ยวปิง ผมไม่ถือสาคุณเรื่องนี้หรอกครับ แต่…ไอ้เรื่องที่คุณจ้างนักฆ่ามาเก็บผม เรื่องนี้ผมยังไม่ลืมนะครับ”
ฟู่เทียนแขนขาอ่อนระทวยแหลกเหลวแทบละลายคาเก้าอี้แล้ว เสี้ยวอึดใจนั้นเองเขารีบลุกเข่ากราบเท้าจ้าวเฉียนทันทีด้วยความกลัว
“คุณชายจ้าว! ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วครับ! คุณชายจ้าวเป็นคนใจกว้างมีเมตตา โปรดให้อภัยผมสักครั้งเถอะนะครับ! จากนี้ต่อไปผมจะซื่อสัตย์และจะอุทิศตัวทำงานเพื่อคุณชายจ้าวตลอดไป! ให้…ให้ผมเป็นคนใช้ของคุณชายจ้าวก็ได้นะครับ ผมขอร้อง ผมขอร้อง…”
จ้าวเฉียนค่อยๆ นั่งยองๆ พลางเอื้อมมือไปตบไหล่หู่เทียบเบาๆ และกล่าวว่า
“ฉันไม่เคยไว้ชีวิตศัตรู อันที่จริงนะ ถ้าคุณไม่จ้างนักฆ่ามาเก็บผมแต่แรก ทั้งเรื่องเจียงเสี่ยวปิงหรือเรื่องลูกของคุณ ผมก็ตั้งใจจะไม่เอาความหรอก แต่ในเมื่อคุณตัดสินใจที่จะเลือกทางนี้เองก็ช่วยไม่ได้นะครับ รีบกลับไปสั่งเสียกับลูกเมียตัวเองดีกว่า อีกไม่นาน…คุณก็จะได้ไปสบายแล้ว”
ฟู่เทียนตกใจจนหน้าถอดสีซีดเซียวราวกับแผ่นกระดาษ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืนยังทำไม่ได้
อวู่เสี่ยวหัวเดินออกไปนอกห้องประชุมและเรียกรปภ.กลุ่มหนึ่งให้เข้ามาลากฟู่เทียนออกไปทั้งแบบนั้น
ส่วนคนอื่นๆ เองก็ล่วงรู้ชะตากรรมตัวเองได้ทันทีว่า อีกไม่นานพวกเขาจะต้องเป็นรายต่อไป ที่จ้าวเฉียนัดทุกคนมาประชุมในวันนี้ก็เพื่อไล่คิดบัญชีกับพวกเขารายคน! พอเห็นฟู่เทียนที่โดนจ้าวเฉียนตัดสินโทษประหารแบบนั้นแล้ว ทุกคนก็เริ่มที่จะกลัวตาย และรีบเอ่ยปากสารภาพความผิดที่เคยทำออกมาทันที
หวังเฉียงรีบวิ่งมาคุกเข่าต่อหน้าจ้าวเฉียนและโขกศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรงสามครั้งติดเพื่อขอขมา เขากล่าวทั้งน้ำตาว่า
“จ้าวเฉียน ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง! ฉันขอโทษที่แย่งเจียงเสี่ยวปิงมาจากนาย ฉันขอโทษที่กลั่นแกล้งนายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ได้โปรดยกโทษวให้ฉันด้วยนะ! ฉันสัญญา…ฉะ-ฉันจะตั้งใจบริหารบริษัทอสังหาหวังแล้วหาเงินมาไถ่โทษกับสิ่งที่ฉันเคยทำผิดกับนายไว้ หรือ…หรือพวกเรา…เรามาร่วมมือกันก็ได้นะ นาย…นายสนใจบริษัทอสังหาหวังไหม? ฉะ-ฉันยกหุ้นทั้งหมดในมือให้เลย! เรายังคุยกันได้นะ!”
จ้าวเฉียนหัวเราะร่าอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะคว้าแจกันแก้วบนโต๊ะประชุมหยิบมาฟาดหัวหวังเฉียงอย่างแรง และเอ่ยถามขึ้นว่า
“เจ็บไหม?”
หวังเฉียงโดนเศษแก้วแจกันบาดทั่วศีรษะจนเลือดไหลซิบออกมา แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังส่ายหัวเป็นคำตอบ
“โอ้? แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ?”
ทันทีที่พูดจบจ้าวเฉียนก็ค่อยๆ ใช้นิ้วขยี้แผลที่แตกบนศีรษะของหวังเจียง ส่งผลให้เลือดสดค่อยๆ ทะลักไหลออกมา
หวังเฉียงกัดฟันแน่น พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านจนแทบเป็นลม ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมาด้วยซ้ำ
“ไม่…ไม่เจ็บเลยครับ!”
“หวังเฉียง อย่าพูดว่าฉันไม่เคยให้โอกาสนายนะ พรุ่งนี้นายไปจดทะเบียนสมรสกับเจียงเสี่ยวปิง แล้วไปเป็นขอทานข้างถนนเป็นเวลาสามปี ซึ่งภายในสามปีนี้แกต้องมีลูกอย่างน้อยสองคน ตราบใดที่ครบตามระยะเวลาที่กำหนด ฉันจะยกโทษให้ แต่ถ้าฉันมารู้ทีหลังว่าพวกนายสองคนคิดจะหนี ฉันจะส่งคนไปตัดแขนตัดขาพวกนายและจับให้มาเป็นขอทานตลอดชีวิต”
“ขอทานสามปีไม่มีปัญหาเลยครับ แต่…แต่จะให้มีลูกถึงสองคนคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ พวกเราไม่มีแม้แต่บ้านแล้วจะเรียกลูกได้ยังไง?”
“ขนาดพวกสุนัขยังเลี้ยงลูกข้างถนนได้เลย แล้วทำไมพวกนายถึงจะเลี้ยงไม่ได้ล่ะ? ฉันไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระแล้ว ถ้าไม่ตกลง ฉันจะได้สั่งคนให้มาจับพวกแกไปตัดแขนตัดขาเลยแล้วกัน”
ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมกลัวตายเป็นที่สุดแล้ว ทุกคนล้วนอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปในสภาพที่ดีที่สุด ดังนั้นหวังเฉียงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำใจต้องพยักหน้ายอมรับ
ทว่าเจียงเสี่ยวปิงกลับไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง เธอรีบคลานมาเกาะขาจ้าวเฉียนอีกครั้ง
“จ้าวเฉียน ฉันรู้ว่าตัวฉันมาเลวแค่ไหน แต่เห็นแก่ความรักที่เคยมีกันมาของพวกเราเถอะนะ ปล่อยฉันไปสักคนได้ไหม? ให้โอกาสฉันสักครั้งเถอะ! ฉัน…ฉันสัญญาว่าจะไม่มาให้นายเห็นหน้าอีก ฉันจะไปให้พ้นหูพ้นตาจากนาย ขอร้องเถอะ! ได้โปรด…”
เจียงเสี่ยวปิงไม่สนเรื่องศักดิ์ศรีอะไรอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอแค่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่งและไม่อยากต้องกลายมาเป็นขอทาน การที่ต้องมาอดมื้อกินมื้อ นอนข้างถนน พนมมือไหว้ขอเศษเงินคนอื่นแบบนั้นมันยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น
จ้าวเฉียนหันไปขยิบตาให้หวู่เสี่ยวหัวเล็กน้อย เธอก็เข้าใจได้ในทันทีและเดินออกไปเรียกรปภ.อีกครั้ง เพื่อจะนำตัวหวังเฉียงและเจียงเสี่ยวปิงออกไป
จ้าวเฉียนกล่าวเสียงดังฟังชัดระหว่างที่พวกเขาทั้งสองกำลังโดนรปภ.อุ้มออกไป
“หวังเฉียง เจียงเสี่ยวปิง คงได้ยินชัดเจนแล้วนะ ถ้ายังไม่ให้คำตอบภายในสามวัน ฉันจะส่งคนไปตัดแขนตัดขา”
คล้อยหลังพูดจบ จ้าวเฉียนก็หันหน้ากลับมามองจางหยางและฟางนี่
ในตอนนี้ฟางนี่รู้สึกเกลียดชังจางหยางยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น แต่เริ่มเดิมทีจ้าวเฉียนให้ความช่วยเหลือบริษัทของเธอจนสามารถฝ่าฟันวิกฤตมาได้นัดต่อนัด และฟางนี่เองก็ค่อนข้างให้ความเคารพจ้าวเฉียนจริงๆ แต่ทั้งหมดเป็นเพราะจางหยางที่ทำให้ความสัมพันธ์ดีๆ ระหว่างเธอกับจ้าวเฉียนพังลงไม่เป็นท่า หลังจากวันนี้เป็นต้นไป บริษัทฟางนี่ตกเป็นของจ้าวเฉียนโดยสมบูรณ์ แถมพวกเขายังทำให้จ้าวเฉียนขุ่นเคืองมาก็หลายครั้ง ท้ายที่สุดนี้ ผลลัพธ์ที่พวกเขาสองคนได้รับมาก็คือ จ้าวเฉียนผู้ที่เป็นศัตรูอันแข็งแกร่ง แทนที่จะเป็นจ้าวเฉียนผู้สนับสนุนอันทรงพลังมาช่วยหนุ่นหลัง
ฟางนี่รีบเดินเข้าไปหาจ้าวเฉียนกล่าวขอโทษทันทีว่า
“จ้าวเฉียน ฉันขอโทษ พวกเราสองคนเคยทำตัวไม่ดีกับนายมาก่อนจริงๆ แต่นายเองก็น่าจะเข้าใจนะ ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเราไม่เคยรู้จักตันตนที่แท้จริงของนายมาก่อน อย่างน้อยก็อย่าใช้มาตรการกดดันเราให้ชายหุ้นเลยนะ บริษัทฟางนี่เป็นทุกอย่างสำหรับฉัน มันมีความหมายมากจริงๆ ฉันขอร้องนะจ้าวเฉียน”
จ้าวเฉียนยิ้มและตอบกลับไปว่า
“คุณฟางไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้ครับ ระหว่างผมกับคุณ…พวกเราไม่มีเรื่องให้ต้องขุ่นเคืองกันอยู่แล้ว และผมก็ไม่เคยโกรธคุณเลยเช่นกัน แต่…จางหยางพยายามต่อต้านผมหลายครั้งจนเกินให้อภัยได้แล้วจริงๆ ซึ่งนี่มันทำให้ผมไม่พอใจมาก คุณจางคงทราบใช่ไหมครับว่าตอนนี้ผมควรจัดการยังไงกับคุณดี?”
จางหยางเป็นพวกชอบกดหัวคนอื่นให้อยู่ต่ำกว่าและไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดเนื่องด้วยความหยิ่งผยองของตัวเอง มีหรือที่เขาจะยอมอะไรง่ายๆ แบบนี้
แต่….
“ตุบ!”
ทันใดนั้นจางหยางก็ทิ้งตัวคุกเข่า ขอขมาแทบเท้าจ้าวเฉียนอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่ฟางนี่เองยังตกตะลึงไม่น้อยเช่นกัน
แม้ว่าจ้าวเฉียนกับจางหยางจะมีเรื่องขัดแย้งกันจริงๆ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถึงขั้นคอขาดบาดตายขนาดนั้น