บทที่ 467 ฉันจะดูซิว่าใครกล้าแตะต้องเขา
เมื่อกงซวี่อยากจะดูรูปนั้นให้ชัดๆ เยี่ยหวันหวั่นก็เก็บโทรศัพท์กลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเอ่ยว่า “มองฉันสิ”
กงซวี่มองเยี่ยหวันหวั่นทันที ครั้งนี้เมื่อมองดูก็อึ้งตะลึงไป…
“นาย…”
“เหมือนไหม?” เยี่ยหวันหวั่นกดเสียงเบาถามที่ข้างหูเขา
กงซวี่มองใบหน้าของชายหนุ่ม พยักหน้าไม่หยุด
ตอนเห็นเขาเมื่อกี้ไม่ทันได้สังเกต เพราะว่าบุคลิกต่างกันมากเกินไป แต่พอมองอย่างละเอียดทำไมเขาถึงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาเหมือนผลไม้แช่อิ่มน้อยของเขานัก?
“คนในรูป คือน้องสาวฉัน” เยี่ยหวันหวั่นพูดขึ้น
พริบตาที่ชายหนุ่มพูดจบ ดวงตาของกงซวี่พลันเบิกกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง
อะ…อะไรนะ!
สองวันนี้เขาตามหาผลไม้แช่อิ่มน้อยจนแทบเสียสติแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะเป็นน้องสาวของไอ้หมอนี่ไปได้
เพียงแวบเดียว สายตาที่กงซวี่มองเยี่ยหวันหวั่นก็เหมือนกำลังมองอพอลโลเทพแห่งดวงอาทิตย์ แววตาเป็นประกาย แทบอยากจะลงไปคำนับกับพื้น
บทสนทนาของเยี่ยหวันหวั่นกับกงซวี่เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วินาที เมื่อครู่เปิดรูปขึ้นมาก็มีเพียงกงซวี่คนเดียวที่เห็น
เวลานี้เอง เสียงฝีเท้ามากมายดังขึ้นที่หน้าประตู พนักงานในห้องรีบร้อนพาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนมา
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างสูงใหญ่เอ่ยด้วยท่าทีดุดัน “ใครมาก่อเรื่องที่นี่!”
ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างรีบชี้เยี่ยหวันหวั่น พูดว่า “ผู้ชายคนนี้ค่ะ เขามาก่อเรื่องที่นี่ แล้วยังคิดจะทำร้ายร่างกายด้วย รีบไล่เขาออกไปเลยค่ะ!”
หากกงซวี่บาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว พวกเขารับผิดชอบไม่ไหวหรอก
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยินแล้ว พลันกระโจนเข้ามาหาเยี่ยหวันหวั่น
ทว่าไม่รอให้ใครเข้าใกล้ กงซวี่ทำหน้าเย็นชาโดยพลัน ตบโต๊ะอย่างแรงแล้วตวาดเสียงดัง “ไสหัวไป! ฉันจะดูซิว่าใครกล้าแตะต้องเขา!”
ดูจากปฏิกิริยาของกงซวี่ ผู้ช่วยทั้งสองและพนักงานทั้งหลายพากันนิ่งอึ้ง
เหล่าเจ้าหน้าที่รปภ. ก็มองหน้ากันไปมา ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ผู้ช่วยรีบปรี่เข้าหากงซวี่ ถามอย่างระมัดระวัง “อะแฮ่ม พี่ซวี่ เป็น…เป็นอะไรไป? เมื่อกี้ผู้ชายคนนี้ทำตัวเหิมเกริมล่วงเกินพี่นะคะ!”
กงซวี่พลันด่าสาดเสียเทเสีย “ล่วงเกินพ่อเธอน่ะสิ! ใครอนุญาตให้เธอเรียกพี่เยี่ยของฉันซี้ซั้ว!”
ผู้ช่วยถูกพ่นน้ำลายใส่หน้า งุนงงทันที “หา?”
กงซวี่ไม่สนใจผู้ช่วยอีก พูดจบก็ลุกขึ้นยืน ดึงเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งอยู่เมื่อกี้พลางมองเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าท่าทางเอาอกเอาใจ “พี่เยี่ย เชิญนั่งครับพี่เยี่ย!”
เห็นการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือของกงซวี่ คนทั้งหมดในห้องมองหน้ากันไปมา ยืนงงอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าเกินเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ผู้ช่วยอีกคนพูดขึ้นอย่างฉงน “พี่ซวี่…พี่…นี่มัน?”
กงซวี่หันมาต่อว่า “นี่มันอะไรเล่า! ยังไม่รีบไปรินน้ำชามาให้พี่เยี่ยอีก! รู้เรื่องรู้ราวบ้างไหมเนี่ย แล้วก็เธอ ไปยกมะพร้าวมาให้พี่เยี่ยเร็วเข้า!”
ผู้ช่วยทั้งสองงุนงงจนพูดอะไรไม่ออก อะไรนะ?
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
คุณชายของพวกเขา คุณชายเทวดา ทำไมจู่ๆ ถึงเกรงอกเกรงใจเยี่ยไป๋ขนาดนี้?
แม้จะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของกงซวี่ ทั้งสองคนคนหนึ่งรีบไปรินน้ำชา อีกคนหนึ่งรีบไปเฉาะมะพร้าว
กงซวี่รับมาด้วยตนเอง แล้วเสียบหลอดเข้าไป ถือมะพร้าวยืนอยู่หน้าเยี่ยหวันหวั่น “พี่เยี่ย พี่ดื่มสิ ดื่มเลย!”
เยี่ยหวันหวั่นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มปรายตามองใบหน้าหล่อเหลาเปล่งประกายของชายหนุ่ม มือข้างหนึ่งยกเท้าขมับไว้ เอ่ยขึ้นเนิบๆ ว่า “ได้ยินมาว่า…คุณชายกงเตรียมจะเล่นเรื่อง ‘มังกรผงาด 2’?”
………………………………………………………….
บทที่ 468 นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ๆ
กงซวี่ได้ยินดังนั้น สีหน้าพลันนิ่งอึ้ง นึกขึ้นได้ทันทีว่าตัวเองเพิ่งจะแย่งบทหลินลั่วเฉินมาจากมือของเยี่ยไป๋
พอคิดว่าตัวเองไม่ทันหาผลไม้แช่อิ่มน้อยเจอ ก็ผิดใจกับพี่เขยในอนาคตแล้ว หน้าผากของกงซวี่ก็ผุดเหงื่อออกมา
หลังจากการวิเคราะห์สั้นๆ กงซวี่เอ่ยขึ้นอย่างไม่ลังเลว่า “ ‘มังกรผงาด 2’ เหรอ? ใครบอกกันครับ! ถ้าผมจะเล่น ‘มังกรผงาด 2’ ตัวผมเองจะไม่รู้ได้ยังไง ไม่ใช่ครับ เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง!”
“อ้อเหรอ ใช่เหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเล็กน้อย หยิบแฟกซ์ที่ผู้ช่วยส่งให้เขาเมื่อกี้ออกมา
กงซวี่หรี่ตามองตารางคัดเลือกนักแสดงแผ่นนั้น พลันกัดฟันกรอด แทบอยากจะลากโจวเหวินปินมากระทืบสักยก
หากไม่ใช่เพราะโจวเหวินปินคอยยุแยงข้างหู เขาจะรนหาเรื่องไปแย่งบทนักแสดงในสังกัดเยี่ยไป๋ได้ยังไง แล้วจะมีเรื่องผิดใจกับพี่ชายของผลไม้แช่อิ่มได้ยังไง!
ด้วยกลัวว่าเรื่องนี้จะเป็นเหตุให้ตัวเองกับผลไม้แช่อิ่มน้อยต้องพรากจากกัน กงซวี่ตัดสินใจเอ่ยว่า “พี่เยี่ย เข้าใจผิดแล้ว นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ๆ ผมเป็นพระเอกอยู่ดีๆ จู่ๆ จะไปเล่นเป็นพระรองทำไมกัน”
ว่าจบก็หันไปพูดกับผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ทันที “พวกนายสองคน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ใครอนุญาตให้พวกนายรับบทแบบนี้ให้ฉัน?”
ผู้ช่วยทั้งสองในเวลานี้ร้อนรนขึ้นมาแล้ว หันหน้าสบตากัน คนหนึ่งพูดขึ้นว่า “เอ่อ พี่ซวี่ บทนี้ไม่ใช่ว่าพี่เอง…”
ไม่ใช่เขาเองเหรอที่บอกว่าจะเอาให้ได้? แล้วยังบอกว่าจะขยี้เยี่ยไป๋ให้ตาย ทำไมตอนนี้ทำอย่างกับสูญเสียความทรงจำไปแล้วอย่างนั้น?
ผู้ช่วยไม่ทันพูดจบก็ถูกกงซวี่ตัดบททันใด “เงียบเดี๋ยวนี้ ยังกล้าแก้ตัวอีก กล้ามากเลยนะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าทำอะไรพลการลับหลังฉัน! ไปเรียกโจวเหวินปินมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
ผู้ช่วยจนปัญญา ในสถานการณ์แบบนี้เขาเอาไม่อยู่จริงๆ จึงทำได้แค่รีบพุ่งออกไปหาโจวเหวินปิน
คนอื่นๆ ในห้องแต่งหน้าก็ไม่เข้าใจความเป็นไปของเรื่องราว ได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น…
หลังจากผู้ช่วยออกไปตามคนมา ดวงตาดอกท้อสุกใสแวววาวของกงซวี่กะพริบปริบๆ ตัดพ้อเยี่ยหวันหวั่นอย่างน่าสงสารว่า “พี่เยี่ย เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ นะครับ ผมจะไปแย่งบทของนักแสดงในสังกัดพี่เยี่ยได้ไง…”
เยี่ยหวันหวั่นยกชาขึ้นจิบ ยิ้มราบเรียบ ไม่ได้ต่อว่าอะไรเขา
…
ในห้องทำงานชั้นสอง
โจวเหวินปินกำลังเช็ดของสะสมโบราณในห้องทำงานอย่างอารมณ์ดี พลางคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“เฮ้อ เยี่ยไป๋ได้บทหลินลั่วเฉินไปงั้นเหรอ? ใครบอกคุณ?”
“ก็แค่เด็กหัวขน คุณอย่าประเมินเขาสูงเกินไป! บทนี้น่ะ ตอนนี้อยู่ในมือผมแล้ว!”
“อะไรนะ ไม่เชื่อเหรอ? การออดิชันเป็นสาธารณะแล้วยังไง? คิดว่าออดิชันแบบเปิดแล้วต้องเป็นของเขาเลยอย่างนั้นเหรอ?”
โจวเหวินปินกำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อน จู่ๆ ผู้ช่วยของกงซวี่ผลุนผลันเปิดประตูเข้ามา “หัว…หัวหน้าโจวครับ!”
เห็นท่าทางลนลานของผู้ช่วย ด้วยเพราะโจวเหวินปินกำลังอารมณ์ดี จึงไม่ถือสาหาความกับเขา แค่ปรายตามอง “เอะอะโวยวายอะไร?”
ผู้ช่วยเองก็ไม่เข้าใจสถานการณ์ ไม่กล้าพูดอะไรซี้ซั้ว ได้แต่ทำหน้าลำบากใจเอ่ยว่า “พี่ซวี่เรียกให้หัวหน้าไปพบครับ…”
“อะไรนะ? ไอ้คุณชายนี่ อาละวาดอีกแล้วเหรอ”
โจวเหวินปินเจอกับเหตุการณ์ลักษณะนี้จนเคยชินแล้ว จึงลุกขึ้นเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ไป ไปดูสักหน่อย”
ไม่นาน โจวเหวินปินก็ตามผู้ช่วยมาถึงห้องแต่งหน้าของกงซวี่
“กงซวี่ เป็นอะไรไป? มีใครทำอะไรให้นายไม่พอใจอย่างนั้นเหรอ”
ทางด้านโจวเหวินปินเอ่ยอย่างอารมณ์ดีพลางเดินเข้ามาในห้อง ผลคือเมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่านอกจากกงซวี่แล้ว ในห้องแต่งหน้ายังมีเยี่ยไป๋อยู่ด้วย จึงอดประหลาดใจไม่ได้ จากนั้นเผยสีหน้าเยาะเย้ย
เฮอะ ไอ้หนุ่มเยี่ยไป๋นี่ รนหาที่ตายจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะกล้าวิ่งมาหาเรื่องกงซวี่
…………………………………………………….