บทที่ 425 ฉันเชื่อเขา
“นอกคอก เธอเป็นใครกล้ามาขัดขวางการปฏิบัติตามกฎของตระกูล?!” ซือหมิงหลี่ตวาดด้วยความกราดเกรี้ยว
ได้ยินเสียง เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าตานิ่งเฉย เหล่หางตาเย็นชามองไปทางซือหมิงหลี่ พลันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบเสียดแทงกระดูก “ปู่สี่คะ ถ้าในสถานการณ์ปกติ คุณคือผู้ใหญ่ ฉันต้องให้ความเคารพคุณแน่นอน…แต่วันนี้กาละเทศะมันต่างกัน…แล้วคุณล่ะเป็นใคร ถึงได้กล้าดีมาดูถูกว่าที่นายหญิงของตระกูลซือแบบนี้?”
“เธอ…เธอ…เธอ!” ซือหมิงหลี่ชี้เยี่ยหวันหวั่น พลันไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
“คุณปู่สี่ คุณอาศัยความเป็นผู้อาวุโส ไม่เห็นนายหญิงของตระกูลซืออยู่ในสายตาเลย งั้นฉันจะคิดได้ไหมว่า คุณปู่สี่ก็ไม่ได้เห็นหัวหน้าของตระกูลซืออยู่ในสายตาเช่นกัน” เยี่ยหวันหวั่นกล่าวอย่างเยือกเย็น
“เหลวไหล!” ซือหมิงหลี่ตกใจ เยี่ยหวันหวั่นคนนี้พูดจาไม่กี่คำก็เอาความผิดมาใส่หัวเขาเสียแล้ว…
เวลานี้ ทุกสายตาของทุกคนในที่นี่ต่างจ้องมองไปทางเยี่ยหวันหวั่นโดยสัญชาตญาณ
เห็นเยี่ยหวันหวั่นเบ่งอำนาจในเวลาแบบนี้ ผู้อาวุโสเครายาวซือหมิงหรงพลันขมวดคิ้วย่นอย่างไม่ค่อยพอใจ
ซือหมิงหลี่เก็บกลั้นอารมณ์ เอ่ยเสียงเย็น “ความหมายของฉันก็คือ ผู้อาวุโสทุกท่านกำลังจัดการเรื่องสำคัญ มีที่ไหนกันจะทนให้เธอที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งมาขัดจังหวะที่นี่!”
เยี่ยหวันหวั่นยังคงยืนอยู่ข้างสวี่อี้ไม่ไหวติง เอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พ่อบ้านสวี่ไม่ใช่หนอนบ่อนไส้ ฉันเชื่อว่าทุกคำที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง!”
ได้ยินแบบนี้ สวี่อี้มองค้างไปทางเยี่ยหวันหวั่น ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความอึ้งงัน เขาไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าคนสุดท้ายคนเดียวที่ออกมาพูดแทนเขา จะเป็นเยี่ยหวันหวั่น…
ได้ยินเยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้นมาช่วยพูดแทนหนอนบ่อนไส้ ไม่เข้าใจเรื่องสำคัญไม่สำคัญเช่นนี้ สีหน้าของบรรดาผู้อาวุโสเหล่านี้ในเหตุการณ์ต่างดูไม่ดีสักเท่าไร
ฉินรั่วซียืนอยู่กลางหมู่ชน หยักมุมปากอย่างอธิบายไม่ถูกเผยออกมาเป็นรอยยิ้มเย็นชา
ผู้หญิงคนนี้โง่เขลาสิ้นดี กล้าเป็นปรปักษ์กับคนทั้งตระกูลซืออย่างเปิดเผย ต้องการปกป้องหนอนบ่อนไส้โทษหนัก เธอล่ะอยากจะเห็นละครสนุกฉากนี้เหลือเกิน สุดท้ายแล้วจะลงเอยอย่างไร
ท่าทางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟของซือหมิงหลี่พลันกลายเป็นการแสยะยิ้ม พลางเอ่ยอย่างไม่รีบร้อนกับเยี่ยหวันหวั่น “เธอเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดก็คือเรื่องจริงงั้นเหรอ? บัดนี้หลักฐานมีอยู่ชัดเจน เธอกลับช่วยพูดแทนหนอนบ่อนไส้ สรุปว่าเธอโง่เขลาไร้ความรู้จริงๆ หรือว่า…มีเจตนาอื่น!”
พูดมาถึงตรงนี้ ซือหมิงหลี่ก็เปลี่ยนหัวข้อกระทันหัน กล่าวต่อไปว่า “คุณหนูเยี่ยใจกล้าเกินคน ฉันนับถือจริงๆ เพียงแต่ฉันมีเรื่องหนึ่งไม่ค่อยเข้าใจ องค์กรอย่างพันธมิตรเลือดนี้ คนทั่วไปไม่มีทางรู้จัก แล้วกับการมีอยู่ที่สร้างความน่ากลัวยิ่งกว่าพันธมิตรเลือด
เธอเป็นคุณหนูล้ำค่าอยู่ในหอลึกส่วนตัว เหตุใดจึงรู้จักเรื่องเหล่านี้?
คิดถึงว่าเคยหลอกพันธมิตรเลือด เกรงว่าคงจะไม่ใช่เพียงคำว่ารู้ก็ทำได้ คงจะต้องค่อนข้างคุ้นเคยและเข้าใจองค์กรนั้น ถึงสามารถทำการปลอมตัวแอบอ้างได้ สิ่งที่ฉันพูดนั้นถูกต้องหรือไม่?”
ซือหมิงหลี่พูดพลางชำเลืองสายตามองไปทางหลิวอิ่งและสิบเอ็ดพลาง
คนทั้งสองสบตากันและกัน ต่างก็ไม่ปริปากพูดว่าถูกหรือไม่ถูก ซึ่งถือว่ายอมรับแล้ว
“หลิวอิ่ง ฉันขอถามนาย ตอนแรกที่พวกนายปลอมตัวเป็นองค์กรไหน?” ซือหมิงหลี่ถาม
หลิวอิ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบไป “กุหลาบแห่งความตาย…”
อะ…อะไรนะ? กุหลาบแห่งความตาย!
ได้ยินชื่อกุหลาบแห่งความตายชื่อนี้ เหล่าผู้อาวุโสต่างหน้าเปลี่ยนสี ไม่แปลกที่จะทำให้พันธมิตรเลือดตกใจถอยไปได้!
“พวกนายปลอมตัวกันอย่างไร?” ซือหมิงหลี่ถามอีก
สิบเอ็ดทำได้เพียงตอบตามความจริง “ตอนนั้น คุณหนูหวันหวั่นเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์มาล่วงหน้า…อีกอย่าง คุณหนูหวันหวั่นก็เข้าใจสถานการณ์ของกุหลาบแห่งความตายมากจริงๆ…”
……………………………………………………………..
บทที่ 426 สมองมีปัญหา
ฟังมาถึงตรงนี้ ซือหมิงหลี่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ดังนั้น ฉันต้องถามแล้วว่า คุณหนูเยี่ย เธอรู้ข้อมูลที่แม้แต่เครือข่ายข่าวกรองของตระกูลซือยังสืบหาไม่ได้ได้อย่างไร แล้วรู้ความเป็นไปของเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างไร ถึงได้เตรียมการไว้เพียบพร้อมแม้แต่ชุดปลอมตัว? หรือว่าเธอมีญาณรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าอย่างนั้นเหรอ?”
พริบตานั้น ความสนใจของทุกคนรวมอยู่บนร่างของเยี่ยหวันหวั่น
เมื่อครู่ร้อนใจอยากจะหาตัวการที่อยู่เบื้องหลัง เลยไม่ได้ซักถามอย่างละเอียด ตอนนี้ถูกซือหมิงหลี่พูดขึ้นมา เรื่องนี้มีจุดน่าสงสัยที่คาดคิดไม่ถึงมากเกินไป
“ผู้หญิงคนนี้…คงไม่ได้เป็นหนอนบ่อนไส้ด้วยหรอกใช่ไหม?”
“ฉันว่าเหมือนจะเป็นหนอน!”
“เธอรู้เรื่องคนพวกนี้ได้อย่างไร? สรุปแล้วผู้หญิงคนนี้มีปัญหาแน่นอน!”
…
สวี่อี้เห็นเยี่ยหวันหวั่นช่วยเขาพูดจนถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย ใจก็ร้อนดั่งไฟสุมทรวง ทว่าก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร กระทั่งไม่กล้าอธิบายแทนเยี่ยหวันหวั่น
ตอนนี้เขาถูกคนตัดสินว่าเป็นหนอนบ่อนไส้แล้ว ถ้าหากช่วยเยี่ยหวันหวั่นพูดไปตอนนี้ ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือเธอ ซ้ำจะเป็นการทำร้ายเธอเสียอีก!
จึงได้แต่ใช้สายตาเตือนเยี่ยหวันหวั่น บอกให้เธอไม่ต้องสนใจเขาแล้ว
แต่ว่า เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่คิดจะหลบเลี่ยงเลยแม้แต่น้อย หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วกดลงไปเบาๆ บนหน้าผากของสวี่อี้ต่อหน้าต่อตาทุกคน “เช็ดสักหน่อยเถอะ พ่อบ้านสวี่”
“คุณ…” หน้าสวี่อี้เต็มไปด้วยความตะลึง
ส่วนสีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสล้วนข่มใจจนเหงื่อผุด
ผู้หญิงคนนี้ กล้าทำอะไรไม่ชัดเจนกับหนอนบ่อนไส้ต่อหน้าพวกเขา!
เมื่อครู่นี้น่าจะจัดการกำจัดเธอไปซะ!
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้สนใจมองท่าทางโกรธเสียแทบพุ่งขึ้นฟ้าของผู้อาวุโสเหล่านั้น มองไปทางซือหมิงหลี่ที่กำลังมองเธอรนหาที่ตายด้วยท่าทางราวกับกุมชัยชนะไว้ในมือ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “ปู่สี่พูดเล่นแล้ว ใครจะไปรู้อนาคตได้ล่ะคะ?”
ซือหมิงหลี่จะเห็นเด็กอย่างเยี่ยหวันหวั่นอยู่ในสายตาได้อย่างไร เขาปรายตามองเธอทีหนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น…ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณหนูเยี่ยคงไม่ใช่กุหลาบแห่งความตาย…หรือว่าคนของกลุ่มอำนาจกุหลาบแห่งความตายหรอกนะ!”
ได้ยินคำของซือหมิงหลี่ ผู้อาวุโสในห้องพากันตื่นตกใจ
“ฉันกับกุหลาบแห่งความตาย ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยตอบนิ่งๆ
“กำลังจะตายอยู่แล้ว ยังกล้าเล่นลิ้นอยู่อีก!” ซือหมิงหลี่แสยะยิ้ม “ฉันว่าเธอเป็นคนของกลุ่มอำนาจกุหลาบแห่งความตาย วันนี้จะต้องจัดการเธอให้ได้!”
ซือหมิงหลี่พูดพลางส่งสายตาเป็นสัญญานให้กับพวกการ์ดรอบๆ
เมื่อได้รับสัญญาณ การ์ดทั้งหลายก็รีบเข้าไป เตรียมที่จะจับเยี่ยหวันหวั่น
“อาศัยแค่การคาดเดา ก็จะจัดการนายหญิงของตระกูลซือแล้วเหรอคะ?” เยี่ยหวันหวั่นหรี่ตามองการ์ดหลายคนตรงหน้า “ฉันดูสิว่าใครมันกล้า!”
การ์ดทั้งหลายมองหน้ากันไปมา ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรดี
ทันใดนั้น เยี่ยหวันหวั่นหันไปทางซือหมิงหลี่แล้วแค่นหัวเราะ “ปู่สี่คะ ถ้าหากคุณไม่ได้คาดหวังให้ตระกูลซือเดือดร้อน ถ้าอย่างนั้นสติปัญญาของปู่สี่ เหมือนจะไม่ค่อยเพียงพอเท่าไร ฉันคิดไม่ออกจริงๆ ว่า คนที่สติปัญญาไม่สูงพอ ก็สามารถรั้งตำแหน่งระดับสูงของตระกูลซือได้ด้วย”
“เธอพูดว่าอะไรนะ?!” ใบหน้าซือหมิงหลี่พลันเปลี่ยนสี
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะพลางเอ่ยว่า “ถ้าหากฉันเป็นอย่างที่ปู่สี่เดา เป็นกุหลาบแห่งความตาย หรือว่าคนของกุหลาบแห่งความตาย…คุณปู่เคยคิดถึงผลที่ตามมาหลังจากตระกูลซือจัดการฆ่าฉันแล้วหรือเปล่า”
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นพูดออกมาเช่นนี้ ผู้อาวุโสทุกคนพลันนิ่งอึ้ง
อำนาจของกุหลาบแห่งความตายทั้งลึกลับและยิ่งใหญ่ หากตระกูลซือไปยั่วโมโหกุหลาบแห่งความตายเข้าละก็…ไม่อาจจินตนาการถึงผลที่ตามมา!
“แน่นอนว่า ฉันกับกุหลาบแห่งความตายไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มพลางกล่าวต่อไป “ถ้าหากกุหลาบแห่งความตายอยากเป็นศัตรูกับตระกูลซือจริงๆ คงไม่จำเป็นต้องยุ่งยากส่งหนอนบ่อนไส้มาอยู่ในตระกูลซือแบบนี้หรอกมั้งคะ?”
…………………………………………………………..