อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 34 จะตอบแทนข้าอย่างไร
“ข้า ข้า……”
นางกำผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมในมือเอาไว้แน่น สายตากวาดมองไปรอบๆอย่างตื่นตระหนก ไม่กล้าสบตากับหยุนหว่านหนิง “ข้าลืมไปแล้ว เมื่อครู่นี้เดิมพันอะไรกับเจ้า!”
“งั้นหรือ?”
เห็นนางกลับคำ หยุนหว่านหนิงก็ไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย
หญิงแก่คนนี้ ไม่มีนิสัยกล้าทำกล้ารับมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้นไม่เพียงต้องคุกเข่าคารวะหน้าผากแตะพื้น ยังต้องคลานเหมือนสุนัขอีก?
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย้ยหยัน หันหน้ามองไปทางหยุนเจิ้นซง “ท่านพ่อ เมื่อครู่นี้ข้ากับเฉินอี๋เหนียงเดิมพันอะไรกัน คิดว่าท่านพ่อน่าจะได้ยินใช่ไหม?”
หยุนเจิ้นซงคิดไม่ถึงว่า หยุนหว่านหนิงจะหันมาถามเขา
“ข้า……”
เขาอ้ำๆอึ้งๆไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร สบตาเข้ากับสายตาที่มืดมนของโม่เยว่ ได้แต่ตัดสินใจในทันที
“ข้าได้ยินจริงๆ”
หยุนเจิ้นซงก้มหน้าลง ถอนหายใจอย่างไม่มีเสียงเฮือกหนึ่ง
เฉินซื่อมองไปทางเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นายท่าน……”
“ฮูหยิน กล้าเดิมพันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้”
คำพูดไม่กี่นี้ เหมือนเค้นออกมาจากไรฟันของหยุนเจิ้นซง!
หากหยุนหว่านหนิงอยู่แค่คนเดียว อย่างไรเขาก็ต้องปกป้องเฉินซื่ออยู่แล้ว แต่ตอนนี้โม่เยว่ก็อยู่ด้วย ท่านอ๋องหมิงคนนี้ในอดีตไม่สนใจกิจการบ้านเมือง ตอนนี้กลับเอาค่ายเสิ่นจีลงมาอย่างเงียบๆ ได้รับตำแหน่งสำคัญจากฮ่องเต้
ท้ายที่สุดตำแหน่งไท่จื่อ จะไปตกอยู่ที่ท่านอ๋องคนใด
ตอนนี้ ก็ยังพูดได้ยาก
เพราะเหตุนี้ หยุนเจิ้นซงได้แต่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างตรงไปตรงมา
หยุนหว่านหนิงถึงได้ลุกขึ้นมาด้วยความพอใจ “เฉินอี๋เหนียง คำพูดของท่านพ่อท่านได้ยินหรือยัง?”
เฉินซื่อกัดฟันกรามเอาไว้แน่น สายตาที่มองไปทางนางเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ……แต่ว่าหยุนเจิ้นซงผลักนางออกมา โม่หุยเฟิงก็ไม่ได้คิดจะพูดแทนนางเลยแม้แต่น้อย
ภายใต้ความจนใจ เฉินซื่อได้แต่กำมือเอาไว้ คุกเข่าลงไปต่อหน้าหยุนหว่านหนิง
อัปยศ นี่คือความอัปยศที่ใหญ่หลวง!
“เฉินอี๋เหนียง ท่านจะคารวะหน้าแตะพื้นก่อน หรือว่าคลานเหมือนสุนัขก่อนดี?”
หยุนหว่านหนิงไม่ไว้หน้านางเลย
หลายปีมานี้ เฉินซื่อปฏิบัติต่อนางอย่างไร?
ตอนนี้นาง จะทวงกลับมาทีละนิดทีละนิด!
เฉินซื่อไม่ได้พูดอะไร ทั่วทั้งร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธ นางระงับความอัปยศและความโกรธในใจ คารวะหน้าผากแตะพื้นให้หยุนหว่านหนิงอย่างแรง!
หยุนเจิ้นซงรีบร้อนไกล่เกลี่ย
“พระชายาหมิง ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องทำให้ขัดแย้งกันจนมองหน้าไม่ติดเช่นนี้หรอกใช่ไหม?”
เขายิ้มแห้งๆ “นี่ก็คุกเข่าแล้ว คารวะหน้าผากแตะพื้นก็ทำแล้ว เรื่องคลานเหมือนสุนัข……”
“ทำไม? นี่ท่านพ่อจะทำแทนเฉินอี๋เหนียงหรือ?”
สายตาคมกริบที่เย็นชาของหยุนหว่านหนิงกวาดมองไป
คำพูดนี้ ผิดครรลองครองธรรมจริงๆ!
แต่ว่า ตอนนี้นางเป็นถึงพระชายาหมิงผู้สูงส่ง ตระกูลหยุนก็ยิ่งทำผิดต่อนางก่อน……โม่เยว่คอยหนุนหลังนางอยู่ หยุนเจิ้นซงก็กล้าโกรธไม่กล้าพูดออกมา!
เขาหน้าแดงขึ้นมา
สุดท้าย ก็ได้แต่หุบปากลงอย่างไม่พอใจ
เขาที่เป็นพ่อคนนี้ หากว่าคุกเข่าลงไปแล้วคลานเหมือนสุนัขต่อหน้าหยุนหว่านหนิง หน้าแก่ๆนี่ยังจะเอาอีกไหม?
วันหน้า ยังจะเจอหน้าผู้คนอีกไหม? !
เฉินซื่อเป็นผู้หญิง ทุกอย่างในคืนนี้นางล้วนเป็นคนรนหาที่เอง ก็ให้นางรับผิดชอบเองแล้วกัน!
เห็นหยุนเจิ้นซงหุบปากไป เฉินซื่อก็รู้ว่าหยุนหว่านหนิงเอาจริง
ในใจของนาง ด่านังเด็กแพศยาคนนี้อย่างดุดันไปนับร้อยนับพันครั้ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่งแล้วคลานบนพื้นรอบหนึ่ง เสียง “โฮ่งๆ” อย่างไรก็ไม่สามารถเห่าออกมาได้
เห็นดังนั้น หยุนหว่านหนิงก็ไม่ได้ทำให้นางลำบากใจอีก
อย่างไรเสีย วันหน้ายังมีโอกาสอีกมาก
คืนนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องแตกหักกับเฉินซื่อไปอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้น นางยิ้มออกมา “เฉินอี๋เหนียง วันหน้าหากจะเดิมพันกับข้าอีก จำเอาไว้ว่าต้องคิดให้รอบคอบก่อนค่อยเดิมพัน! มิเช่นนั้น ข้าจะไม่พูดง่ายเช่นนี้แล้ว”
“พูดแล้วก็ต้องทำให้ได้”
นี่ยังเรียกว่าพูดง่าย? !
ให้นางคุกเข่าคารวะหน้าผากแตะพื้นให้นาง ยังให้คลานเหมือนสุนัข ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ นี่เรียกว่าพูดง่าย? !
เฉินซื่อโกรธจนเหมือนดวงดาวลอยอยู่ตรงหน้า
ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ไม่เหมาะจะโต้เถียงอะไรกับนังเด็กแพศยาคนนี้อีก จะได้ไม่เกิดเป็นเรื่องอะไรขึ้นมาอีก
หลังจากที่สาวใช้ประคองนางขึ้นมา ร่างกายของเฉินซื่อจะล้มแหล่มิล้มแหล่ ไม่มีเวลาสนใจจะกล่าวลาโม่หุยเฟิง โม่เยว่ และไม่รอให้หยุนติงหลานตื่นมา ก็ถูกสาวใช้ประคองออกไปด้วยสีหน้าซีดขาว
เห็นนางหนีเตลิดไป หยุนหว่านหนิงอารมณ์ดีอย่างมาก
“อย่างช้าที่สุดน้องรองจะตื่นพรุ่งนี้เช้า”
นางมองไปที่หยุนติงหลานครู่หนึ่ง กล่าวกับโม่หุยเฟิงว่า “หวังว่าท่านอ๋องหยิงจะทำในสิ่งที่พูดได้เช่นกัน”
นางเป็นห่วงหยวนเป่า ยิ่งไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่รอให้หยุนติงหลานตื่นมา
ดังนั้น จึงจากไปพร้อมกับโม่เยว่
เพิ่งจะออกจากหน้าประตูจวนยิ่งกั๋วกง มือใหญ่ของโม่เยว่ก็บีบด้านหลังคอของนางเอาไว้ “หยุนหว่านหนิง ตอนนี้เด็ดเดี่ยวแน่วแน่แล้ว ปีกกล้าขาแข็งแล้ว? ! ถึงกับกล้าเคลื่อนไหวโดยพลการลับหลังข้า!”
เขาออกแรงดึง หยุนหว่านหนิงก็ถูกดึงมาข้างกายของเขา
เขาเข้าไปใกล้ข้างหูนาง กล่าวขึ้นมาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เมื่อก่อนข้า ดูแคลนเจ้าไป!”
หยุนหว่านหนิงรู้ตัวเองว่าเหตุผลไม่เพียงพอ
และเขาก็ไม่ได้ลงมือหนัก ก็เลยยิ้มออกมาด้วยความอาย “ท่านอ๋อง นี่หน้าตาข้าดูเหมือนรังแกง่ายนักหรือ? ทำไมพวกท่านล้วนชอบบีบคอข้ากันนัก?”
นึกถึงเมื่อครู่ตอนที่เขาปรากฏตัว โม่หุยเฟิงก็กำลังบีบคอของนางอยู่
ในใจก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา อย่างไม่มีเหตุผล
โม่เยว่ฮึเสียงเย็นชาคำหนึ่ง ปล่อยมือออก “คืนนี้หากไม่ใช่ข้ามาทันเวลา ชีวิตน้อยๆของเจ้าเกรงว่าคงจะทิ้งเอาไว้ที่จวนกั๋วกงแล้ว!”
“เจ้าค่ะ ข้าน้อยขอขอบคุณท่านอ๋องที่ช่วยชีวิต”
หยุนหว่านหนิงขอบคุณออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเท่าไหร่
เห็นท่าทางที่ไม่ได้จริงใจของนาง สีหน้าโม่เยว่ไร้อารมณ์ความรู้สึก “เจ้าก็กล้าเอ่ยปาก”
ถึงขนาด กล้าขอค่ารักษาหนึ่งพันตำลึงทองกับโม่หุยเฟิง
“มีอะไรไม่กล้ากัน? ตอนนี้เขาวางหยุนติงหลานเอาไว้บนสุดในหัวใจ อย่าว่าแต่หนึ่งพันตำลึงทองเลย แม้ว่าจะเป็นสองพันตำลึง ก็จะต้องเต็มใจเอาออกมาอย่างแน่นอน”
เมื่อพูดแบบนี้ ในใจของหยุนหว่านหนิงรู้สึกเพียงว่าเสียเปรียบไปเล็กน้อย
นางแทบจะ ต้องตายแล้ว?
“เจ้าไม่กลัวหรือว่า เขาจะฆ่าเจ้าด้วยความโกรธจริงๆ”
โม่เยว่เหลือบมองนางครู่หนึ่ง
ความใจกล้าของผู้หญิงคนนี้ เกินการคาดหมายของเขาจริงๆ
“ไม่กลัว! ข้างหลังข้ายังมีท่านอ๋องอยู่ไม่ใช่หรือ? ข้ามั่นใจว่า เห็นแก่หน้าของท่านอ๋อง เขาไม่กล้าลงมือฆ่าข้าเด็ดขาด อย่างมากก็ขู่ข้าสองสามคำเท่านั้น”
หยุนหว่านหนิงยิ้มประจบประแจง
เสียดาย ประจบประแจงไม่ถูกที่ กลับได้ในสิ่งที่ตรงกันข้าม
“เจ้านี่ก็ช่างพูดจาคล่องแคล่ว!”
โม่เยว่ตำหนินางด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ในเมื่อรู้นิสัยของพี่สาม ยังกล้าจงใจท้าทาย ข้าว่าต่อให้เจ้ามีเป็นร้อยชีวิตก็ไม่พอให้เจ้าทำลาย!”
นี่เป็นคำพูดที่จริงอย่างมาก
นิสัยของหยุนหว่านหนิงตรงไปตรงมา กล้าได้กล้าเสีย
แต่นั่นคือในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด
แต่ในตอนนี้ หากใจกล้ามากเกินไป เอะอะก็เป็นเรื่องความเป็นความตายเลย
คืนนี้ นางบุ่มบ่ามไปหน่อยจริงๆ
หากโม่หุยเฟิงอยากจะฆ่านางจริงๆ สามารถหาเหตุผลมาได้ไม่น้อยกว่าสิบข้อ……
ถึงเวลานั้น หยุนหว่านหนิงอยากร้องไห้ก็หาที่ที่จะร้องไม่ได้แล้ว!
“ใช่ๆๆ ครั้งนี้เป็นเพราะข้าทำไม่ถูกก่อนจริงๆ ดีที่ท่านอ๋องผู้กล้าหาญไร้เทียมทานมาได้ทันเวลาช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้าน้อยรู้สึกซาบซึ้งใจไม่สิ้นสุด”
นางยอมรับผิดอย่างเชื่อฟังมาก
“ลูกผู้ชาย” ยืดได้หดได้!
ตอนนี้ โม่เยว่ก็ถือได้ว่า เป็นผู้หนุนหลังเพียงหนึ่งเดียวของนางจริงๆ ต้องเลียแข้งเลียขาเอาไว้ให้ดีถึงจะถูก
คำพูดสรรเสริญเยินยอด้วยความประจบประแจงของนาง มีประโยชน์อย่างมากในใจของโม่เยว่
แต่บนใบหน้าของเขา ก็ยังคงดูเหมือน “ใครติดหนี้เขากี่ล้าน” อย่างนั้นแหละ ทำหน้าบูดบึ้งฮึเสียงเย็นชาออกมาคำหนึ่ง “เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าควรจะตอบแทนข้าอย่างไร?”
ตอบแทน?
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว สบตากับสายตาที่คิดคำนวณของเขา ในใจมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีปะทุขึ้นมา
“ท่านต้องการอะไร?”
นางกระชับเสื้อผ้าตัวเองโดยสัญชาตญาณ มองดูเขาอย่างระมัดระวัง