อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 37 บีบคั้นให้สารภาพอย่างโหดร้าย
โหยวเอ้อถูกอุดปากเอาไว้ ถูกมัดเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้วโยนมาข้างเท้าของหยุนหว่านหนิง
เห็นนางเดินเข้ามาใกล้ คนทั้งคนของเขาตัวสั่นขึ้นมา ปากยังส่งเสียง “วู้วู้” ที่ไม่ชัดเจนออกมา ฟังไม่ออกว่ากำลังพูดอะไรกันแน่
แต่ว่า ความหวาดผวาในดวงตา มองเห็นได้ในแวบแรก
“พระชายา ต่อไป……”
หรูโม่ยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นนางโบกไม้โบกมือ “เจ้าออกไปเถอะ ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าก็พอ”
“แต่ว่าพระชายา……”
หรูโม่เป็นห่วงว่า โหยวเอ้อคนนี้จะทำอะไรหยุนหว่านหนิง
เพิ่งจะเอ่ยปาก ก็สบตาเข้ากับดวงตาที่สดใสของนาง “ทำไม? เจ้ากลัวว่าแม้แต่ขยะตัวเล็กๆนี่ข้าก็จัดการไม่ได้งั้นหรือ?”
ขยะตัวเล็กๆ
อะไรคือขยะตัวเล็กๆ?
หรูโม่รู้สึกมึนงง
แต่เห็นท่าทีนางเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เขาก็ได้แต่หันหลังออกไป
ในลาน มีเพียงหยุนหว่านหนิงกับโหยวเอ้อสองคนเท่านั้น
นางนั่งยองๆลงไปด้วยความสนใจอย่างมาก มองความหวาดกลัวในดวงตาของโหยวเอ้อ ดึงท่อนไม้สีดำในปากของเขาออก “โหยวเอ้อเอ๋ยโหยวเอ้อ ยังจำข้าได้หรือไม่?”
โหยวเอ้อส่ายหน้า แสดงออกว่าจำไม่ได้
“ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร”
หยุนหว่านหนิงหยิบมีดสั้นออกมาจากอย่างใจเย็น
นางชักมีดสั้นออกจากฝัก ค่อยๆเล็งไปที่คอของโหยวเอ้อ “ตอนนี้ล่ะ? จำข้าได้หรือยัง?”
โหยวเอ้อตัวสั่นขึ้นมาครู่หนึ่ง ถึงกับร้องไห้ฟูมฟายขึ้นมา!
“พระชายาหมิง ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยผิดไปแล้ว!”
“ดูท่า เจ้าจะรู้จักข้าสินะ”
หยุนหว่านหนิงถึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ ดึงเก้าอี้มาตัวหนึ่งแล้วนั่งตรงหน้าของโหยวเอ้อ เหยียบเท้าไปบนฝ่ามือของเขา “มีคำถามข้อหนึ่ง ที่ข้าไม่เข้าใจ”
“ตอนนั้น ข้าให้เจ้าคิดหาวิธี ไปขู่องค์หญิงเก้าให้ตกใจชัดๆ”
พูดถึงเรื่องในตอนนั้น ใบหน้าของหยุนหว่านหนิงก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย
ร่างเดิมช่างโง่เขลาจริงๆ!
ถูกหยุนติงหลานยุยงไปเพียงไม่กี่คำ ก็เชื่อในสิ่งที่นางเรียกว่า “แผนการดีๆ” จากนั้นก็ลงมือกับโม่เฟยเฟย
แต่ว่า ตอนนั้นนางก็ไม่ได้จะทำอะไรโม่เฟยเฟยจริงๆ
แต่วางแผนจะ ข่มขู่ให้นางกลัวเท่านั้น
ใครจะรู้ว่า โหยวเอ้อที่นางหามา เกือบจะทำให้ต้องโม่เฟยเฟยแปดเปื้อนไปจริงๆ!
“ตอนนั้น ข้าให้เงินก้อนโตแก่เจ้าไปก้อนหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหาเจ้าหาเพื่อนเลวๆมาอีกสองสามคน เกือบจะทำให้องค์หญิงเก้าแปดเปื้อนไปจริงๆ”
นางออกแรงเหยียบเท้า หมุนรอบๆฝ่ามือของโหยวเอ้อสองสามครั้ง “พูดมา! ใครเป็นคนสั่งการ!”
โหยวเอ้อรู้สึกเจ็บปวด กรีดร้องขึ้นมาทันที!
“พระชายาหมิงไว้ชีวิตด้วย! ตอนนั้น ตอนนั้นข้าน้อยจำคำสั่งของท่านเอาไว้อย่างดี ไม่ได้จะทำอะไรองค์หญิงเก้าเลย……”
“เจ้ายังคิดจะเล่นลิ้นอีก!”
หยุนหว่านหนิงยังคงใช้กำลังต่อไป “หากไม่ใช่เพราะท่านอ๋องไปถึงทันเวลา แล้วช่วยองค์หญิงเก้าเอาไว้ เจ้ายังกล้าหน้าด้านพูดต่อหน้าข้าว่า จดจำคำสั่งของข้าอีกหรือไม่? !”
หากไม่ใช่เพื่อขอหลักฐาน
นางอยากกระโดดเข้าไป เหยียบไอ้สารเลวที่ไร้ยางอายคนนี้ให้ตายจริงๆ!
โหยวเอ้อกรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง
“พูดมา ใครเป็นคนสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้? !”
หยุนหว่านหนิงเค้นถามด้วยความโกรธ
โหยวเอ้ออดทนต่อความเจ็บปวด นอกจากกรีดร้องแล้ว ก็ไม่ยอมสารภาพออกมาสักคำเดียว
“ดูท่า เจ้าคงจะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่ไหม?”
หยุนหว่านหนิงเก็บเท้ากลับมา มีดสั้นในมือ เคาะเบาๆบนที่พักแขนเก้าอี้ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ “ให้ข้าคิดดูก่อน ว่าจะเปิดปากเจ้าอย่างไรดี!”
มองดูมีดสั้นเล่มนั้น ส่องประกายแสงเย็นท่ามกลางแสงแดด หัวใจทั้งดวงของโหยวเอ้อกำลังสั่นเทา
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าเพียงครั้งเดียว หากเจ้าไม่สารภาพมาตามตรง วันนี้ข้าจะให้เจ้าอยู่ก็อยู่ไม่ได้ ตายก็ตายไม่ได้!”
นางมองดูเขาจากที่สูง พ่นคำพวกนี้ออกมาอย่างเย็นชา
โหยวเอ้อมั่นใจว่า นางเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่กล้าทำอะไรเขาหรอก
อย่างไรเสีย ในเมืองหลวงใครบ้างไม่รู้ว่า พระชายาหมิงท่านนี้เป็นนายที่แขนขาพัฒนามาอย่างดี แต่สมองมีน้อยนิด?
ดังนั้น เขาทำคอแข็งแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยศึกษามาแล้ว วิธีตัดเนื้อคนลงมาทีละชิ้นทีละชิ้นอย่างไรไม่ให้ตาย แต่ไม่สามารถหาคนทำการทดลอง และฝึกฝนด้วยตัวเองได้มาตลอด ”
เสียงของนาง เย็นยะเยือกราวกับเกล็ดน้ำแข็ง
น้ำเสียงก็หนาวสะท้าน เหมือนกับลมที่โชยมาจากที่มืดพัดผ่านไปจากแผ่นหลัง
โหยวเอ้อตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง จ้องมองมีดสั้นในมือของนางด้วยความกลัวจนตัวสั่น “พระชายาหมิง ท่าน ท่านคงจะไม่ตัดเนื้อของข้าจริงๆหรอกใช่ไหม?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”
หยุนหว่านหนิงถามกลับ ยิ้มขึ้นมาอย่างโหดร้าย “พอดี ลานหลังของข้ายังเลี้ยงหมาป่าเอาไว้ตัวหนึ่ง”
“เนื้อทั้งตัวของข้า คงจะพอให้มันใช้ยัดช่องว่างระหว่างฟันแล้ว”
หมาป่าอะไรนั่น ย่อมเป็นสิ่งที่นางสร้างเรื่องขึ้นมา จงใจขู่ให้โหยวเอ้อกลัวอยู่แล้ว
เห็นสีหน้าท่าทางของเขาตื่นตระหนก ขดตัวอยู่บนพื้นอย่างสั่นเทา หยุนหว่านหนิงยิ้มอย่างสุภาพ “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าทำเรื่องแบบนี้! อีกสักครู่ลงมือหนักไป เจ้าอย่าร้องว่าเจ็บเชียวนะ”
พูดไป นางก็พับแขนเสื้อขึ้น ทำท่าทางจะเริ่มจากแขนของโหยวเอ้อ “ลงมีดจากที่นี่แล้วกัน”
“อ๊าก……”
มองดูหยุนหว่านหนิงเข้ามาใกล้ โหยวเอ้อตกใจจนกรีดร้องขึ้นมา!
เขาสีหน้าซีดขาว รีบขอความเมตตาอย่างตื่นตระหนก “พระชายาหมิง ปล่อยข้าน้อยไปเถอะ! ข้าน้อยยินดีสารภาพแล้ว ยินดีสารภาพแล้ว!”
น่าเสียดาย ตอนนี้หยุนหว่านหนิงไม่อยากฟังแล้ว
“ถ้าอย่างไร ลงมีดจากบนขาก่อนดีกว่า บนขาเนื้อเยอะดี”
นางใช้มีดสั้นทำท่าทำทางอยู่บนน่องของโหยวเอ้อ
เขาถูกมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา แต่ยังคงดิ้นรนอยู่บนพื้นอย่างบ้าคลั่ง หวังจะหนีออกไปจากเงื้อมมือของหยุนหว่านหนิง “พระชายาหมิง ทั้งหมดนี้ ทั้งหมดนี้พระชายาหยิงเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังทั้งนั้น!”
“พระชายาหยิง?”
การกระทำในมือของหยุนหว่านหนิงหยุดชะงัก เลิกคิ้วมองไปทางเขา “เจ้าช่างบังอาจมากจริงๆ!”
“ถึงกับกล้าใส่ความพระชายาหยิง? ! เจ้ารู้หรือไม่ว่า นี่เป็นเรื่องที่ต้องหัวหลุดจากบ่า!”
“เปล่านะ! ข้าน้อยไม่ได้ใส่ความพระชายาหยิง ทั้งหมดนี้พระชายาหยิงเป็นผู้บงการจริงๆ……”
เสียงที่หวาดกลัวของโหยวเอ้อกำลังสั่นเทา
“งั้นหรือ? เช่นนั้นเจ้าก็ลองพูดมา พระชายาหยิงสั่งการเจ้าอย่างไร?”
นางนั่งลงไปใหม่อีกครั้ง เล่นมีดสั้นที่อยู่ในมือ “หากเจ้ากล้าโกหกแม้แต่ครึ่งคำ เขาจะตัดลิ้นของเจ้าให้หมากินก่อนเลย!”
ถึงแม้น้ำเสียงนางจะเบา แต่การข่มขู่ในคำพูด ทำให้คนขนลุกด้วยความกลัว!
โหยวเอ้อรู้สึกเย็นวาบที่คอ รีบหดคอเอาไว้ สารภาพเรื่องในตอนนั้นอย่างตรงไปตรงมา
“ตอนนั้น ท่านมาหาข้า ให้ข้าน้อยขู่ให้องค์หญิงเก้าตกใจกลัว ข้าน้อย เดิมทีข้าน้อยจะปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่ท่านจากไป พระชายาหยิงก็ปรากฏตัวขึ้น……”
ฉินซื่อเสวียบอกว่า ให้เขาช่วงชิงพรหมจรรย์ของโม่เฟยเฟยให้ได้
“ตอนนั้นข้าน้อยไม่ทำตาม แต่ว่าพระชายาหยิงให้เงินข้าน้อยเยอะมาก”
โหยวเอ้อสั่นเทา กล่าวออกมาอย่างขาดๆหายๆ “ยังบอกว่า หากข้าน้อยกล้าบอกใคร ก็จะให้ข้าน้อย ตายอย่างไรที่ฝัง!”
สี่ปีก่อน โหยวเอ้อก็แค่เด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งเท่านั้น
ถึงจะเป็นอันธพาลข้างถนน ในเวลาปกติรังแกผู้ชายครอบครองผู้หญิง ระรานคนที่อ่อนแอกว่าแต่กลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า
แต่เมื่อเจอกับคนชั่วที่แท้จริง โดยเฉพาะคนอย่างฉินซื่อเสวีย ที่ทั้งอำมหิตทั้งละโมบ ก็ยังถูกขู่ให้ตกใจกลัวจนเหยี่ยวหดตดหาย!
“ข้าน้อยได้แต่รับปาก! พระชายาหยิงยังบอกอีกว่า ไม่ว่าใครสอบถาม ถึงแม้จะลงทัณฑ์ ก็ให้ข้าน้อยยืนกรานหนักแน่นว่า เรื่องนี้พระชายาหมิงท่านเป็นคนสั่งการ……”
ฟังคำพูดของโหยวเอ้อ สายตาของหยุนหว่านหนิงซับซ้อนคาดเดาไม่ได้
ทันใดนั้น เหมือนกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง หางตาของนางมองไปทางกำแพงที่อยู่เบื้องหลัง
ที่นั่น ไม่มีอะไรเลย
แต่ว่านางเพิ่งจะเก็บสายตากลับมา ด้านหลังกำแพงสูง เงาร่างสีดำแวบผ่านไป……