อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ ตอนที่ 95 พ่อข้าเป็นใคร
เขาผลักประตู ถีบบั้นท้ายของหรูยี่ให้เขาเข้าไปในห้อง
จากนั้นก็โยนเสื้อผ้าของโม่เยว่ในอ้อมแขนเข้าไป
ยังคว้าชุดของหยุนหว่านหนิงจากแขนของหรูเยียนโยนให้หรูยี่อย่างหมดเปลือก ปิดประตูอย่างตาไวมือไว แล้วดึงหรูเยียนแอบชิ่งหนีไป
“หรูโม่เจ้ามันต่ำทราม!”
หรูเยียนยกนิ้วให้เขา ทั้งสองคนก็ได้หลบหนีไปไกลแล้ว
หรูยี่ถูกเตะเข้าไปในห้อง เสื้อผ้าของทั้งสองถูกโยนใส่ร่างเขาอย่างเต็มเปา
เขาหอบเสื้อผ้าทั้งหมดไว้ในอ้อมแขน ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยฉีกยิ้มแทบไม่ทัน “ท่านอ๋อง พระชายา พวกท่านฟังข้าอธิบาย…”
“ข้าจะถลกหนังเจ้าในภายหลัง!”
โม่เยว่จ้องเขาอย่างดุร้าย ราวกับว่าจะจับกินคน
หรูยี่กลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัว รีบโยนเสื้อผ้าในมือลงบนเตียง หันหลังกลับแล้ววิ่ง “ข้ายังมีสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ ไปก่อนนะขอรับ!”
ประตูถูกปิดลงอีกครั้ง
ข้างนอกประตู เสียงคำรามหรูยี่อย่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน “หรูโม่! เจ้าสารเลว!”
โม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงต่างยื่นมือออกมา เริ่มมองหาเสื้อผ้าของตัวเองในกองเสื้อผ้า
หันหลังให้กัน ต่างคนต่างแต่งกายให้เรียบร้อย
หยุนหว่านหนิงหันศีรษะอย่างระมัดระวัง เห็นโม่เยว่สวมซับในพอดี
หุ่นนั่น…จุ๊ ๆ ๆ ๆ เป็นตัวแทนใส่เสื้อซ่อนรูป ถอดเสื้อมีกล้ามเสียจริง!
เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่สอดรู้สอดเห็นของนาง โม่เยว่ตะคอกอย่างเย็นชา คว้าเสื้อแพรมาสวมให้เรียบร้อย “หยุนหว่านหนิง เจ้ายังไร้ยางอายกว่าเดิมได้อีก!”
การแอบมองถูกพบเข้าแล้ว…
หยุนหว่านหนิงฉีกยิ้มแทบไม่ทัน “ข้าก็ดูอย่างเปิดเผย ทั้งไม่ได้แอบดู เหตุใดมันจึงไร้ยางอายเล่า””
นางติดกระดุมตรงสาบเสื้อ แล้วหันกลับมามองเขา “ต้องการให้ข้าช่วยจัดการไหม”
โม่เยว่ที่กำลังคาดเข็มขัด ทำท่าทาง “เสร็จกิจแล้วไม่รู้จักคน” อย่างเย็นชา “ข้าไม่ได้ไม่มีมือ”
ให้นางช่วยจัดการ?
ตอนนี้น้ำลายที่ไหลบนปากนาง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็น
สตรีผู้นี้จะจิตใจดีได้อย่างไร
เห็นได้ชัดว่าต้องการฉวยโอกาสถึงจะถูก!
เมื่อถูกเขารู้จุดประสงค์ที่แท้จริง หยุนหว่านหนิงก็ยิ้มอย่างไร้ความละอาย “งั้นข้าจะไปสางผมก่อน!ประเดี๋ยวเข้าวังเจ้าก็รอข้าก่อน พวกเราไปหาเสด็จพ่อด้วยกัน”
โม่เยว่ไม่พูดอะไร แล้วหันกายจากไป
ก่อนจากไป หยุนหว่านหนิงก็เห็นอย่างชัดเจนว่า หูของเขาแดงเล็กน้อย
ไม่ใช่แค่นางที่แอบมองเขาเมื่อครู่ บุรุษผู้นี้เห็นชัด ๆ ว่าก็แอบมอง เสื้อชั้นในสีเทาอมฟ้าของนาง…
หยุนหว่านหนิงปิดปากแอบหัวเราะ
โดยไม่คาดคิดว่าหลังจากนางสางผมออกมา รถม้าของโม่เยว่ไปไม่เห็นฝุ่นแล้ว
“เจ้าสุนัขกลับกลอกนี่!ไม่นึกเลยว่าจะไม่รอข้า!”
หยุนหว่านหนิงยืนกระทืบเท้า
แต่หลังจากคิดทบทวนแล้ว ตอนนางขอให้เขารอเมื่อครู่นี้ โม่เยว่ไม่ได้พูดอะไร เขาในตอนนั้น ในใจผุดความคิดที่จะไม่รอนางแน่!
“นี่มันเกินไปแล้วนะ!”
นางเตะเก้าอี้ไม้ตัวเล็ก ๆ ที่ข้างเท้าอย่างไร้ความปรานี
คนรับใช้ตรงประตูมองนางอย่างระมัดระวัง “พระชายา ต้องการให้บ่าวเตรียมรถเข้าวังหรือไม่ขอรับ”
“ไม่ต้องการ!”
นางกัดฟันกรอด ๆ พูดว่า “เจ้าค่อยดูเถอะ ท่านอ๋องของพวกเจ้าต้องกลับมารับข้าเร็ว ๆ นี้!”
นางสะบัดศีรษะอย่างเย่อหยิ่ง กลับไปเรือนชิงหยิ่ง
หยวนเป่าที่เพิ่งตื่น
เส้นผมชี้โด่ชี้เด่ มีลอนหยิกเล็ก ๆ อยู่สองอันบนหน้าผาก เขาหาวอย่างงัวเงีย เสียงเด็กน้อยไม่ประสารู้สึกนุ่มนวลอยู่หลายส่วน “ท่านแม่…”
เขายื่นแขนเล็ก ๆ ออกมา
“เอ๊ะ ลูกรัก”
หัวใจของหยุนหว่านหนิงละลายไปหมดแล้ว รีบยื่นมือยกเขาไว้ในอ้อมแขน “แม่จะแต่งตัวให้เจ้า”
หรูเยียนออกไปตักน้ำ เข้ามาให้หยวนเป่าบ้วนปากล้างหน้า
“หยวนเป่า ตั้งแต่วันนี้แม่จะส่งเจ้าไปอยู่ตระกูลตาทวดสักสองสามวันดีหรือไม่”
หยุนหว่านหนิงหารือกับหยวนเป่า “แล้วอีกสองสามวัน แม่ก็จะมารับเจ้าอีกครั้ง”
เดิมทีคิดว่าหยวนเป่าจะไม่เห็นด้วย โดยไม่คาดคิดว่าเขาตกลงอย่างง่ายดาย และพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ดีเลย ๆ ข้าอยากอยู่กับตาทวดและท่านลุงเฒ่าด้วยกัน!”
เห็นลูกชายยอมง่าย ๆ หยุนหว่านหนิงก็ตกตะลึง
เดิมทีนางคิดว่ามันต้องใช้ความพยายามอย่างมากแน่!
ถึงอย่างไรหยวนเป่าตั้งแต่เล็กจนโต อยู่ข้างกายนางเสมอ ไม่เคยแยกจากนาง!
ท้ายที่สุดเมื่อลูกชายที่โต คงไม่ฟังความคิดเห็นคนเป็นแม่แล้ว
ในใจนางมีร่องรอยของความโศกเศร้า กะพริบตามองหยวนเป่าอย่างอาลัย “ลูกรัก ทำไมเจ้าถึงตกลงเร็วเสียจริง เจ้าไม่อยากอยู่กับแม่แล้วหรือ”
แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ใช่ว่าลูกขาดแม่ไม่ได้
กลับเป็นนางที่ขาดลูกชายไม่ได้!
จู่ ๆ หยุนหว่านหนิงก็อยากจะร้องไห้
หลายปีมานี้ นางคุ้นเคยกับการมีเจ้าก้อนแป้งนี้อยู่เคียงข้างกาย
นี่เป็นก้อนเนื้อที่เบ่งออกมาจากท้องของนาง นางที่ทะลุมายังสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้ ในโลกที่เป็นศัตรูกับนางทุกหนทุกแห่ง เป็นคนเพียงคนเดียวที่ใกล้ชิดกับนาง
เขาคือทั้งชีวิตของนาง!
จู่ ๆ ก็คิดว่าสิบปีต่อมา หยวนเป่าก็จะแต่งภรรยาและมีลูก มีครอบครัวเล็ก ๆ อย่างมีความสุขเป็นของตัวเอง
เมื่อถึงเวลาคนเป็นแม่อย่างนาง ก็ไม่มีคนต้องการแล้ว!
หยุนหว่านหนิงยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวด ส่งเสียง “ฮื่อ” ร้องไห้ออกมา
เมื่อเห็นแม่บอกจะร้องไห้ก็ร้องไห้เลย หยวนเป่าก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด ยื่นมืออวบอ้วนออกไปเช็ดน้ำตาให้นาง “ท่านแม่ เหตุใดท่านบอกจะร้องไห้ก็ร้องไห้เลยเล่า”
“ท่านแม่ อย่าร้องไห้เลย”
เขาถอนหายใจราวผู้ใหญ่ตัวเล็ก ๆ กอดใบหน้าของนางอย่างเศร้าสร้อย ใส่ใจอย่างสุดซึ้ง
ร่างเล็กพิงหยุนหว่านหนิงแน่น แล้วกอดคอนางไว้แน่น “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการท่านอีกแล้วนะ!”
“ข้ารู้ว่าช่วงนี้ท่านแม่ยุ่งมาก! ท่านป้าคนสวยที่มาจวนอ๋องเมื่อวานนี้ แม่นมจางบอกว่านางเป็นอาของข้า…แต่ข้ารู้ว่าท่านแม่ไม่มีความสัมพันธ์อันดีกับพวกนาง”
เขาทำหน้าจนปัญญา “ท่านแม่ต้องจัดการเรื่องพวกนี้ ข้าจะต้องไปอยู่กับตระกูลตาทวด”
“ตาทวดกับท่านลุงเฒ่าดีมาก!พวกเขายังทำว่าว และม้าไม้ตัวเล็ก ๆ ให้ข้าด้วยนะ!”
ดวงตากลมโตของหยวนเป่าเปล่งประกาย “รอท่านแม่จัดการเรียบร้อยแล้วค่อยมารับข้า!ข้าต้องคิดถึงท่านแน่!”
หลังจากพูดจบ เขาก็จูบนางอย่างแรงที่ใบหน้า “ท่านแม่ คนที่ข้ารักที่สุดย่อมเป็นท่าน! ท่านแม่ทำได้ทุกอย่าง ลูกชายทำให้ท่านภูมิใจ!”
คำพูดเหล่านี้ เป็นสิ่งที่หยุนหว่านหนิงคาดไม่ถึง
แต่เดิมนางคิดว่าลูกชายยังเด็ก ไม่เข้าใจอะไรเลย
แต่ก็ไม่เคยคิดว่า ไม่ใช่ว่าลูกชายไม่เข้าใจ เขารู้ทุกอย่างตั้งแต่อายุยังน้อย!
แม้แต่ นางก็ไม่ได้เคยพูดอะไรกับเขามาก่อน!
เมื่อครู่หยวนเป่าพูดถึง “แม่นมจาง” คงเป็นแม่นมจางของเรือนชิงหยิ่ง
โดยปกติ คนรับใช้เหล่านี้ไม่กล้าพล่ามนินทาต่อหน้าหยวนเป่า
แต่เมื่อวานนี้เป็นหยวนเป่าที่ผู้อยากรู้อยากเห็นเอง ข่มขู่และล่อลวงแม่นมจางในท้ายที่สุดก็ล่อด้วยเหรียญทองแดงไม่กี่เหรียญ ถึงได้รู้สิ่งที่แม่นมจางพูด
หยุนหว่านหนิงถูกหยวนเป่าเกลี้ยกล่อมเช่นนี้ จนหัวใจอ่อนปวกเปียกไม่หยุด
แต่ว่า นางยิ่งร้องไห้อย่างโศกเศร้า
“ฮือออฮึกลูกรัก เจ้าช่างใส่ใจรู้ประสานัก แม่ชื่นใจมากฮือออ”
“ท่านแม่ อย่าร้องไห้นะ”
หยวนเป่าถอนหายใจ “ถึงแม้ท่านจะไม่ได้บอกใคร ว่าใครเป็นพ่อข้า! แต่ที่จริงข้ารู้ว่าพ่อข้าเป็นใคร ถ้าแม่ไม่พูด ข้าก็จะไม่พูดเช่นกัน”
“ให้พวกเขาอึดอัดใจจนตาย!พวกเขากลัดกลุ้มจนตาย!มาดูกันว่าพวกเขาจะกล้าแกล้งท่านแม่อีกหรือไม่!”
หยุนหว่านหนิง “…”
เจ้าเด็กคนนี่ ราวกับเป็นผู้ใหญ่มีจิตใจมั่งคงหนักแน่นไม่คล้ายเก็กน้อยสามขวบ!