อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 149 ฟ้องอ๋องหยิง
“จริงๆ แล้วเป็นอ๋องหยิง ที่ให้ข้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าฮ่องเต้”
หลิวต้าเหวินก้มหน้าลงอย่างหดหู่ใจ พูดถึงต้นสายปลายเหตุอย่างสั่นสะท้าน”อ๋องหยิงหลัวฮ่องเต้ไม่เชื่อ เลยให้ข้าทำนายต่อหน้าฮ่องเต้”
“การแสดงออกของกว้าเซี่ยง (*หลักการทำนายโดยใช้กว้า) ที่อยู่ตำแหน่งตะวันตกเฉียงเหนือ จริงๆ แล้วเป็นตัวการที่ก่อให้เกิดเหตุเภทภัย”
และตำแหน่งของค่ายเสินจี อยู่ในตำแหน่งตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองจิง!
โม่เยว่กะพริบตาเล็กน้อย
หรูอวี้เหลือบมองเขา และถามอีกว่า “อ๋องหยิงยังให้เจ้าพูดอะไรอีก?”
“อ๋องหยิงให้ข้าเรียนฮ่องเต้ว่า เพียงแค่เปลี่ยนเจ้าของค่ายเสินจีเท่านั้น จึงจะสามารถทำให้ประชาชนของหนานจวิ้นหมดทุกข์หมดโศกได้!”
เปลี่ยนเจ้าของหรือ?
ดูเหมือนว่าโม่หุยเฟิงที่สูญเสียค่ายห้ากองพลไป ฉะนั้นจึงหมายตาไปที่ค่ายเสินจีแทน เขาไม่ได้คิดจะแย่งชิงค่ายห้ากองพลกลับคืนมา แต่กลับคิดที่จะแย่งชิงค่ายเสินจีของโม่เยว่ไปแทนอย่างนั้นหรือ? !
ในสมองของเขา ท้ายที่สุดบรรจุอะไรเอาไว้?
มูลสุกรหรือ? !
โม่เยว่หัวเราะเยาะอยู่ในใจ
“อ๋องหยิงทราบว่า คิดอยากจะแยกค่ายเสินจีมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”
หลิวต้าเหวินกลืนน้ำลาย พูดอย่างระมัดระวังว่า “ฉะนั้นจะต้องสร้างความลำบากให้ค่ายเสินจี เป็นความยากลำบากที่อ๋องหมิงไม่สามารถจัดการได้”
“และเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะออกหน้ามาแก้ปัญหาอีกทีหนึ่ง! แล้วก็เป็นไปตามเหตุตามผล เพื่อร้องขอค่ายเสินจีกับฮ่องเต้ตามสมควร……”
ได้ยินเช่นนั้น หรูอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “มองไม่ออกเลย ว่าอ๋องหยิงยังจะมีสมองอย่างนี้อยู่?”
คาดไม่ถึงเลยว่า จะคิดวิธีเช่นนี้ เพื่อแย่งชิงค่ายเสินจีอย่างเงียบๆ? !
เขาตบๆ หน้าหลิวต้าเหวินอีกครั้ง “มันไม่ถูกต้องที่เชื่อฟังขนาดนี้นะ? แล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ด้วย เจ้าว่าไหม ใต้เท้าหลิว?”
หลิวต้าเหวินเปียกโชกไปทั้งตัว
ชั่วขณะที่หรูอวี้ตบหน้าของเขา ราวกับว่าในมือมีหนามแหนมคม ใบหน้าของเขาทั้งเจ็บทั้งชา
“ใช่ ใช่”
เขากล้ากล่าวคำว่า”ไม่”เสียที่ไหนกัน? !
“เช่นนั้นคำพูดต่อไปนี้เจ้าจะต้องฟังให้ดีๆ นะ”
หรูอวี้ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ “เจ้าต้องช่วยอ๋องหมิงฝ่าฟันอุปสรรคนี้ จะดีที่สุดคือการนำอ๋องหยิงเข้าไปพัวพันด้วย มิฉะนั้นแล้วคืนนี้ ข้าจะทำให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติ คำว่ายิ่งกว่าตายทั้งเป็น!”
ร่างกายของหลิวต้าเหวินแข็งทื่อ
เพียงแค่ครู่เดียว เขาก็ตระหนักได้ว่า อะไรที่เรียกว่าตายทั้งเป็น? !
ผู้ชายตรงหน้านี้คือปีศาจร้ายไม่ใช่หรือ?
และเขายังมีวิธีทรมานคนอย่างคาดไม่ถึง? !
หลิวต้าเหวินรู้สึกหวาดกลัว หวาดกลัวจากภายในสู่ภายนอก
เขารีบพยักหน้า “ได้ๆๆๆ ข้าจะคิดหาวิธี และทำตามคำพูดของเจ้าอย่างแน่นอน”
หรูอวี้กำลังยกเท้า……เพื่อถีบไปที่หน้าอกของเขา ใครจะรู้ว่าหลิวต้าเหวินจะรับปากแต่โดยดี “นับว่าเจ้ายังรู้จักเอาตัวรอด”
เขาชักเท้ากลับ และฉุดหลิวต้าเหวินขึ้นมา
หลังจากจัดระเบียบเสื้อผ้าเขาให้เรียบร้อย “เจ้าจะไม่ กลับไปแจ้งอ๋องหยิงใช่หรือไม่?”
หลิวต้าเหวินถูกทำให้ตกใจจนตัวแข็งทื่อ
เขาไม่กล้าขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว และตอบกลับด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ไม่กล้า ข้าไม่กล้าหรอก……”
ระหว่างอ๋องหยิงกับอ๋องหมิง เขาต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ที่ช่วยเหลืออ๋องหยิง เป็นเพราะเขาอึดอัดใจจากการถูกบีบคั้น
ขณะนี้ได้สารภาพเรื่องของอ๋องหยิงออกมา ก็เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้เท่านั้น
หรูโม่นำเขากลับไปที่จวนหลิว แก้มัดเชือกแล้วจากไป หลิวต้าเหวินที่ถูกแช่แข็งเป็นเวลานาน ใช้สองมือปลดผ้าปิดตาออกอย่างสั่นเทา
เห็นว่าในห้องของเขาเงียบสงบ จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
หากไม่ใช่เนื้อตัวที่เปียกโชก เขาคงคิดว่าเรื่องที่ประสบในคืนนี้ เป็นฝันร้ายของเขาเท่านั้น
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสื้อผ้าที่เปียกชื้นอย่างสั่นสะท้าน ไม่สนใจถึงความมืดมิด เข้าได้ออกจากจวนหลิวไปอย่างกระวนกระวายใจ
เขาเพิ่งจะออกไป เงาดำเงาหนึ่งก็ตามไปอย่างเงียบๆ
หลิวต้าเหวินไม่กล้าเดินบนถนนฉางอัน
ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาดึกดื่นเช่นนี้ บนถนนไม่มีผู้ใด เพื่อความระมัดระวังของเขา ยังคงเดินผ่านตรอกซอกซอยที่มืดตึ๊ดตื๋อ ตรอกเล็กๆ ที่มองไม่เห็นแม้แต่นิ้วมือ และไปปรากฏตัวที่ด้านหลังจวนอ๋องหยิง
หลังจากเคาะประตู ไม่นานก็มีคนพาเขาเข้าไป
เวลานี้ภายใต้การพักผ่อนของโม่หุยเฟิง
เขาถูกลงโทษอยู่ด้านนอกห้องทรงพระอักษร และโม่จงหรานก็สั่งกำชับว่าไม่อนุญาตให้หมอเข้ามารักษาเขา
แม้แต่ฮองเฮาจ้าว ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งโม่จงหราน
ฉะนั้นโม่หุยเฟิงจึงทนต่อความเจ็บปวดทรมาน กระทั่งสะเก็ดแผลหลุดออกจากบาดแผล และสามารถลงมาเดินบนพื้นได้ จึงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในการต่อสู้ และยุติการโจมตีทั้งหมด
สุดท้าย ก็กลายเป็นความเคียดแค้นทั้งหัวใจ
เขาเกลียดชังโม่เยว่ เกลียดชังหยุนหว่านหนิง
กระทั่งเกลียดฉินซื่อเสวีย เกลียดโม่จงหราน และยังเกลียดฮองเฮาจ้าวด้วย!
เกลียดโม่หุยเหยียน เกลียดโม่ฮันอี่ว์……
เขารู้สึกเพียงว่า เขาเป็นคนที่ถูกทุกคนหลงลืม
ในช่วงนี้ โม่หุยเฟิงกับฉินซื่อเสวียไม่ได้อยู่ในห้องเดียวกัน
เขาจึงรีบพาฉินซื่อเสวียไปยังเรือนด้านข้าง ตอนนี้ได้เห็นนางที่”มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ”คนนี้ ในใจของเขารู้สึกรำคาญอย่างมาก
หากไม่ใช่เพราะว่าสติปัญญาที่เหลืออยู่ เขาคงบีบคอผู้หญิงโง่ๆ คนนี้ตายไปนานแล้ว!
เขานอนไม่หลับทั้งคืน
เวลานี้เขานอนอยู่บนเตียง และสาปแช่งโม่เยว่อย่างโหดเหี้ยมว่า”ขอให้ลูกเจ้าเกิดมาไม่สมบูรณ์”
คนรับใช้เข้ามารายงาน บอกว่าใต้เท้าหลิวมา
ใต้เท้าหลิวมาหาดึกๆ ดื่นๆ จะต้องมีเรื่องด่วนอย่างแน่นอน
โม่หุยเฟิงสั่งคนให้พาเขาเข้ามา
ทันทีที่เข้าไป ก็เห็นสีหน้าตื่นตระหนกของหลิวต้าเหวิน และดูตกที่นั่งลำบากอย่างมาก เขาจึงขมวดคิ้วแน่น “ใต้เท้าหลิวนี่มันเกิดอะไรขึ้น? ถูกโจรปล้นกลางดึกหรือ?”
“ท่านอ๋อง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
หลิวต้าเหวินคุกเข่าลงข้างๆ “ท่านอ๋อง ข้าน้อยถูกคนของอ๋องหมิงจับตัวไป!”
“อะไรนะ?”
โม่หุยเฟิงตกใจ รีบลุกขึ้นนั่งทันที
แต่บาดแผลยังไม่หายดี เพิ่งลุกขึ้นนั่งเขาก็เจ็บปวดจนแยกเขี้ยวยิงฟัน ทำได้เพียงนอนลงไปอีกครั้งเท่านั้น
ด้วยเหตุฉะนี้ จึงไม่มีแรงพูดเลยแม้แต่น้อย
“เกิดอะไรขึ้น? !”
เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ท่านอ๋อง อ๋องหมิงไม่ทราบว่า เรื่องนี้ข้าน้อยได้รับคำแนะนำจากท่านอ๋อง ฉะนั้นเมื่อคืนนี้จึงจงใจลักพาตัวข้าน้อยไป และทรมานอย่างโหดเหี้ยม!”
หลิวต้าเหวินรู้สึกไม่เป็นธรรม
“ถึงแม้ว่าข้าน้อยจะเป็นคนป่าเถื่อน แต่คนของอ๋องหมิงโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก ทรมานคนอย่างไร้ความปรานี”
โม่หุยเฟิงไร้อารมณ์ แล้วก็ไม่สนใจฟังความน่าเวทนาของเขาด้วย
เขาตัดบทคำพูดของเขา “เจ้ารับสารภาพว่าเป็นข้าใช่หรือไม่? !”
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยก็ถูกบีบบังคับ……”
พูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกโม่หุยเฟิงถูกถีบอย่างแรง!
“โอ๊ย!”
หลิวต้าเหวินกับโม่หุยเฟิง ต่างกรีดร้องพร้อมกัน
เพียงแต่ว่า เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็ถูกถีบ จนท้ายทอยชนเข้ากับขาเก้าอี้ คืนนี้หลิวต้าเหวินถูกกระทืบหลายครั้ง เจ็บจนหายใจไม่ออก!
ต่อจากนั้น เพราะว่าการถีบนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน บาดแผลจึงฉีกขาดอีกครั้ง
ภายใต้ความโมโห ดูเหมือนว่าเขาจะลืมไปเลยว่า ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ
ดังนั้นทั้งสองคนจึงร้องด้วยความเจ็บปวด
สีหน้าของโม่หุยเฟิงซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด คนรับใช้รีบเข้ามาตรวจดู ก็เห็นว่าบาดแผลที่สมานด้วยความยากลำบาก ได้ฉีกขาดอีกครั้ง กางเกงชั้นในถูกเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด!
“ท่านอ๋อง!”
คนรับใช้ตกใจจนตัวสั่น “บาดแผลของท่านฉีกขาดอีกแล้วขอรับ!”
“ข้ารู้แล้ว! เจ้าจะกรีดร้องหาอะไร!”
โม่หุยเฟิงอดกลั้นความโกรธเอาไว้ในใจ โกรธแค้นจนอยากจะฆ่าสองคนนี้เพื่อระบายความโกรธเสียเลย!
เขาออกแรงผลักคนรับใช้ “ไอ้คนไร้ประโยชน์ ยังไม่รีบเอายามาอีก?”
คนรับใช้รีบออกไป
สายตาของโม่หุยเฟิงราวกับว่าจะกินคน จ้องถมึงทึงอย่างโหดเหี้ยมไปที่หลิวต้าเหวิน “ไอ้คนไม่เอาไหน! คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าหักหลังข้า!”
ความโกรธเผาไหม้ลุกโชน
เวลานี้ สติสัมปชัญญะของเขาที่เหลืออยู่ ถูกแทนที่ด้วยความโกรธหมดแล้ว
โม่หุยเฟิงออกแรงตบขอบเตียงอย่างแรง และตวาดด้วยความโมโหว่า “เอาคนมา! ลากไอ้สวะนี่ออกไป และใช้กระบองตีมันให้ตายไปเลย!”