อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 188 ซ่งจื่ออวี๋ออกโรง
เขาฉุดนางมาอยู่ในอ้อมอกได้แบบไม่จำเป็นต้องออกแรง ปลายจมูกนางสัมผัสกับทรวงอกของเขา เส้นผมพลิ้วสยายอยู่ท่ามกลางสายลม ส่งกลิ่นหอมโชยชื่น
ร่างในอ้อมแขนอรชร มือเล็กที่วางอยู่ตรงอกเขานุ่มนวลไร้กระดูก…
หัวใจโม่เยว่กระสับกระส่ายอย่างห้ามไม่อยู่!
แต่ไม่นานก็ถูก ‘ตีกลับสู่ความจริง’
เมื่อครู่ใบหน้าของหยุนหว่านหนิงอยู่ห่างจากเสาประมาณหนึ่งหลีหมี่ (*เซนติเมตร)
นางรีบเดินมาก
หากชนเข้าไป น่ากลัวว่าสันจมูกต้องกระแทกหักแน่!
ยังดีที่โม่เยว่ช่วยได้ทันกาล ดึงนางกลับมา…
หยุนหว่านหนิงโล่งอก
ปลายจมูกล้วนเป็นกลิ่นกายของเขา แปลกแต่คุ้นเคย เขาดึงสติกลับ ผลักเขาออก “เจ้าทำอะไร! ฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งข้าหรือ!”
“นี่ตัวเจ้าทำมาจากหินหรือ จมูกจะชนจนข้าเป็นรูอยู่แล้ว!”
นางนวดจมูก ตะบึงตะบอนเดินจากไป
โม่เยว่ “…”
นังคนนี้ ไม่กำราบสามวันก็เหิมเกริมแล้วจริงๆ!
ตอนนี้ใกล้จะยามจื่อ (* ช่วงเวลา23.00-001.00)แล้ว
ในห้องโถง ซ่งจื่ออวี๋กำลังละเมียดน้ำชาอยู่
เขายังคงเหมือนกันยามที่จากไป อยู่ในชุดสีขาวปลอด ข้างเท้ามีตะกร้าวางอยู่ ใบหน้าหมดจด สง่าสูงส่งราวกับมิใช่ปุถุชนแดนมนุษย์
“จื่ออวี๋!”
ครั้นหยุนหว่านหนิงเข้ามา ซ่งจื่ออวี๋ก็ลุกขึ้นยืน คำนับอย่างมีมารยาท “ขออภัย การไปคราวนี้ล่าช้าหลายวัน แต่จื่ออวี๋จะพยายามถึงที่สุด จะไม่ทำให้ท่านอ๋องและพระชายาผิดหวังขอรับ”
“เป็นอย่างไร เจ้ามีวิธีอะไรหรือไม่”
หยุนหว่านหนิงถามอย่างแทบอดรนทนไม่ไหว
“ข้าได้ยาชนิดหนึ่งมาจากท่านอาจารย์”
ซ่งจื่ออวี๋หยิบยาห่อหนึ่งออกมาจากตะกร้า ยื่นให้โม่เยว่ “ท่านอ๋อง รบกวนท่านช่วยสั่งให้คนจุดเตาไฟ ใช้หม้อใบใหญ่สองสามใบต้มยานี้ให้เดือดสองครั้งด้วยขอรับ”
“รอจนยาเย็นแล้ว ค่อยเติมน้ำสะอาดลงไป”
โม่เยว่รับยามา จดจำอย่างละเอียด
ซ่งจื่ออวี๋กำชับอีก “พรุ่งนี้ยามเหม่า (*ช่วงเวลา05.00-07.00) ข้าจะขอฝนร่วมกับท่านอาจารย์ที่เขาอู้หยุน”
เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ต่างก็อึ้ง “ขอฝน?!”
โม่จงหรานให้ซ่งจื่ออวี๋แก้ไขเรื่องข่าวลือ ‘ดาวหายนะ’ อะไรนั่น แต่ที่มากกว่าคือแก้ไขวิกฤติน้ำท่วมเรือกสวนไร่นาของประชาชน
ตั้งแต่เข้าฤดูใบไม้ผลิ เรือกสวนไร่นาของประชาชนก็มีฝนติดต่อกัน พืชผลทั้งหลายแช่น้ำจนเน่าไปหมดแล้ว
เพื่อเยียวยาประชาชน โม่จงหรานเริ่มเปิดยุ้งฉางแจกข้าว
แม้แต่ท้องพระคลังก็ร่อยหรอลงไปทุกที
หากซีจวิ้นอาศัยยามลำบากบุกเข้ามาอีก ฉวยยามนี้ส่งทหารมารุกราน…
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่สูญเสียทั้งคนและทรัพย์!
“ทำไมต้องขอฝน”
หยุนหว่านหนิงงุนงง
เรือกสวนไร่นาเหล่านั้นยังแช่น้ำเน่าไม่พออีกหรือ
โม่เยว่ก็มองเขาด้วยความฉงนใจเช่นกัน
ซ่งจื่ออวี๋เอ่ยเสียงเบา “พวกท่านเชื่อใจข้าหรือไม่”
“ย่อมเชื่อเจ้า! ไม่อย่างนั้นจะกล้าพาเจ้ากลับเมืองหลวงหรือ”
แถมยังพาเขาไปเข้าเฝ้าอีก!
หยุนหว่านหนิงเอ่ยอย่างจริงจัง “ซ่งจื่ออวี๋ เจ้ากับเสวียนซันเซียงเซิงคือบุคคลที่เก่งกาจและลึกลับที่สุดเท่าที่ข้ารู้จักมาแล้ว! ครั้งนี้ข้าตีอกรับประกันต่อหน้าเสด็จพ่อ ว่าเจ้าต้องคลี่คลายวิกฤตการณ์ได้แน่นอน”
“ถ้าเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะต้องคลานเป็นสุนัขต่อหน้าเสด็จพ่อ!”
ซ่งจื่ออวี๋หัวเราะเบาๆ “วางใจเถิด ข้ากับท่านอาจารย์จะไม่ให้ท่านคลานเป็นสุนัขหรอก”
ถ้อยคำของเสวียนซันเซียงเซิงเชื่อถือไม่ได้ แต่ถ้อยคำของซ่งจื่ออวี๋…นางเชื่อ!
เมื่อนั้นหยุนหว่านหนิงจึงพยักหน้า “ไม่ว่าเจ้าจะขอฝนด้วยเหตุผลอะไร แต่ทำไมพรุ่งนี้ถึงไม่ขอฝนอยู่ที่เมืองหลวงเล่า แต่ต้องไปขอฝนที่เขาอู้หยุน”
“เขาอู้หยุนมีหลิงชี่ (*พลังมหัศจรรย์ที่อยู่เหนือธรรมชาติ)อัดแน่น เป็นสถานที่ที่เทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแล”
ซ่งจื่ออวี๋อธิบาย
แต่ความจริงเป็นเพราะ…เป็นตายร้ายดีอย่างไรเสวียนซันเซียงเซิงก็ไม่ยอมลงจากเขา!
หลายวันนี้เขาอยู่ที่เขาอู้หยุน ใช้ทั้งไม้แข็งไม้อ่อน แต่อย่างไรก็หลอกเสวียนซันเซียงเซิงลงเขาไม่ได้!
แถมการขอฝนในครั้งนี้ยังเป็นเรื่องใหญ่ ซ่งจื่ออวี๋กลัวว่าเขาคนเดียวจะทำไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องร่วมขอฝนกับท่านอาจารย์เสวียนซันเซียงเซิง
การอธิบายนี้กลับไม่ทำให้หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่เกิดความสงสัย
ตอนนี้ดึกมากแล้ว แต่โม่เยว่กลับสั่งให้คนเตรียมจุดเตาไฟทันที ต้มยาน้ำหม้อใหญ่ ทำตามที่ซ่งจื่ออวี๋กำชับ
ซ่งจื่ออวี๋กำชับอีกว่าก่อนถึงยามเหม่า จะต้องเตรียมอะไรบ้าง จากนั้นก็เร่งเดินทางกลับเขาอู้หยุน
ค่ำคืนนี้ หยุนหว่านหนิงนอนไม่ค่อยสนิท
พอนางตื่นมา ก็เพิ่งจะเลยยามหยิน (*ช่วงเวลา03.00-05.00)ไป
หยวนเป่ายังคงหลับสนิท หลังจากกำชับให้หรูเยียนเข้ามาดูแลเขาแล้ว นางก็สวมเสื้อผ้าออกไปที่ลานด้านหน้า
ยาน้ำต้มเสร็จนานแล้ว โม่เยว่กำลังออกคำสั่ง ให้นำยาน้ำเหล่านี้ราดลงบนที่นาของประชาชน
แต่จะว่าไปก็แปลก
หลังจากฝนห่าใหญ่ในครั้งนั้น ก็มีแต่เรือกสวนไร่นาของประชาชนในเมืองหลวงเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ พอออกเมืองหลวง พื้นที่ของประชาชนที่นั่นกลับอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก แม้แต่ตั๊กแตนสักตัวก็ไม่เห็น
ทว่าที่ทำกินในเมืองหลวงแช่น้ำฝนกว่าสองเดือนแล้ว
มีประชาชนที่เจาะจงปล่อยน้ำออก แต่วันรุ่งกลับยังมีน้ำขังอยู่เต็มพื้นที่อยู่ดี
แปลกประหลาดเช่นนี้ ทำให้ประชาชนยิ่งร่ำลือไปกันใหญ่
พืชผลที่แช่น้ำจนเน่าในนาเหล่านั้น ใครก็ไม่กล้าแตะต้อง ได้แต่รายงานราชสำนักทุกวัน
เมื่อคืนซ่งจื่ออวี๋เจาะจงกำชับ ว่าหลังจากรอให้ยาน้ำเย็นตัวแล้ว ต้องราดยาน้ำลงในนาของประชาชนทั้งหมดก่อนที่ถึงยามเหม่า
หยุนหว่านหนิงเห็นพวกหรูโม่เดินเข้าเดินออกยุ่งงวดแล้วจึงขมวดคิ้ว
“ตอนนี้ก็ไปราดน้ำยาแล้ว ถ้าฝนตกจะไม่ชะยาน้ำพวกนั้นไปหมดหรือ”
อีกอย่าง พืชผลที่เน่าอยู่ในนั้น ต่อให้ราดยาน้ำ ก็คงไม่ถึงกับทำให้ฟื้นคืนชีพได้กระมัง!
โม่เยว่ยุ่งจนมีเหงื่อเต็มหน้า เห็นนางตื่นเช้าอย่างนี้จึงเอ่ย “เมื่อคืนเจ้านอนดึก ไปนอนอีกสักหน่อยเถอะ! ที่นี่ไม่มีงานอะไรที่เจ้าช่วยได้”
ช่วย?
หยุนหว่านหนิงเบะปาก “ข้าแค่มาดู ไม่ช่วย”
โม่เยว่เหลือบนางทีหนึ่ง “หยวนเป่ายังไม่ตื่นหรือ”
“ยัง”
หยุนหว่านหนิงหาวฟอด “หรูเยียนอยู่เป็นเพื่อนเขา”
โม่เยว่ไม่ต่อปากอีก บรรจุน้ำยาเต็มถังไม้แล้วก็หิ้วออกไปด้วยตนเอง
หรูอวี้ปาดเหงื่อที่หน้าผาก วิ่งไปถึงข้างตัวหยุนหว่านหนิงแล้วนั่งลงตรงขั้นบันได “พระชายา มีข่าวลือเรื่องใหญ่ ท่านอยากฟังหรือไม่ขอรับ”
หยุนหว่านหนิงเหล่มองเขา “เท่าไร”
อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้นาง ‘ยุ’ ให้หรูอวี้ไปสืบข่าวลือต่างๆ ในเมืองหลวง หลังจากกลับมาแลกได้เงิน เจ้าหมอนี่ก็เลยใช้วิธีนี้ทำธุรกิจเสียเลย
พอทำธุรกิจ ‘ขายข่าวลือให้นาง’ แล้ว
ทุกครั้งที่มีข่าวลือ ก็จะให้เงินตามปริมาณและความสำคัญ
หรูอวี้คำนวณ “ประมาณสองร้อยยี่สิบตำลึงกระมัง!”
หา นี่ยังเป็นข่าวลือราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่นางเคยซื้อจากหรูอวี้เลยนะเนี่ย!
หยุนหว่านหนิงกอดอก “เช่นนั้นเจ้าบอกมานิดหนึ่งก่อน ข้าจะดูสิว่าเรื่องนี้สมกับเงินมากขนาดนั้นหรือไม่! ไม่อย่างนั้นข้าก็ขาดทุนสิ”
หรูอวี้ก็ไม่กลบเกลื่อน ขยับเข้ากระซิบข้างหูนางสองสามประโยค
“เป็นอย่างไร พระชายา สองร้อยยี่สิบตำลึงนี่ คุ้มค่าล่ะสิ”
แววตาหยุนหว่านหนิงกะพริบทีหนึ่ง
กลอกสายตากลับมาทอดตกที่ใบหน้าหรูอวี้อีกครั้ง…
ในใจเขาบังเกิดลางร้ายขึ้นมาทันที “พระชายา ท่านคิดจะทำอะไรอีก”
“ข้าจะให้เจ้าสามร้อยตำลึง เจ้าไปทำงานให้ข้าหนึ่งเรื่อง”
หยุนหว่านหนิงยกมุมปาก “สองร้อยยี่สิบตำลึงเป็นค่าข่าว ที่เหลืออีกร้อยตำลึงคือค่าทำงานและค่าเหนื่อย ถ้าเจ้าทำได้ดี ข้าจะให้เพิ่มอีกร้อยตำลึง”
ครั้นได้ยิน หรูอวี้ก็สีมือด้วยความตื่นเต้น
“พระชายามีคำสั่งอะไรขอรับ ขอเพียงท่านสั่งมา ข้าน้อยจะยินดีถวายหัวให้เลย!”