อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 273 หยุนหว่านหนิง เจ้าอย่าดูถูกคน

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 273 หยุนหว่านหนิง เจ้าอย่าดูถูกคน

หยุนหว่านหนิงหันหลังมองไป คือเสี่ยวลู่จื่อ บ่าวรับใช้ชายที่อยู่ข้างกายของหยุนเจิ้นซง

เสี่ยวลู่จื่อวิ่งเข้ามาใกล้อย่างหายใจหอบ “พระชายา นายท่านของเราเชิญท่านไปที่ห้องหนังสือสักครั้ง! บอกว่ามีธุระจะหารือกับท่าน”

หยุนเจิ้นซงมีธุระจะหารือกับนาง?

หยุนหว่านหนิงสะบัดหัว ทิ้งเอาไว้สองคำด้วยท่าทางที่สง่างาม: “ไม่ว่าง!”

เต๋อเฟยเชิญนางยังปฏิเสธเลย นับประสาอะไรกับหยุนเจิ้นซง?

นางพาหยุนธิงธิงเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเลย

เสี่ยวลู่จื่อยืนเหม่อลอยอยู่ท่ามกลางสายลม……

“พี่ใหญ่ เราทำเช่นนี้กับท่านพ่อ มันจะดีหรือ?”

หยุนธิงธิงหันกลับมองเสี่ยวลู่จื่อที่ยืนเหม่อลอยอยู่ท่ามกลางสายลมครู่หนึ่ง “ไม่แน่ว่า ท่านพ่ออาจมีธุระอะไรที่จะหารือกับท่านจริงๆก็ได้?”

“เขาจะหารืออะไรกับข้า? ถ้าไม่ได้เป็นเพราะยืนผิดฝั่ง อยากจะแยกตัวจากโม่หุยเฟิง หันกลับมาประจบประแจงโม่เยว่ของข้า”

หยุนหว่านหนิงเยาะเย้ย “ก็……”

“ก็คืออยากให้ข้าให้คอยสังเกตตระกูลดีๆให้เจ้า แล้วขายเจ้าไปซะ!”

หยุนธิงธิง: “……ท่านพ่อคงจะไม่ร้ายขนาดนั้นหรอกมั้ง?”

เด็กที่น่าสงสาร!”

หยุนหว่านหนิงมองดูนางด้วยความเห็นอกเห็นใจ “หลายปีผ่านไป เจ้ายังไม่รู้พฤติกรรมของท่านพ่อเจ้าอีกหรือ?”

หยุนเจิ้นซงในฐานะที่เป็นพ่อ หลายปีมานี้ไม่ว่าจะกับหยุนหว่านหนิง หรือว่าหยุนธิงธิง เคยทำหน้าที่ที่คนเป็นพ่อควรจะทำสักนิดไหม?

แต่กับหยุนธิงหลาน กลับดูแลประคบประหงมเอาไว้ในฝ่ามือ

พวกนางสองพี่น้อง ก็คือผักกาดขาวต้นเล็กๆที่เก็บมาจากสวนผักกาดเท่านั้น!

หยุนธิงธิงไม่สามารถตอบได้ “แต่ว่า……”

นางแต่ว่าอยู่นานพักใหญ่ สุดท้ายก็พูดออกมาประโยคหนึ่ง “แต่ว่าพี่ใหญ่ ข้ารู้สึกว่าท่านก็ไม่ควรปฏิบัติต่อเต๋อเฟยเหนียงเหนียงเช่นนี้”

“ไม่ว่าอย่างไร นางก็คือแม่สามีของท่าน! เดิมทีเต๋อเฟยเหนียงเหนียงก็ไม่ชอบท่านอยู่แล้ว หากท่านไปล่วงเกินนางอีก ไม่แน่ว่านางจะใช้อำนาจกลั่นแกล้งท่านอีกก็เป็นได้”

นังหนูน้อยคนนี้ กำลังจะเริ่มจู้จี้อีกแล้ว

หยุนหว่านหนิงปวดหัว

“เช่นนั้นเจ้าคิดว่า ข้าควรจะทำอย่างไร?”

“ไม่สามารถยั่วยุได้แต่สามารถหลบเลี่ยงได้”

หยุนธิงธิงกล่าวขึ้นมาทันที “หลบอยู่ในจวนอ๋องไม่พบนาง!”

“ด้วยนิสัยของเสด็จแม่ ถึงแม้ข้าจะหลบอยู่ในจวนอ๋องไม่พบนาง เกรงว่านางก็จะมาถึงจวนอ๋อง แล้วพลิกหลังคาของจวนอ๋องด้วยซ้ำ!”

นิสัยแย่ๆ ของเต๋อเฟยนั่น สามารถหลบเลี่ยงได้หรือ?

หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า “แต่ว่า ตอนนี้ท่าทีที่นางมีต่อข้าดีขึ้นไม่น้อยแล้ว”

“ไม่ต้องเป็นห่วงไป นางไม่โกรธหรอก”

นางตบไปที่มือของหยุนธิงธิงเบาๆ “การเป็นภรรยา ก็ไม่สามารถจะเป็นคนอ่อนแอให้คนอื่นบีบคั้นอย่างเดียวไม่ใช่หรือ?”

“เราไม่ทำสิ่งที่ไม่เคารพผู้อาวุโส ไม่หาเรื่องก่อน มีความกตัญญูรู้คุณก็พอแล้ว”

นางกล่าวขึ้นมาอย่างหนักแน่นและมีความหมายลึกซึ้ง “แต่ก็จะให้คนมารังแกอย่างเดียวไม่ได้”

“อ้อ”

หยุนธิงธิงเหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ

เห็นสายตาของนางสับสน หยุนหว่านหนิงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

นางยังไม่ได้แต่งงาน ย่อมไม่เข้าใจหลักเหตุผลการอยู่ร่วมกันของแม่สามีกับลูกสะใภ้อยู่แล้ว พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์

ไม่ช้าพี่น้องสองคนก็เข้าไปในจวนอ๋องโจว

วันนี้อากาศดี สีหน้าของโม่เหว่ยก็ไม่เลวเช่นกัน

ลุงเฉินพยุงเขาเอาไว้ กำลังเดินเล่นอยู่ในลานอย่างเชื่องช้า

เห็นว่าหยุนหว่านหนิงมาแล้ว ลุงเฉินทักทายด้วยรอยยิ้ม โม่เหว่ยก็มีสีหน้าที่ดีขึ้นมาเล็กน้อยอย่างหาได้ยากเช่นกัน……เพียงแต่ว่าน้ำเสียงยังคงแข็งทื่อเล็กน้อย “มาแล้วหรือ เข้ามานั่งเถอะ”

เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองดูหยุนธิงธิง

นี่ทำให้ในใจของหยุนธิงธิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย หดหัวครู่หนึ่ง “พี่ใหญ่ อ๋องโจวดูเคร่งขรึมจังเลย”

“อืม”

คนที่เคร่งขรึมขนาดนี้ ทุกครั้งตอนที่ฉีดยาก็ยังกลัวจนร้องไห้

หยุนหว่านหนิงพยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง “หากว่าเจ้ากลัวเขา อีกเดี๋ยวข้าก็จะให้เจ้าได้เห็น อีกด้านที่เขาไม่ได้เคร่งขรึมขนาดนี้เป็นอย่างไร”

“ไม่ดีมั้ง?”

หยุนธิงธิงรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย

“มีอะไรที่ไม่ดี?”

หยุนหว่านหนิงจูงมือนางเข้าไปในห้องโถงใหญ่ โม่เหว่ยถึงได้มองหยุนธิงธิงครู่หนึ่ง “ท่านนี้คือ?”

“น้องสามของข้า”

หยุนหว่านหนิงกล่าวอธิบาย

“วันนี้จะเปลี่ยนยา?”

โม่เหว่ยถอนสายตากลับมา ไม่ได้พูดถึงหยุนธิงธิงมากนัก ถึงได้ถามหยุนหว่านหนิงว่า “ทำไมถึงต้องเปลี่ยนยาอีกแล้ว? เช่นนั้นยังต้องฉีดยาต่อไปอีกไหม?”

“ยาตัวก่อนหน้านี้ใช้ได้ผล แต่ว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการรักษาด้วย”

หยุนหว่านหนิงก้มหน้าบดยา

เรื่องการฉีดยา ให้หยุนธิงธิงเลี่ยงออกไปก่อนดีกว่า

ไม่อย่างนั้นเกรงว่าจะทำให้นังหนูน้อยคนนี้ตกใจแย่……

“ในเมื่อใช้ได้ผล เหตุใดถึงต้องเปลี่ยนด้วย?”

โม่เหว่ยไม่เข้าใจ

“ก่อนหน้านี้ร่างกายท่านอ่อนแอ ฤทธิ์ยาของยาที่ข้าใช้ไม่ได้แรงขนาดนั้น ต้องดูแลรักษาร่างกายของท่านให้ดีขึ้นมาหน่อย ถึงจะสามารถใช้ยาที่มีฤทธิ์แรง ให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นในเร็ววัน”

โรคของโม่เหว่ย คือมีมาตั้งแต่ครรภ์มารดา

ดังนั้นถึงแม้จะดีขึ้น ประสิทธิผลก็เล็กน้อยมาก

จะให้หายขาด คือกระบวนการที่ยาวนานมาก……

“อ้อ”

โม่เหว่ยพยักหน้าอย่างเหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ

หยุนหว่านหนิงเตรียมยาเสร็จ ถึงได้กล่าวกับหยุนธิงธิงว่า “ธิงธิง เจ้าออกไปเดินเล่นข้างนอกก่อน ข้ามีบางอย่าง จะคุยกับอ๋องโจวตามลำพัง”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านพี่”

หยุนธิงธิงเพิ่งจะลุกขึ้นมา ลุงเฉินก็ลุกขึ้นมาอย่างเข้าใจเจตนาเช่นกัน “บ่าวออกไปเดินเล่นกับคุณหนูสามหยุนแล้วกัน”

หยุนหว่านหนิงพยักหน้า หลังจากที่มองดูพวกเขาออกไปแล้ว ถึงได้ปิดประตูห้องลง “อ๋องโจว ถึงเวลาวันละหนึ่งเข็มอีกแล้ว วันนี้ท่านคิดจะร้องไห้อย่างไร?”

“ถ้าอย่างไรข้าเตรียมผ้าเช็ดหน้าให้ท่านเอาไว้ก่อนดีไหม?”

นางหยอกล้อเขา

โม่เหว่ย: “……วันนี้ข้าจะไม่ร้องไห้เด็ดขาด”

“นั่นก็พูดได้ยาก”

หยุนหว่านหนิงหยิบเข็มออกมา ไล่อากาศที่อยู่ภายในออกมา ของเหลวเล็กน้อยพุ่งออกจากปลายเข็ม โม่เหว่ยอดที่ตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้แล้ว

“ข้าเตรียมผ้าเช็ดหน้าให้ท่านก่อนดีกว่า”

หยุนหว่านหนิงหยิบผ้าเช็ดหน้าบนโต๊ะขึ้นมาแล้วยื่นให้กับเขา “ท่านกัดเอาไว้ก็พอ ปิดตาทั้งสองข้างไว้ก็ได้”

มุมปากของโม่เหว่ยกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย “หยุนหว่านหนิง เจ้าอย่ามาดูถูกกัน!”

“ข้าไม่ได้ดูถูกท่านนะ แน่จริงวันนี้ท่านก็อย่าร้องไห้สิ”

หยุนหว่านหนิงฮึออกมาเบาๆ

ถึงแม้จะพูดเช่นนี้……

ปลายเข็มแทงเข้าไปในผิวหนัง โม่เหว่ยก็ยังคงอดที่จะกัดฟันส่งเสียงอู้อี้ไม่ได้ ในดวงตามีหยดน้ำตาที่แวววาวคลออยู่สองหยด

เจ็บจัง!

เจ็บจะตายอยู่แล้ว!

แต่เพื่อศักดิ์ศรี เพื่อไม่ให้หยุนหว่านหนิงผู้หญิงคนนี้ดูถูก เขากัดฟันเอาไว้ ระงับความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้ลงมาอย่างแข็งกร้าว

“โอ๊ะ วันนี้เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ดีนี่”

เห็นท่าทางกัดฟันทนของเขาแล้ว หยุนหว่านหนิงมีความสุขขึ้นมา “เสร็จแล้ว”

นางใช้สำลีกดเข็มเอาไว้ “อาการป่วยของท่านอ๋องดีขึ้นมากแล้วจริงๆ”

“หากข้ารักษาท่านให้หายได้……ท่านคิดจะตอบแทนข้าอย่างไร?”

นางมองดูเขาด้วยความสนใจอย่างมาก

คำถามข้อนี้ โม่เหว่ยไม่เคยคิดมาก่อน

อย่างไรเสียเขาก็อ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก หลายปีมานี้ความเจ็บปวดบั่นทอนเจตจำนงของเขา ทำให้เขาทรมานจนสูญเสียความมั่นใจและความหวังในชีวิตไปนานแล้ว

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า วันหนึ่งเขาจะหายเป็นปกติได้

ถึงแม้ว่าหยุนหว่านหนิงจะให้ความหวังเขา……

แต่ว่าเขาก็ไม่กล้าตั้งความหวังมากเกินไป

ยิ่งคาดหวังมาก ก็ยิ่งผิดหวังมาก

ความผิดหวังที่สั่งสมมาในหลายปีนี้ ทำให้คนทั้งคนของเขาพังทลายลงไปนานแล้ว ไหนเลยที่เขาจะกล้าตั้งความหวังขึ้นมาอีก?

ตอนนี้ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ริมฝีปากของเขาก็เผยรอยยิ้มขมขื่มเล็กน้อย “แล้วแต่เจ้าเถอะ! ขอเพียงเจ้าสามารถรักษาข้าให้หายได้ เจ้าต้องการอะไรข้าก็จะให้เจ้า”

คำตอบที่ขอไปทีเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ายังไม่เชื่อ ว่านางสามารถรักษาเขาให้หายได้

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว

เวลานี้ก็ไม่ดีที่จะตำหนิเขา นางแสร้งทำเป็นยิ้มอย่างผ่อนคลาย “ข้ากลับมีความคิดดีๆอย่างหนึ่ง”

“หากว่าข้ารักษาท่านให้หายได้ เงื่อนไขข้าก็คิดเอาไว้แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าท่านอ๋อง กล้ารับปากหรือไม่เท่านั้น!”

โม่เหว่ยเงยหน้าขึ้นมา “เงื่อนไขอะไร?”

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท