อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 305 หยุนธิงหลานถูกทำให้อับอาย

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 305 หยุนธิงหลานถูกทำให้อับอาย

“เข้าไปดูหน่อยไหม?”

หยุนธิงธิงทำปากย่นยู่

สองศรีพี่น้องเพิ่งจะก้าวขึ้นบันไดไป ก็เห็นสาวใช้คนหนึ่งวิ่งล้มลุกคลุกคลานออกมาแล้ว

มีเลือดไหลออกมาจากหน้าผากของนาง ดูตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิง นางก็ทำได้แค่ค้อมตัวคำนับอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งเบี่ยงออกไปข้าง ๆ ตัวนางทันที

“จุ๊ ๆ พี่รองนี่ลงมือได้โหดเหี้ยมจริงๆ”

หยุนธิงธิงแลบลิ้น

หลังจากเดินเข้าประตูมา ก็เห็นว่าพื้นห้องเละเทะระเกะระกะไปหมด

“น้องรอง นี่มันเกิดอะไรขึ้นรึ?”

เห็นหยุนธิงหลานยืนอยู่ข้างโต๊ะด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว ข้างเท้ามีถ้วยชาแตกเป็นเสี่ยง ๆ ตกอยู่ หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วขึ้น “วันแต่งงานที่เป็นมงคลแบบนี้ เจ้าจะโกรธขนาดนี้ไปทำไม?”

จวนยิ่งกั๋วกงตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เต็มไปด้วยสีแดงตามพิธีมงคล

ในห้องนอนของหยุนธิงหลาน ก็ตกแต่งหน้าต่างโดยการเอากระดาษแก้วมาตัดเป็นลวดลาย เขียนเป็นอักษรอวยพรคำว่า “มงคล” สีแดงเข้มติดจนเต็ม

“จริงด้วยพี่รอง ข้าได้ยินมาว่าวันมงคลไม่ควรเห็นเลือด มันจะทำให้โชคร้าย!”

หยุนธิงธิงให้เกร็ดความรู้นางด้วยสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง

เมื่อก่อนนางไม่กล้า ทั้งไม่อยากเห็นหน้าหยุนธิงหลานด้วย

แต่วันนี้มีพี่ใหญ่อยู่ นางยังต้องกลัวแม่นกช่างจิกนี่ด้วยรึ!

“เจ้าแช่งข้ารึ?”

หยุนธิงหลานจ้องมองนางอย่างดุร้าย

หยุนธิงธิงรีบวิ่งไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของหยุนหว่านหนิง จากนั้นก็ทำปากจู๋แล้วพูดว่า “ที่ข้าพูดมาล้วนเป็นความจริง! ถ้าพี่ไม่เชื่อก็ไปถามพ่อดูก็ได้ ว่าจริงไหมที่ถ้าได้เห็นเลือดแล้วจะโชคร้าย!”

“เจ้า……”

“เอาน่า ๆ!”

เมื่อเห็นว่าหยุนธิงหลานทำท่าเหมือนจะลงไม้ลงมือ หยุนหว่านหนิงก็แค่นเสียงเย็นชา ถามว่า “วันมงคลแท้ ๆ เจ้าเอะอะโวยวายอะไร?”

อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ได้ทิ้งเงามืดไว้ในใจของนางมากเกินไป เมื่อได้เห็นใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ของหยุนหว่านหนิง หยุนธิงหลานก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวเสียววาบขึ้นในหัวใจ

นางกัดฟันกรอด “พี่ใหญ่ พวกเจ้าต่างหากถึงจะเป็นพี่สาวน้องสาวกันแท้ ๆ ส่วนข้ามันก็แค่เด็กที่ถูกเก็บมาจากหน้าประตู!”

“เจ้าพูดผิดแล้ว”

หยุนหว่านหนิงตัดบทคำพูดของนางอย่างจริงจัง “เจ้ายังเทียบไม่ได้กับเด็กที่เก็บมาเลี้ยงด้วยซ้ำ”

หยุนธิงหลานกล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูด พูดอย่างเจ็บอกเจ็บใจว่า “แต่พี่ใหญ่ พี่ก็อย่าลืมนะ! ว่าครั้งนี้ที่ข้าแต่งเข้าจวนอ๋องสาม มันก็เป็นประโยชน์ต่อเจ้าด้วย!”

“หัวใจคนเราซับซ้อนยากจะหยั่งถึง”

หยุนหว่านหนิงนั่งลงช้า ๆ “เจ้าบอกว่ามันเป็นประโยชน์ต่อข้า แต่ข้าจะรู้ได้อย่างไรล่ะ ว่าแท้จริงแล้วในใจเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”

“ไม่แน่นะว่าบางทีพอเจ้าได้แต่งเข้าจวนอ๋องสามแล้ว อาจจะไปร่วมมือกับฉินซื่อเสวียเพื่อมาจัดการกับข้าก็ได้?”

ดวงตาของหยุนธิงหลานเป็นประกายวาบ รีบเบนสายตามองไปทางอื่น นั่งลงฝั่งตรงข้ามด้วยอาการกระฟัดกระเฟียด “นี่พี่ใหญ่พูดอะไรออกมา? จะดีจะชั่วพวกเราก็เป็นพี่น้องแท้ ๆ กันนะ!”

นังคนชั้นต่ำนี่ มันเดาออกได้อย่างไรกันว่านางกำลังคิดอะไรอยู่? !

เพราะนางก็คิดอย่างนั้นอยู่จริง ๆ!

พอแต่งเข้าจวนอ๋องสามแล้ว ก็หาทางซื้อใจฉินซื่อเสวียให้ได้ก่อน พวกนางสองคนมีศัตรูคู่แค้นคนเดียวกัน มาร่วมมือกันจัดการกับนังผู้หญิงต่ำช้าหยุนหว่านหนิงคนนี้ด้วยกันก็ไม่เห็นจะแปลก!

เพราะถึงอย่างไร ฉินซื่อเสวียก็รับมือได้ง่ายกว่าหยุนหว่านหนิงเยอะ!

ขอแค่นางได้รับความโปรดปรานจากโม่หุยเฟิง นางก็สามารถผลักดันฉินซื่อเสวียให้ตกอยู่ในสภาพจนตรอกได้!

ส่วนหยุนหว่านหนิง…

นังผู้หญิงต่ำช้าคนนี้มีทุกอย่าง!

ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องจากฮ่องเต้ ยังมีความรักใคร่เอ็นดูของเต๋อเฟย การคุ้มครองจากกระกูลกู้ หรือการดูแลใส่ใจของโม่เยว่ แม้แต่พวกโม่เฟยเฟยก็ยังดูแลนางอย่างดีไม่มีบกพร่อง!

เมื่อเทียบกับหยุนหว่านหนิงแล้ว นางก็เป็นได้แค่เศษขยะ!

นางจะใช้อะไรต่อต้านอีกฝ่ายได้? !

หยุนธิงหลานสูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง “พี่ใหญ่ เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้าสิ”

“จะใส่ร้ายเจ้าหรือไม่ ตัวเจ้าเองย่อมรู้อยู่แก่ใจ ขอแค่เจ้าไม่หักหลังข้าก็พอ”

หยุนหว่านหนิงจ้องมองนางด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้ม แต่ก็เหมือนไม่ยิ้ม รินชาใส่ถ้วยให้ตัวเอง “เจ้าแค่ต้องรู้ไว้ว่า ใครก็ตามที่มันกล้าหักหลังข้า ล้วนต้องตายอย่างน่าอนาถทุกคน”

“ตายอย่างน่าอนาถ……”

นางจ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาของหยุนธิงหลาน พูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ แต่หนักแน่น

แผ่นหลังของหยุนธิงหลานเย็นวาบ

“เอาล่ะ ตอนนี้ก็บอกข้ามา ว่าทำไมถึงต้องอารมณ์เสียขนาดนี้?”

หยุนหว่านหนิงมองดูเศษถ้วยชาที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของนาง “เจ้าก็รู้แท้ ๆ ว่าวันนี้ที่เรือนหลักมีแขกเหรื่อมากันตั้งกี่คน ยังจะอาละวาดเกรี้ยวกราดอะไรอยู่ได้”

“หรือกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ โม่หุยเฟิงจะไม่รู้ ว่าเจ้าโกรธอย่างกับคนบ้าในวันแต่งงานแบบนี้น่ะรึ?”

หยุนธิงหลานพูดอะไรไม่ออก

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ก็พูดอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจนักว่า “ทางจวนอ๋องสามแจ้งมาเมื่อสองวันก่อน ว่าพวกเขากำลังเตรียมชุดแต่งงาน ให้ข้าไม่ต้องเตรียมชุดแต่งงานด้วยตัวเอง”

“เมื่อครู่ พวกเขาเพิ่งเอาชุดแต่งงานมาส่ง”

“จากนั้น?”

หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วขึ้นมองนาง

หยุนธิงหลานชี้ไปที่กองผ้าโปร่งสีชมพูบนเตียง “ก็คือชุดนั่น”

นางเดินกระฟัดกระเฟียดไปที่เตียง หยิบกองผ้าโปร่งสีชมพูขึ้นมายื่นส่งให้หยุนหว่านหนิง “เจ้าดูสิ นี่มันใช่ชุดแต่งงานซะที่ไหนกัน?”

“เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นผ้าพันคอที่คณิกาในหอนางโลมสวมใส่กัน!”

หยุนธิงหลานโกรธจนกัดฟันกรอด ๆ

หยุนหว่านหนิงคลี่ชุดออกดู…..

“โอ้! ทางจวนอ๋องสามก็เกินไปหน่อยจริง ๆ นั่นแหล่ะ”

นี่มันชุดแต่งงานนี้ซะที่ไหน?

เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามันเป็นแค่ผ้าแถบบาง ๆ ผืนหนึ่ง!

เพราะหยุนธิงหลานแต่งเข้าจวนอ๋องสามไปในฐานะชายารอง ไม่ใช่ชายาเอก

ชายารองก็เหมือนกับอนุ

นับตั้งแต่โบราณมา มีเพียงชายาเอกเท่านั้นที่สามารถสวมใส่ชุดแต่งงานสีแดงได้ ต่อให้อนุจะได้รับความโปรดปรานมากแค่ไหน ก็ทำได้แค่สวมชุดสีชมพูเท่านั้น…..

ดังนั้นสิ่งที่จวนอ๋องสามส่งมาให้หยุนธิงหลาน จึงไม่ใช่อะไรนอกจากชุดแต่งงานสีชมพู ติดอยู่แค่ว่าผ้าผืนนี้โปร่งบางเกินไปหน่อย มันบางเสียจนสามารถเห็นสิ่งที่สวมใส่อยู่ด้านในได้อย่างชัดเจน

“นี่มันจงใจทำให้ข้าอับอายชัด ๆ!”

หยุนธิงหลานโกรธจนกระทืบเท้าเร่า ๆ

หยุนหว่านหนิงมองดู “ผ้าแถบ” ในมืออย่างครุ่นคิด

แม้ว่าหยุนธิงหลานจะเป็นอนุ ก็สามารถเตรียมชุดแต่งงานสีแดงให้นางได้

เพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นวันแต่งงาน

เป็นวันที่ถือได้ว่ามีความสุขที่สุดในชีวิตของผู้หญิงทุกคน

แต่ดันส่งแค่ไอ้ของสั่ว ๆ พรรค์นี้มา….. ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโม่หุยเฟิงอนุญาต หรือเห็นชอบด้วยแล้ว หรือเป็นเพราะมีคนจงใจปิดบังโม่หุยเฟิง จงใจทำให้หยุนธิงหลานลำบากใจกันแน่

คนคนนี้คือใคร ไม่ต้องบอกก็รู้

นอกจากพระชายาอ๋องสามฉินซื่อเสวียแล้ว ยังจะมีใครอีกล่ะ? !

หยุนหว่านรู้สึกชอบอกชอบใจขึ้นมาทันที

ไม่ต้องให้นางคิดหาทางสร้างความร้าวฉานแล้วล่ะ

ดูเหมือนว่าเรื่องแรกที่หยุนธิงหลานจะทำหลังจากได้แต่งเข้าจวนอ๋องสาม ก็คือการต่อสู้ครั้งใหญ่กับฉินซื่อเสวียแน่แล้ว

“ชุดสีชมพูก็ไม่นับว่าเป็นอะไรนะ เพราะถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นชายารอง สวมชุดแต่งงานสีแดงกลับจะทำให้คนอื่นเอาไปติฉินนินทาเปล่า ๆ”

นางจงใจพูดช้า ๆ

นางไปยืนตรงหน้าหยุนธิงหลาน แล้วคลี่ชุดแต่งงานออก เอาไปเทียบกับรูปร่างของนาง “แต่คุณภาพของผ้านี่ น่าจะพอ ๆ กับผ้าที่เอาไปทำมุ้งให้ใครต่อใครอยู่เหมือนกัน”

“ยังมีอีกนะ เจ้าดูสิ ใหญ่ขนาดนี้…..น่าจะยัดเจ้าสองคนใส่เข้าไปพร้อม ๆ กันได้เลยเชียวล่ะ”

ทุกครั้งที่พูดหนึ่งประโยค สีหน้าของหยุนธิงหลานก็จะมืดทะมึนลงไปหนึ่งส่วน

หยุนหว่านหนิงยัดชุดแต่งงานใส่กลับเข้าไปในมือของนาง “น้องรอง เจ้ายังไม่ทันได้แต่งเข้าจวนอ๋องสามเลย ก็ทำคนเขารังเกียจเข้าแล้วนะเนี่ย”

“หากเจ้าไม่ลุกขึ้นมาสร้างบารมีวันข้างหน้าเห็นทีว่าคงจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตดี ๆ แน่แล้ว!”

นี่คือการหว่านความขัดแย้งแบบเห็นได้ชัดเจนมาก ๆ

แต่หยุนธิงหลานก็พร้อมจะโดดเข้ามาเล่นด้วยแบบสุดตัว!

ไม่ใช่ว่านางไม่รู้ ว่าหยุนหว่านหนิงจงใจหว่านความขัดแย้ง

แต่ถ้าได้มาเจอสถานการณ์แบบนี้ ใครบ้างล่ะจะไม่โกรธ? !

แม้ว่าหยุนหว่านหนิงจะจงใจหว่านความขัดแย้ง แต่เรื่องที่นางพูดมาก็เป็นความจริง!

ถ้านางไม่รีบฉวยโอกาสนี้สร้างบารมี น่ากลัวว่าพอถึงพรุ่งนี้ คงได้แต่ต้องปล่อยให้คนอื่นบดขยี้จนสิ้นท่าไปก่อนแน่…….

“พี่ใหญ่มีคำแนะนำอะไรดี ๆ หรือไม่?”

หยุนธิงหลานกัดฟันถาม

ขอให้นางให้คำแนะนำ? !

“นี่ดูจะไม่ดีเลยนะ…..”

หยุนหว่านหนิงยิ้ม

“เจ้าเป็นพี่สาวของข้า มีอะไรไม่ดีล่ะ? นอกจากนี้ถ้าจะพูดไป หากข้าไปอยู่ที่จวนอ๋องสามแล้วไม่สามารถเงยหน้าอ้าปากได้ แล้วข้ายังจะช่วยเจ้าจัดการฉินซื่อเสวียได้อย่างไรล่ะ?!”

หยุนธิงหลานโกรธจัด ในใจตอนนี้อัดแน่นไปด้วยไฟโทสะเต็มที่ คิดแค่อยากจะระบายมันออกมา

“ถ้างั้นก็ได้”

หยุนหว่านหนิงพูดด้วยท่าทาง “ไม่เต็มอกเต็มใจ” “อันที่จริงเรื่องนี้ ข้าคิดว่าไม่น่าจะเป็นคำสั่งของโม่หุยเฟิงหรอก”

“ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงท่านอ๋อง หากเจ้าได้รับการดูแลที่ไม่เหมาะสมขนาดนี้ ก็เท่ากับตบหน้าเขาเอง ดังนั้นใครที่จงใจทำให้เจ้าต้องตกที่นั่งลำบาก ว่าตามกันจริงแค่ลองเดา ๆ ดูก็รู้แล้ว ”

นางชำเลืองมองหยุนธิงหลานแวบหนึ่ง

ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว สองมือกำแน่น เค้นคำพูดออกจากปากทีละคำ ๆ ว่า “ฉิน! ซื่อ! เสวีย!”

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท