อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 344 หยั่งเชิง แม่ของลูกนอกสมรส
ฮองเฮาจ้าวก็เป็นคนประเภทที่พูดแล้วทำทันทีคนหนึ่ง
นางบอกว่าจะไปพบโม่จงหราน จากนั้นก็รีบเก็บกวาดข้าวของ แล้วไปที่ห้องทรงพระอักษรทันที
แต่อันที่จริงเป็นเพราะ นางกลัวว่าจะโดนเว่ยกั๋วกงตามมารังควานอีก ….. ในระยะเวลานับจากนี้ไปชั่วหนึ่งก้านธูป เว่ยกั๋วกงจะต้องตรงดิ่งมาที่ตำหนักคุนหนิง เพื่อคิดบัญชีกับนางอีกแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ นางจึงไปที่ห้องทรงพระอักษรทันที
แผนการของฮ่องเต้ที่คิดจะใช้ “กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ” ด้วยการโยนเว่ยกั๋วกงมาลงบนหัวนาง
ดังนั้นวันนี้ ฮ่องเต้ก็อย่าได้คิดว่าตัวเองจะลอยตัวเหนือปัญหาไปได้เด็ดขาด!
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องของเด็กคนนั้น….
ในใจของฮองเฮาจ้าว ก็รู้สึกร้อนรนกระวนกระวายมากเช่นกัน
เมื่อรู้ว่าฮองเฮาจ้าวมาที่ห้องทรงพระอักษร ความคิดแรกของโม่จงหรานก็คือ ตั้งใจว่าจะไปลี้ภัยที่ตำหนักหย่งโซ่ว
แต่ใครจะคิดว่านางจะมาถึงเร็วมาก ตรงดิ่งเข้ามาขวางเขาไว้ที่หน้าประตูห้องทรงพระอักษร!
“ฮองเฮามาทำไมรึ?”
เพื่อจะคลี่คลายบรรยากาศอันสุดแสนจะกระอักกระอ่วน โม่จงหรานจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน “พอดีว่าข้ามีเรื่องที่จะปรึกษากับเต๋อเฟย ฮองเฮามีเรื่องอะไร ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้เถอะ!”
พูดจบ เขาก็เตรียมจะเดินจากไป
คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันจะได้ยกเท้าขึ้น ก็ถูกฮองเฮาจ้าวเข้ามาขวางไว้
“ฝ่าบาท มีเรื่องอะไรไม่สู้บอกหม่อมฉันก็ได้ หรือไม่ก็พาหม่อมฉันไปที่ตำหนักหย่งโซ่วด้วยกันเลยดีหรือไม่เพคะ?”
นางยิ้มละไม “บังเอิญว่า หม่อมฉันเองก็มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะหารือกับเต๋อเฟยอยู่พอดี!”
นางมีเรื่องอยากหารือกับเต๋อเฟยอย่างนั้นรึ?
น่าจะเป็นการไปหาเรื่องทะเลาะกับเต๋อเฟยเสียมากกว่ากระมัง!
โม่จงหรานขมวดคิ้ว “เจ้าจะไปคุยเรื่องอะไรกับเต๋อเฟย?”
ฮองเฮาจ้าวยังคงยิ้มไม่หุบ “อันที่จริง หม่อมฉันอยากหารือเรื่องนี้กับฝ่าบาทก่อน แต่หากฝ่าบาทคิดว่าหม่อมฉันสมควรบอกเต๋อเฟย หม่อมฉันค่อยไปหารือกับเต๋อเฟยทีหลังก็ได้นะเพคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ในใจของโม่จงหรานก็ผุดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ทำไมเขาถึงเอาแต่รู้สึกว่า รอยยิ้มของฮองเฮาจ้าวดูแปลกประหลาดแบบนี้นะ?
ช่างเถอะ!
ฟังก่อนแล้วกันว่านางจะพูดอะไร!
โม่จงหรานก้าวถอยหลัง “ฮองเฮา เข้ามาพูดกันข้างใน”
เมื่อเห็นว่าเขายอมถอย ฮองเฮาจ้าวก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
ถึงแม้ว่า จะเป็นการใช้ชื่อของเต๋อเฟยมาบีบบังคับให้โม่จงหรานยอมจำนน แต่ฮองเฮาจ้าวก็ยังคงรู้สึกพอใจมากกับการได้เป็น “ผู้ชนะ” ในครั้งนี้
“เกรงว่าฝ่าบาทคงจะยังไม่ทรงทราบ เรื่องที่เจ้าเจ็ดมีลูกนอกสมรสสินะเพคะ?”
เพิ่งจะนั่งลงได้ ฮองเฮาจ้าวก็พูดโพล่งขึ้นมาทันทีอย่างไม่กลัวตาย
โม่จงหรานเพิ่งจะจิบชาเข้าไปคำหนึ่ง
เมื่อได้ยินคำว่า “ลูกนอกสมรส” ชาในปากของเขาก็ถูกพ่นออกมาทันที …..พ่นจนทั้งหน้าทั้งหัวของฮองเฮาจ้าวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำชา จางหมัวมัวรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าผ้าออกมา ช่วยเช็ดหน้าให้นางทันที
ขณะที่เผชิญกับสายตาที่จ้องมองมาอย่างขุ่นเคืองของฮองเฮาจ้าว โม่จงหรานยังคงสำลักกระอักไอไม่หยุด
“ข้าอดไม่ไหวจริง ๆ”
ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันน่าขำมากขึ้นเท่านั้น พอได้เห็นสภาพกระเซอะกระเซิงของฮองเฮาจ้าว ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันน่าขบขันขึ้นเรื่อย ๆ….
ในที่สุดโม่จงหรานก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา!
ฮองเฮาจ้าวยังนับว่าสงบสติอารมณ์ได้ดีทีเดียว “ฝ่าบาท เรื่องนี้เหมือนว่าจะไม่ได้น่าขบขันขนาดนั้นหรอกกระมัง?”
“ขอโทษ ๆ”
โม่จงหรานฝืนระงับเสียงหัวเราะ แต่สีหน้าของเขากลับยิ่งดูขบขันหนักขึ้นกว่าเดิม
ฮองเฮาจ้าวถึงกับพูดไม่ออก ไฟโทสะที่อัดแน่นเต็มปอดจึงทำได้แค่เอาไประบายลงกับจางหมัวมัว “นังหน้าโง่! รีบ ๆ เช็ดหน่อยได้หรือไม่? เจ้าจะเช็ดให้หนังหน้าชั้นนอกของข้ามันหลุดออกมาเลยหรืออย่างไร?!”
จางหมัวมัวเก็บผ้าเช็ดหน้ากลับไปด้วยอาการมือไม้สั่นเทา
ฮองเฮาจ้าวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง “ฝ่าบาท หม่อมฉันพูดความจริงนะเพคะ”
โม่จงหรานยังคงฝืนกลั้นหัวเราะไม่หยุด “เจ้าลองว่ามาซิ ว่าเขาจะไปเอาลูกนอกสมรสมาจากไหน? เจ้าเห็นกับตาตัวเองเลยหรือไม่?”
“แม้ว่าหม่อมฉันจะไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่เหยียนเอ๋อร์ได้เห็นเพคะ”
ฮองเฮาจ้าวกัดฟันพลางพูดว่า “เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ดูท่าทางเจ้าเจ็ดจะรักใคร่เอ็นดูเด็กคนนั้นมาก! ถึงขั้นที่ว่าเพื่อเด็กคนนั้นแล้ว เขาไม่ลังเลเลยที่จะทำให้เหยียนเอ๋ออับอายขายหน้าบนท้องถนน!”
“เห็นได้ชัดว่า เขาใส่ใจลูกนอกสมรสคนนั้นจริง ๆ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของโม่จงหรานก็ค่อย ๆ เคร่งเครียดจริงจังขึ้น
จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า โม่จงหรานได้เจอหยวนเป่าแล้ว? !
เรื่องนี้เห็นท่าจะไม่ดีแล้ว!
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นลูกนอกสมรสของเจ้าเจ็ด?”
เขาถาม
ฮองเฮาจ้าวรีบตอบอย่างรวดเร็วว่า “เหยียนเอ๋อร์ได้เห็นเองกับตาเลยเพคะ! ว่าสายตาที่เจ้าเจ็ดมองเด็กคนนั้นเต็มไปด้วยความรักของพ่อที่มีต่อลูก ไม่มีทางมองผิดอย่างแน่นอน!”
“ฝ่าบาท นี่เป็นเรื่องน่ายินดีอันยิ่งใหญ่นะเพคะ!”
นางฝืนเค้นรอยยิ้มออกมา
ติดแค่ว่ารอยยิ้มนั้น ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูเหมือนฝืนใจยิ้มเป็นที่สุด “ฝ่าบาท เวลานี้ตำแหน่งรัชทายาทช่างง่อนแง่นคลอนแคลนนัก”
“ทั้งเหยียนเอ๋อร์และเฟิงเอ๋อร์ต่างก็มีแค่ลูกสาวเท่านั้น ในราชวงศ์ยามนี้ไม่มีเด็กผู้ชายเลย แม้ว่าลูกของเจ้าเจ็ดคนนี้จะเป็นเพียงลูกนอกสมรส แต่ก็พอจะนับได้ว่าเป็นหลานชายคนโตของฝ่าบาท….. ”
นางเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับคำพูดของตัวเอง จนไม่ได้สังเกตดูสีหน้าของโม่จงหรานเลย
“ตามความเห็นของหม่อมฉัน ไม่สู้เรามาตามหาแม่ของลูกนอกสมรสคนนั้นออกมาจะดีกว่า”
ยิ่งฮองเฮาจ้าวคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดนี้มันช่างเหมาะสมเสียจริง ๆ!
ตามหาแม่ของลูกนอกสมรสคนนี้ออกมา แล้วค่อยขอให้โม่จงหรานออกราชโองการแต่งตั้งให้นางเป็นพระชายารอง…..
ให้เหมือนกับจวนยิ่งกั๋วกง ที่จับนังผู้หญิงชั้นต่ำอย่างหยุนธิงหลานนั่นยัดใส่เข้าไปในจวนอ๋องสาม
ให้หยุนหว่านหนิงได้สัมผัสถึงความรู้สึกที่ผู้ชายของตัวเอง ต้องกลายเป็นสามีของคนอื่นดูเสียบ้าง!
ยิ่งคิดเท่าไหร่ ฮองเฮาจ้าวก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น “ฝ่าบาท จะดีจะชั่วนางก็ให้กำเนิดลูกของเจ้าเจ็ด! ถือว่าได้ทำคุณูปการอันยิ่งใหญ่แก่ราชวงศ์ของเรานะเพคะ!”
“ไม่ว่าอย่างไร เราก็ไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายถูกทอดทิ้งไร้คนเหลียวแลได้ นั่นจะไม่เท่ากับว่าราชวงศ์ของเรารังแกคนอ่อนแอหรอกหรือ?”
“นี่คือเหตุผลที่ถูกต้องสมควรแล้ว”
โม่จงหรานพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
เมื่อเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจเต็มที่ของฮองเฮาจ้าว ในใจของโม่จงหรานก็รู้สึกขบขันขึ้นมาอีก
ถ้าให้นางได้รู้ว่า เด็กที่นางเอาแต่เรียกว่า “ลูกนอกสมรส” คนนั้น แท้จริงแล้วก็คือหลานชายคนโตของราชวงศ์ตัวจริง
ส่วน “แม่ของลูกนอกสมรส” ในสายตาของนาง แท้จริงแล้วก็คือพระชายาหมิงล่ะก็…..
เมื่อถึงเวลานั้น บางทีฮองเฮาจ้าวอาจไม่สามารถทนต่อแรงกระตุ้นที่มากมายขนาดนี้ จนวิ่งเอาหัวชนกำแพงฆ่าตัวตายไปเลยหรอกรึ? !
โม่จงหรานยกยิ้มอย่างกระหยิ่มใจ
เมื่อเห็นว่าเขาเชื่อคำพูดของนางอย่างง่ายดาย ทั้งเหมือนว่าจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของตน ฮองเฮาจ้าวก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้สึกยินดีกับเจ้าเจ็ดจากก้นบึ้งของหัวใจเลยเพคะ!”
นางมีความสุขมากเสียจนอยากจะฆ่าโม่เยว่ทิ้ง ฆ่าไอ้ลูกกระต่ายนั่นให้มันตายไปให้พ้น ๆ หน้า!
เหยียนเอ๋อร์กับเฟิงเอ๋อร์สองคนพี่น้อง มีแค่ลูกสาวสามคน
แต่ไอ้ชาติหมาสารเลวโม่เยว่ กลับมีลูกชายนอกสมรส!
การโจมตีระดับนี้ ฮองเฮาจ้าวจะทนรับได้อย่างไรกัน? !
นางยิ้มไปยิ้มมา น้ำตาพลันไหลลงมาจนอาบแก้ม “ฝ่าบาท หม่อมฉันมีความสุขจริง ๆ นะเพคะ! ในที่สุดราชวงศ์ของเราก็มีเด็กผู้ชายแล้ว ฝ่าบาทก็คงจะวางใจได้แล้วนะเพคะ!”
สีหน้าของโม่จงหรานก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจ “ข้าก็มีความสุขมากเช่นกัน!”
หลานชายคนโตของเขา หยวนเป่าตัวน้อยที่แสนจะชาญฉลาดปราดเปรื่อง น่ารัก มีไหวพริบ……
เขาอยากจะใช้คำคุณศัพท์ดี ๆ ทุกคำที่มีบนโลกใบนี้ เพื่ออธิบายถึงหลานชายสุดที่รักของเขา!
แต่เท่านี้ยังไม่พอ!
เขาอยากจะมอบสิ่งดี ๆ ทั้งหมดที่มีในโลกใบนี้ ให้กับหยวนเป่าหลานรัก!
เมื่อเห็นว่าเขามีความสุขมากขนาดนี้ หัวใจของฮองเฮาจ้าว ก็เหมือนร่วงตกลงไปในห้องเก็บน้ำแข็งใต้ดินทันที
ก็แค่ลูกนอกสมรสคนหนึ่งแท้ ๆ!
ฝ่าบาทมีความสุขถึงขนาดนี้…. ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรก ไม่รู้ว่าถ้าตอนนี้รีบให้เหยียนเอ๋อร์กับเฟิงเอ๋อร์รับอนุเพิ่ม แล้วมีลูกอีกสักหลาย ๆ คน ฝ่าบาทจะดีใจขนาดนี้หรือไม่? !
ถ้ารู้แต่แรก หลายปีมานี้นางจะได้รีบหาอนุให้เหยียนเอ๋อร์กับเฟิงเอ๋อร์เพิ่มอีกสักหลาย ๆ คน!
หนานกงเยว่กับฉินซื่อเสวีย สุดท้ายก็เป็นได้แค่หมาหวงก้าง เป็นแค่ตัวไร้ประโยชน์สองตัวที่ไม่มีปัญญาให้กำเนิดลูกชายได้!
ฮองเฮาจ้าวโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม
เมื่อเห็นดังนั้น โม่จงหรานก็เต็มไปด้วยความสงสัย “ฮองเฮา นี่เจ้าเป็นอะไรไปรึ?”
“จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า เพราะเจ้ายินดีเกินไป ถึงได้ตื่นเต้นจนตัวสั่นแบบนี้?”
ฮองเฮาจ้าวกลับมามีสติรู้ตัว ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่เพคะฝ่าบาท! แต่ว่าเรื่องลูกนอกสมรสนี้ยังยืนยันแน่ชัดไม่ได้! หม่อมฉันคิดว่า ฝ่าบาทสมควรตรวจสอบให้กระจ่างเสียก่อน ค่อยมาพูดเรื่องนี้กันดีหรือไม่เพคะ?”
“ถ้าเป็นลูกนอกสมรสของเจ้าเจ็ดจริง ๆ เราต้องไม่ปล่อยให้แม่ของเด็กได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจ!”
“ข้ารู้แล้ว”
โม่จงหรานยกถ้วยชาขึ้นมา ก่อนจะออกคำสั่งขับไล่แขก “จุดประสงค์ที่ฮองเฮามาข้าเข้าใจดีแล้ว ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ทันที”
“หากว่าฮองเฮาไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็กลับไปก่อนเถอะ”
ในใจของฮองเฮาจ้าวรู้สึกหงุดหงิดแทบคลั่ง แทบอดใจไม่ไหว อยากกลับไปตำหนักคุนหนิงเสียตอนนี้ แล้วทุบทำลายข้าวของเพื่อระบายความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในใจ
ดังนั้นจึงไม่ได้รั้งอยู่ต่อ ลุกขึ้นแล้วขอตัวจากไปทันที
นางเพิ่งเดินจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของโม่จงหรานก็สลายหายไปทันที “ดูเหมือนว่าฮองเฮาจะเกิดความสงสัยต่อเรื่องนี้เข้าแล้ว! เจ้าใหญ่เคยเจอหยวนเป่า เกรงว่าเรื่องนี้จะเก็บเป็นความลับได้อีกไม่นานแล้ว!”
ซูปิ่งซ่านพยักหน้ารับ สีหน้าเป็นกังวล “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท! ตอนนี้เราควรทำอย่างไรกันดี?”