อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 361 แด่ความร่วมมือด้วยดีของเรา

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 361 แด่ความร่วมมือด้วยดีของเรา

เนื่องจากผู้ที่มามีฐานะพิเศษ ดังนั้นหยุนหว่านหนิงจึงสั่งให้หรูเยียนพาไปที่เรือนชิงหยิ่งโดยตรง

“พระชายาหมิง”

ครั้นเสียงราบเรียบดังขึ้นจากข้างหลัง หยุนหว่านหนิงก็หันไปมองนางตรงๆ ต่างจากการพบกันเมื่อสองวันก่อน วันนี้หยุนหว่านหนิงมองประเมินนางขึ้นลงรอบหนึ่ง

“คุณหนูรองฉิน เชิญนั่ง”

นางพยักหน้าน้อยๆ

หยุนหว่านหนิงเดาสาเหตุการมาถึงประตูบ้านอย่างกะทันหันของฉินเย่วหลิ่วได้แล้ว

ทีแรกนางยังนึกว่าทางหนานกงเยว่เกิดเรื่องกะทันหัน และเป็นไปได้มากที่สุดว่าโจวหยิงหยิงจะเป็นคนทำ…

แต่พอดูจากตอนนี้ เกรงว่าจะไม่ใช่

แต่ความเป็นไปได้ที่มากกว่า น่าจะเป็นคุณหนูรองฉินผู้มีบุคลิกไม่ยี่หระท่านนี้ ฉินเย่วหลิ่ว!

ฉินเย่วหลิ่วไม่ชอบอ้อมค้อมเหมือนกัน

พอนั่งลงแล้วก็เปิดประเด็นทันที “พระชายาหมิง ไม่ทราบว่าพระชายาหมิงพอใจกับความจริงใจของเย่วหลิ่วในครั้งนี้หรือไม่”

หยุนหว่านหนิงแสร้งเป็นไม่เข้าใจความหมายของนาง “คุณหนูรองฉินหมายถึง?”

“พระชายาฉู่”

ฉินเย่วหลิ่วกระชับความ “เรื่องพระชายาฉู่ ข้าเป็นคนทำเอง ข้ายุแหย่จื่อซู ให้นางวางยาในขนมแล้วส่งไปที่จวนอ๋องฉู่”

เป็นนางดั่งคาด!

ยอมรับได้ฉับไว!

หยุนหว่านหนิงชอบคบค้าสมาคมกับคนที่ฉับไวเฉียบขาดที่สุด

นางกุมหน้าผาก “ข้าไม่เข้าใจ ทำไมคุณหนูรองฉินต้องทำอย่างนี้ด้วย”

นางกับหนานกงเยว่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ และไม่มีความขัดแย้งอะไรด้วย

หรือว่าเพื่อใส่ความฉินซื่อเสวียเท่านั้นจริง!

หลังจากได้พบกันสองครั้ง หยุนหว่านหนิงก็มองออกว่าฉินเย่วหลิ่วเป็นคนที่มีความกล้าและละเอียด นางน่าจะรู้ว่าถ้าหนานกงเยว่เกิดเรื่อง จะต้องตรวจสอบฉินซื่อเสวียก่อนเป็นอันดับแรกแน่

“คุณหนูรองฉิน ความจริงใจของเจ้าเพียงพอแล้วจริงๆ”

นางจับจ้องฉินเย่วหลิ่ว “แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่ใช่คนโง่เขลา”

“น่าจะรู้ว่าเรื่องในครั้งนี้อาจจะโค่นฉินซื่อเสวียไม่ได้ และยังจะเปิดเผยตัวเจ้า พลอยทำให้จวนเฉิงเซี่ยงเดือดร้อนไปด้วย”

ฉินเย่วหลิ่วใบหน้าเหมือนเดิม

หยุนหว่านหนิงจึงถามต่อ “ทำไมเจ้าต้องทำอย่างนี้”

เมื่อนั้นฉินเย่วหลิ่วจึงหัวเราะเบาๆ

ในดวงตานางมีความผยองวูบไหวอยู่รางๆ นั่นคือความยโสที่ไม่มีสิ่งใดและผู้ใดอยู่ในสายตา

“พระชายาหมิงกล่าวได้ถูกต้อง เรื่องนี้แค่ตรวจสอบดูก็รู้มาถึงข้าแล้ว แต่…”

นางมีท่าทางมุ่งมั่นต้องชนะ “ข้าไม่ได้อยากให้ฉินซื่อเสวียตาย อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้”

หยุนหว่านหนิงไม่เข้าใจ “ฟังดูแล้ว เหมือนคุณหนูรองฉินจะมีความแค้นใหญ่หลวงกับฉินซื่อเสวียนะ ไม่รู้ว่าพวกเจ้าสองพี่น้องมีความแค้นใหญ่หลวงอะไรกันหรือ”

เห็นฉินเย่วหลิ่วเลิกคิ้ว…

หยุนหว่านหนิงยิ้มน้อยๆ “อภัยที่ข้าพูดตามตรง ข้าจะไม่เป็นพันธมิตรกับคนที่ข้าไม่รู้ข้อมูลแน่ชัด”

จะไม่รู้ข้อมูลแน่ชัดก็ดี หรือจะมีเรื่องอะไรปิดบังนางก็ช่าง

คนที่เล่ห์เหลี่ยมล้ำลึกอย่างนี้ ไม่แน่ว่าวันไหนจะหันกลับมาแทงนาง…

ถ้าอยากร่วมมือกับนางก็ง่ายมาก ห้ามเรื่องปิดบังนางเด็ดขาด

“เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างข้ากับพี่สาว จะไม่ดึงพระชายาหมิงเข้าไปร่วมด้วยเด็ดขาด ข้ารับประกันได้ จะฟังคำสั่งพระชายาหมิงทุกเรื่อง แต่มีอยู่ข้อหนึ่ง…”

สีหน้านางตึงเครียด “เก็บชีวิตฉินซื่อเสวียไว้ให้ข้า”

แหม ดูท่าฉินเย่วหลิ่วกับฉินซื่อเสวียต้องมีความแค้นใหญ่หลวงยากจะสลายจริงๆ!

ในเมื่อนางไม่ยอมพูด หยุนหว่านหนิงก็จะไม่บังคับนาง

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเชื่อคุณหนูรองฉินได้หรือไม่”

“การที่พระชายาหมิงจะสงสัยและมีข้อกังวลก็สมควรอยู่ แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ข้าจะไม่หักหลังพระชายาหมิง”

ฉินเย่วหลิ่วเอ่ยอย่างจริงจัง

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว ราวกับกำลังครุ่นคิด

ครู่เดียวนางก็ยิ้มหวาน “ทำไมถึงต้องเป็นข้า”

“เพราะพระชายาหมิงเป็นคนที่น่าสนใจมาก”

น่าสนใจ?

หยุนหว่านหนิงหัวเราะ “ ที่เจ้าจะร่วมมือกับข้าต่อกรกับฉินซื่อเสวีย ไม่ใช่เพราะข้าฉลาดมากสามารถ แต่เพราะข้าน่าสนใจ?”

เหตุผลนี้แปลกใหม่ดีแฮะ!

“ถูกต้อง”

ฉินเย่วหลิ่วไม่ปฏิเสธ พูดอย่างตรงไปตรงมา “คนที่เป็นศัตรูกับพี่สาวข้ามีมากมาย”

“แต่ไม่น่าสนใจเท่าพระชายาหมิงขนาดนี้! ข้าเป็นคนน่าเบื่อ ดังนั้นจึงอยากร่วมมือกับคนที่น่าสนใจ เช่นนี้จึงจะมีรสชาติ”

หยุนหว่านหนิง “…”

นางก็เพิ่งรู้จักคนอย่างฉินเย่วหลิ่วเป็นครั้งแรกน่ะแหละ!

หากคุณหนูรองฉินท่านนี้กลับเปิดเผย ไม่นานหยุนหว่านหนิงจึงพยักหน้าตอบตกลง “เช่นนั้นก็แด่ความร่วมมือด้วยดีของพวกเรา”

นางยื่นมือออกไป

ฉินเย่วหลิ่วฉงนฉงาย “พระชายาหมิง นี่คือ?”

“จับมืออย่างไรล่ะ!”

หยุนหว่านหนิงยิ้มแล้วเก็บมือกลับมา “ช่างเถอะๆ!”

ไหนเลยจะรู้ ฉินเย่วหลิ่วยื่นมือออกมาอย่างจริงจัง จับมือของนาง แล้วยังแกว่งอีกสองสามที “เรื่องจริงจังเช่นนี้ จะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร”

นางเอ่ยอย่างมีเหตุผลและเคร่งขรึม “พระชายาหมิง แด่ความร่วมมือด้วยดีของพวกเรา”

การร่วมมือเป็นพันธมิตรของทั้งสองนับเป็นอันเรียบร้อยแล้ว

อย่างน้อยก็มีใจเป็นหนึ่งเดียวในเรื่องต่อกรกับฉินซื่อเสวีย

ดังนั้นในบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดฉินเย่วหลิ่วอีก

หยุนหว่านหนิงเอ่ยช้าๆ “ขอบอกตามตรง หมอหลวงหยางบอกข้ามาบางเรื่อง”

ฉินเย่วหลิ่วตั้งใจฟัง

“หมอหลวงหยางบอกว่าหนานกงเยว่ถูกพิษจริงๆ แต่เขาตรวจอย่างละเอียดแล้ว พิษที่หนานกงเยว่ถูก ไม่ใช่พิษจากขนมนั่น”

หรือก็หมายถึง หนานกงเยว่ไม่ได้กินขนมที่จื่อซูส่งไป!

“จะเป็นไปได้อย่างไร”

ฉินเย่วหลิ่วอึ้งเล็กน้อย “จื่อซูบอกว่านางเห็นพระชายาฉู่กินไปหนึ่งชิ้นจริงๆ!”

ในเมื่อหนานกงเยว่กินขนมไปหนึ่งชิ้น แล้วทำไมถึงไม่ถูกพิษในขนม

“ปัญหาใหม่เกิดขึ้นแล้ว”

หยุนหว่านหนิงเท้าแก้มราวกับมีความคิด “ในเมื่อหนานกงเยว่กินขนมที่จื่อซูส่งไป แล้วทำไมถึงถูกพิษอีกชนิดหนึ่งได้ นอกเสียจาก…”

“จื่อซูโกหก?”

ทีแรกยังเดาว่าคนร้ายวางยาคือใคร

ตอนนี้คนร้ายอยู่ตรงหน้านางทนโท่ ปัญหานี้จึงนับว่ากระจ่าง

แต่สถานการณ์ที่ฉินเย่วหลิ่วบอกเล่า ต่างจากสถานการณ์จริงของหนานกงเยว่

“เป็นไปไม่ได้”

ฉินเย่วหลิ่วส่ายหน้าด้วยความมั่นใจ “จื่อซูเป็นสาวใช้ที่เกิดอยู่ในตระกูลฉิน รับใช้ท่านพี่แต่เล็ก ตอนที่นางออกเรือนก็ให้นางอยู่ข้างกาย รับปากว่าต่อไปจะให้นางเป็นอี๋เหนียงของอ๋องสาม”

นี่พอให้เห็นว่าจื่อซูอยู่ฝ่ายเดียวกับฉินซื่อเสวีย

ถ้าฉินซื่อเสวียรุ่งโรจน์ จื่อซูก็จะพลอยมีหน้ามีตาไปด้วย

หากฉินซื่อเสวียตกต่ำ จื่อซูก็จะกลายเป็นสุนัขข้างถนน

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จื่อซูจะโกหก และเป็นไปไม่ได้ที่นางจะทรยศฉินซื่อเสวีย แล้วไปร่วมมือกับหนานกงเยว่เล่นงานนายของตัวเอง…

“จื่อซูถูกเสด็จพ่อส่งไปที่เซินซิงซี(รับผิดชอบกฎอัยการศึกของธงสามผืนบนซึ่งปกครองโดยจักรพรรดิพระองค์เอง)แล้ว”

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว “ตอนนี้ต้องสืบให้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คงต้องไปเซินซิงซี(รับผิดชอบกฎอัยการศึกของธงสามผืนบนซึ่งปกครองโดยจักรพรรดิพระองค์เอง)สักครั้งแล้ว”

เป็นจื่อซูที่โกหก หรือว่าหนานกงเยว่เตรียมการไว้แต่แรก จงใจเล่นเองกำกับเองกันแน่

ตอนนี้ยังเป็นข้อสงสัยอยู่

แต่หยุนหว่านหนิงยังมีอีกหนึ่งปัญหา “คุณหนูรองฉิน ในเมื่อเจ้ารู้ว่าพระชายาฉู่ระวังตัว ขนมที่จื่อซูส่งไป ถ้านางกินแล้วเกิดถูกพิษ จะต้องตรวจสอบฉินซื่อเสวียแน่”

“แล้วทำไมต้องใช้วิธีทางตรงและอันตรายอย่างนี้ด้วย”

“แผนนี้ของเจ้าทำฉินซื่อเสวียตกสู่ขุมนรกได้ แล้วทำไมต้องร่วมมือกับข้าอีก”

ที่ฉินเย่วหลิ่วต้องการ มิใช่ชีวิตของฉินซื่อเสวียหรือ

ทำไมต้องร่วมมือกับนางให้ยุ่งยากด้วย!

สีหน้าฉินเย่วหลิ่วยังคงเดิม เพียงหัวเราะเบาๆ นิดหน่อย “พระชายาหมิง ครั้งนี้ที่ข้าต้องการ ไม่ใช่ชีวิตของพี่สาวข้า…”

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท