อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 397 พระชายาช่างฮึกเหิมมีชีวิตชีวาจริง ๆ

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 397 พระชายาช่างฮึกเหิมมีชีวิตชีวาจริง ๆ

บนใบหน้าของเขาแฝงด้วยรอยยิ้ม ไม่กังวลเลยสักนิดว่านางจะหนีไปได้หรือไม่!

หยุนหว่านหนิงกลืนน้ำลาย “โม่เยว่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้าดูเหมือนอะไร?”

โม่เยว่จ้องมองนางด้วยสายตาสนอกสนใจ “หืม?”

“เหมือนหมาป่าหางโต*ตัวหนึ่งเลย!” (* หมาป่าหางโต เป็นสำนวนภาษาปักกิ่ง หมายถึงหมาป่าอวดหางเพราะกลัวคนอื่นจะมองข้ามหรือมองไม่เห็นตน)

หยุนหว่านหนิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ถ้ามีปัญญาก็มาสู้กันตัวต่อตัวให้รู้ไปเลย! ถ้าเจ้าชนะข้าจะยอมให้เจ้านอนด้วย! มาสั่งให้หรูอวี้หรูโม่ปิดประตูขังกันแบบนี้ มันเรียกว่าเป็นลูกผู้ชายซะที่ไหน?!”

โม่เยว่มองนางอย่างขบขัน “ข้าไม่มีวันลงไม้ลงมือกับเจ้าเด็ดขาด”

แน่นอนว่าเมื่อห้าปีที่แล้ว ล้วนเป็นเพราะความเข้าใจผิดทั้งสิ้น

ถ้าไม่ใช่เพราะหยุนหว่านหนิงที่เป็นเจ้าของร่างเดิมพยายามรนหาที่ตาย เขาก็คงไม่ถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือกับนาง…..

โม่เยว่ไล้มือไปตามใบหูของหยุนหว่านหนิง ก้มหน้าลงมองนาง ใช้มือซ้ายเชยคางอีกฝ่ายขึ้น “เดิมทีเจ้ากับข้าก็เป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว เรื่องร่วมเตียงเคียงหมอนก็เป็นเรื่องที่ข้าควรขอร้องเจ้า”

“เจ้าก็ไม่เคยขอร้องข้าสักหน่อย”

ระยะห่างของทั้งสองคนใกล้กันมาก ใกล้จนร่างกายแนบชิดกัน ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาพ่นลงบนใบหน้าของนาง

หยุนหว่านหนิงรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะไม่เป็นธรรมชาติ “เจ้าถอยไปเดี๋ยวนี้นะ”

“มีอะไรจะพูดก็พูดมาดีๆ ถ้าจะต่อยตีก็รีบ ๆ ต่อยตีให้รู้ผล ทำแบบนี้วางแผนดักอะไรข้าอีกล่ะ?”

นางขยับตัว ตั้งใจว่าจะผลักเขาออกไป

แต่จู่ ๆ โม่เยว่ก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “อย่าขยับ!”

“เป็นอะไรไป?”

หยุนหว่านหนิงเงยหน้าขึ้น จึงเผชิญกับใบหน้าที่กำลังแดงเรื่อของเขาเข้าพอดี

โย่ว!

เขาหน้าแดงเหรอเนี่ย? !

แต่ในวินาทีถัดมา ใบหน้าของหยุนหว่านหนิงก็มีอันต้องแข็งค้าง

นางรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของโม่เยว่ได้อย่างฉับไว…..ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ต่อให้นางไม่อยากสังเกตเห็นก็เป็นไปไม่ได้แน่ ๆ ควรจะทำยังไงดีล่ะทีนี้? !

ในหัวของนางมีเสียงระเบิด “บึ้ม!” ดังสนั่นหวั่นไหว รีบผลักเขาออกไป “เฮ้ย! ไอ้จอมหื่น!”

“อยู่ต่อหน้าภรรยาของตัวเอง อย่างข้าจะเรียกว่าจอมหื่นได้หรือ?”

ถูกภรรยาผลักออกไป โม่เยว่ก็ไม่ถือสา

รู้สึกแค่ว่าใบหน้าแดง ๆ ของหยุนหว่านหนิงตอนนี้มันดูแล้วน่ารักมาก เขายิ้มพลางพูดว่า ” หนิงเอ๋อร์ ในใจของข้ามีเจ้าอยู่จนเต็มหัวใจ ถึงได้มีความรู้สึกเช่นนี้กับเจ้า”

“ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนอื่นล่ะก็…..”

ไม่รู้ว่าตัวเองได้ยินเขาสารภาพรักมากี่ครั้งแล้ว แต่หยุนหว่านหนิงก็ยังรู้สึกไม่ค่อยชินสักที

ในคืนแรกที่นางข้ามเวลามาถึงที่นี่ อารมณ์อันรุนแรงกราดเกรี้ยวและความโหดร้ายของเขา ได้ทิ้งเงาดำในจิตใจไว้เต็มสองตาของนาง จนถึงบัดนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย

“โม่เยว่ ข้าเองก็อยากถามเจ้าเหมือนกัน”

หยุนหว่านหนิงเดินไปที่โต๊ะ “ถ้าในใจของเจ้าไม่มีข้า ก็จะไม่มีความรู้สึกกับข้าสินะ?”

“อื้ม”

โม่เยว่ตอบกลับ

“เฮอะ!”

หยุนหว่านหนิงแค่นยิ้มเย้ยหยัน “แล้วเมื่อห้าปีก่อนเจ้าทำกับข้าเช่นไร? ตอนนั้นไม่ใช่ว่าเจ้าเกลียดข้าแทบตายแล้วหรอกรึ? ทำไมถึงยังแข็งกับข้าได้ล่ะ?”

“แถมยังทำกับข้าจนเสร็จได้อีก?”

แต่ไหนแต่ไรมา นางก็เป็นคนที่พูดอะไรตรงไปตรงมาตลอด

แต่เมื่อโม่เยว่ได้ยินประโยคนี้ กลับนึกกระดากอายจนใบหน้าแดงก่ำ!

ผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าอะไรก็กล้าพูดออกมาหมดจริง ๆ!

“เกลียดเจ้าแทบตาย ก็ถือว่าเป็นความรู้สึกประเภทหนึ่งไม่ใช่รึ?”

โม่เยว่พูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้อึมครึม

หยุนหว่านหนิง: “…..นี่เจ้าพูดพล่ามเรื่องไร้สาระได้เก่งกว่าข้าซะอีกนะเนี่ย เจ้าเป็นปู่ของข้าได้เลย”

นางยกนิ้วโป้งให้เขา พลางกลอกตามองบนใส่

“ข้าเป็นสามีของเจ้าต่างหาก”

โม่เยว่ไม่มีกะจิตกะใจพูดจาเหลวไหลไร้สาระกับนาง ทั้งรู้ดีว่านางจงใจเปลี่ยนเรื่อง เขายิ้มอย่างชั่วร้ายพลางยื่นมือไปโอบนาง “หนิงเอ๋อร์ ช่วงเวลาดี ๆ ทิวทัศน์ที่งดงามเป็นใจ เราไม่ควรพลาด…..”

ยังพูดไม่ทันจบ หยุนหว่านหนิงก็ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ตรงหน้า คว้าไม้ขนไก่ที่ใช้ปัดฝุ่นจากบนโต๊ะขึ้นมา!

นางยกไม้ปัดฝุ่นขึ้นแล้วทั้งฟาดทั้งตีใส่ตามตัวโม่เยว่ไม่ยั้ง “ไอ้ผู้ชายนิสัยหมาเอ๊ย!”

“ปกติไม่เคยจะยอมมองหน้าข้าตรง ๆ เลยด้วยซ้ำ มาตอนนี้รู้แล้วเรอะว่าข้าเป็นผู้หญิง? รู้แล้วเรอะว่าเป็นสามีของข้า? คิดอะไรง่ายไปหน่อยแล้ว!”

นางตีไปพลางด่าไปพลาง

โม่เยว่ก็อยากจะสู้กลับ แต่เพราะกลัวว่าถ้าลงมือแล้วหนักเกินไปจะทำให้นางได้รับบาดเจ็บ

เขาคิดจะแย่งไม้ขนไก่ปัดฝุ่นนั่นมา แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ว่องไวราวกับตั๊กแตนขายาว เอาแต่กระโดดโลดเต้นไปมาตรงหน้าเขาไม่หยุด

เขาถูกหลอกล่อจนแทบจะตาลายไปหมดแล้ว!

เพียงไม่นาน โต๊ะกับเก้าอี้ในห้องก็ล้มระเนระนาดลงกับพื้น แจกันดอกไม้กับถ้วยชาตกแตกกระจายไปอีกหลายชุด

ห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยเสียงดังเอะอะอึกทึก เสียงสนั่นชัดเจนมากในค่ำคืนที่เงียบสงบเช่นนี้

ที่ด้านนอก เมื่อหรูอวี้กับหรูโม่ได้ยินเสียง ก็รีบหยุดมือทันที

“นายท่านอดทนมาตั้งนานไปแล้วหรอกนะ? นี่มันต้องรุนแรงขนาดไหนเนี่ย? ถึงได้สร้างความเคลื่อนไหวที่อึกทึกครึกโครมได้ขนาดนี้! หรือไม่พวกเราก็รีบเผ่นกันเถอะ มาแอบฟังเรื่องบนเตียงของคนอื่นคงไม่ค่อยดีนักหรอก”

ระหว่างที่พูด หรูอวี้ก็แนบหูเข้ากับประตูห้องแล้วเรียบร้อย

หรูโม่ลากตัวเขากลับมาทันที “อยากตายรึ?”

“แต่เสียงความเคลื่อนไหวในนั้นมันดังมากเลยนะ ฟังเหมือนนายท่านจะส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอตลอดเลย พระชายาช่างฮึกเหิมมีชีวิตชีวาจริง ๆ!”

ทั้งสองถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่นอกประตู

แต่ฟังไปฟังมา เสียงข้างในดูเหมือนจะมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องนัก

นี่มันใช่เสียงที่กำลังทำเรื่องดีงามกันซะที่ไหนล่ะ?

ฟังยังไงก็เหมือนเสียงคนทะเลาะกันชัด ๆ!

เพียงไม่นานประตูก็ถูกคนถีบจนเปิดออก ๆ มือแล้วเดินเชิดหน้าชูคอออกมาอย่างเย่อหยิ่ง

นางจ้องหรูโม่กับหรูอวี้ตาเขม็ง “ไอ้สารเลวทั้งสอง! วันพรุ่งนี้ข้าค่อยคิดบัญชีด้วยการตีขาสุนัขต่ำช้าของพวกเจ้าให้หัก!”

สีหน้าของหรูโม่เปลี่ยนไปทันที: “…..”

หรูอวี้เดินเข้ามาหาอย่างระมัดระวัง “พระชายา แล้วเงินหนึ่งแสนตำลึงของข้าน้อย กับที่ท่านบอกว่าจะแนะนำเมียให้ข้าน้อยคนหนึ่งนั่น…..”

“เจ้ารีบคว้านท้องตัวเองตายไปซะเดี๋ยวนี้เลย แล้วข้าจะเผาเงินหนึ่งแสนตำลึงไปให้เจ้าทันที!”

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว “เมีย? ข้าจะสั่งให้ร้านโลงศพทำโลงที่สวย ๆ ให้เจ้าสักหน่อยดีไหม? แล้วเผาไปให้พร้อมกันเลย!”

“ถ้าโลงเดียวไม่พอ จะเผาไปให้สักสิบโลง อยากได้ไหมล่ะ?!”

หรูอวี้ในใจพลันตื่นตระหนก

เมื่อเห็นว่าหยุนหว่านหนิงเดินออกไปด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว เขาก็รีบไล่ตามนางไป “แต่ว่าพระชายา เมื่อครู่นี้ข้าน้อยก็พยายามช่วยท่านอยู่นะ! แถมข้าน้อยยังถูกหรูโม่ทุบตีไปยกหนึ่งเลยด้วย!”

เขาไล่ตามหยุนหว่านหนิงออกไป ส่วนหรูโม่หันหน้ากลับเข้าไปมองในห้อง

เขาทำหน้าประหลาดใจ “นายท่าน นี่พวกท่านเป็นฟืนแห้งที่เจอไฟอย่างนั้นรึ?”

คู่อื่นเวลาที่กลายเป็นฟืนแห้งได้เจอไฟล้วนจบเรื่องกันบนเตียง แต่พวกเขาสองคนพอกลายเป็นฟืนแห้งที่เจอไฟ กลับทะเลาะกันอย่างหนักจนแทบจะแยกออกจากกันไม่ได้แทน? !

ภายในห้องเละเทะไม่มีชิ้นดี!

โม่เยว่นั่งอยู่บนเก้าอี้เพียงตัวเดียวที่ไม่บุบสลายด้วยอาการปวดหัว ขมวดคิ้วมองดูหรูโม่

“นายท่าน พวกข้าน้อยสร้างโอกาสนี้ให้กับท่านอย่างดีแล้ว! พวกข้าน้อยยอมเสี่ยงที่จะถูกพระชายาจับตัวไปทดสอบยาพิษ ด้วยการขังพระชายาไว้ในห้องด้วยกันกับท่าน”

หรูโม่แค้นใจที่เจ้านายไม่เป็นไปดั่งที่หวัง “นายท่าน ทำไมท่านถึงไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ล่ะขอรับ?”

“มันคือเวลาที่ควรจะแสดงด้านที่ทรงพลังและเผด็จการของท่านออกมา ทำให้พระชายาหลงใหลคลั่งไคล้ถึงจะถูกต้อง!”

โม่เยว่: “…..”

ยังจะมาหลงใหลคลั่งไคล้อะไรอีกล่ะ?

เขาโดนตีจนต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนแล้วไม่รู้เรอะ? !

เขาคว้าขาเก้าอี้ที่อยู่ข้างมือขึ้นมาแล้วขว้างออกไปอย่างแรง ” ดูจะมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นซะจริงนะ ไสหัวไปให้พ้น!”

หรูโม่ไม่ยอมไสหัวไป แต่กลับเดินยิ้มหน้าระรื่นเข้ามาแทน พูดว่า “นายท่าน ท่านกับพระชายาเหมือนกำลังเล่นแมวจับหนูกันอยู่เลย เมื่อก่อนเป็นพระชายาที่ไล่ตามท่าน แต่มาตอนนี้เป็นท่านที่ไล่ตามพระชายา…..”

“นี่เขาเรียกกันว่าอะไรนะ?”

เขาครุ่นคิดอย่างรอบคอบ แล้วจู่ ๆ ก็พูดโพล่งขึ้นว่า “โอ้! ก่อนหน้านี้องค์หญิงเก้าเคยพูดไว้ว่า ‘สิ่งนี้เรียกว่ารังแกภรรยาครั้งเดียวเพื่อให้ตัวเองสะใจ สุดท้ายต้องตามง้อจนแทบล้มประดาตายก็ไม่ได้แอ้ม’ นี่เอง!”

เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก ที่ครั้งนี้โม่เยว่กลับไม่โกรธ

เขาขมวดคิ้วแล้วมองไปที่ความเละเทะเกะกะบนพื้น เหมือนว่ากำลังใคร่ครวญตามคำพูดของหรูโม่

“นายท่าน ท่านเป็นอะไรไปรึ?”

เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูด หรูโม่จึงถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง โม่เยว่ก็พูดเสียงเบาขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ข้ากลัวว่าจะทำให้นางบาดเจ็บ”

“พระชายาร้ายกาจขนาดนั้น ใครจะไปทำร้ายนางได้ล่ะ!”

หรูโม่แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย

เจ้านายของเขาหลงรักพระชายาจนถึงขั้นถอนตัวไม่ขึ้นไปแล้ว ดังคำกล่าวที่ว่า “คนที่อยู่ในเกมจะมองไม่ทะลุ แต่คนที่อยู่นอกเกมกลับมองได้ทะลุปรุโปร่ง” ในใจของโม่เยว่ หยุนหว่านหนิงเป็นเพียงสาวน้อยที่บอบบางอ่อนแอคนหนึ่ง

เขาไม่รู้หรอกว่า ในใจของหรูโม่ พระชายาของเขาคือสาวแกร่งที่พร้อมลุยได้ทุกเมื่อ!

จู่ ๆ โม่เยว่ก็เงยหน้าขึ้นมองเขา “เจ้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ข้าต้องการสื่อ”

เมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของเขา หรูโม่ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ “นายท่าน นี่ท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่ขอรับ?”

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท