ทุก ๆ ย่างก้าวที่หลี่มู่เดินทางเข้ามาในป่า ยิ่งทำให้ตนรู้สึกขึ้นมาอย่างแรงกล้าว่าที่นี่ไม่ใช่แค่เกม
ไม้โบราณต้นสูงใหญ่ กิ่งก้านสาขาแต่ละต้นล้วนเชื่อมกันเป็นแพ ลำต้นหนาถูกปกคลุมด้วยมอสสีเขียวเข้ม เถาวัลย์โยงยางพันเกี่ยวราวกับร่างแหขนาดยักษ์ แม้แต่กอหญ้าก็สูงในระดับเดียวกับร่างคน …
อากาศที่นี่มีความบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก แถมยังแฝงมาด้วยไอดินกลิ่นป่า
บางครั้งก็ได้ยินเสียงนกร้อง บางครั้งก็ได้ยินเสียงสัตว์ป่าที่ไม่คุ้นเคย
สถานที่นี้คือป่าดึกดำบรรพ์อย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยการขับกล่อมของดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ของเอลฟ์ หลี่มู่สัมผัสได้ถึงความห่างไกลจากโลกอันแสนวุ่นวาย
เขาตัดหนึ่งกิ่ง ริดหนึ่งใบ พลางพิจารณาท่อน้ำเลี้ยงในใบไม้และพบกับของเหลวสีเขียวอ่อนที่หยดลงมาจากรอยตัด หลี่มู่ลอบอุทานด้วยความทึ่งในความสมจริงที่บริษัทเกมแห่งนี้สร้างขึ้นมา
“นี่ถ้าไม่มีเพลงพื้นหลัง และถ้าไม่ติดว่าเราล็อกอินเข้ามา คงจะเผลอคิดไปว่าตัวเองเกิดใหม่ในต่างโลกแน่ ๆ แล้ว”
หลี่มู่ปิดระบบไลฟ์สตรีมและเปลี่ยนมาเป็นโหมดอัดวีดิโอแทน เพราะผลของเทคโนโลยีเร่งกระบวนการคิดที่ทำให้เขาควบคุมไลฟ์สตรีมได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
เขาไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะ พลันเปิดหน้าต่างข้อมูลเกมเพื่อหาคำแนะนำสำหรับมือใหม่
“โซนปลอดภัยสำหรับผู้เริ่มต้นคือรัศมีสิบกิโลเมตรจากต้นไม้โลก … ในโซนนี้เราสามารถเล่นได้อย่างอิสระ และเก็บรวบรวมไอเท็มที่จำเป็นกับภารกิจ”
“สิบกิโลถัดไปจะเริ่มมีสัตว์อสูรที่แกร่งขึ้น ไม่ควรย่างกรายเข้าไปด้วยเลเวลที่ต่ำกว่า 11 หรือระดับเหล็กขั้นต้น …”
“การเพิ่มเลเวลที่ไวที่สุดก่อนเลเวล 10 คือการทำเควสรายวัน และเมื่อค่าประสบการณ์เพียงพอกับการไปสู่ระดับเหล็กขั้นต้น ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนอาชีพได้ที่วิหารแห่งธรรมชาติ …”
หลี่มู่ปิดหน้าจอพลางสำรวจแผนที่ อันปรากฏอยู่ในสายตาบริเวณขวาบน
มันเป็นพื้นที่ลักษณะคล้ายวงกลมล้อมรอบต้นไม้โลก ตอนนี้มันมีระยะแสดงผลเพียงรัศมีสิบกิโลเมตร ซึ่งอยู่ในระยะที่อีฟสามารถควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เมื่อมองออกไปจากโซนดังกล่าวจะเป็นพื้นที่สีเข้มที่รอเหล่าผู้เล่นเข้าไปสำรวจ
ไม้ใหญ่พบได้ทั่วไปในป่าลึก
หลี่มู่กำลังมองหาเป้าหมายที่เหมาะสม
เขารู้สึกทึ่งจนชาไปทั่งศีรษะเมื่อมองต้นไม้โบราณที่สูงจนไม่เห็นยอด ขนาดของลำต้นต้องใช้หลายคนโอบ กะด้วยสายตาคร่าว ๆ น่าจะกว้างเมตรกว่า
“ต้นไม้ที่นี่มันใหญ่แบบเหลือเชื่อเลยแฮะ ถ้ารู้มาก่อนหน้านี้เราคงพาพวกผู้เล่นมาด้วย”
ด้วยความที่ต้นไม้ล้วนสูงใหญ่จนพ้นระยะมองเห็น หลี่มู่จึงใช้เวลานานเป็นพิเศษในการค้นหาต้นไม้ที่เหมาะสมกับการตัดด้วยตนเอง
เขาพบต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีความสูงประมาณสิบเมตร พร้อมเปลือกไม้สีโทนน้ำตาลแกมทอง
“ต้นนี้มัน .. เฟอร์?”
หลี่มู่เลิกคิ้วเล็กน้อย
ในฐานะนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่ลงเรียนวิชาเลือกด้านป่าไม้ เขามีองค์ความรู้เกี่ยวกับพฤกษานานาพันธุ์ ทว่าสีของต้นไม้ที่ตั้งตระหง่านเบื้องหน้านี้มีความประหลาดอยู่ไม่น้อย แม้รูปร่างหน้าตามันจะคล้ายต้นสนเฟอร์ก็ตาม
“เฟอร์เป็นวัสดุก่อสร้างชั้นดี!”
หลี่มู่เริ่มลงมือด้วยความปีติ
สมัยเด็ก เขาอาศัยอยู่ในชนบทกับพ่อแม่ที่ทำงานในฟาร์ม ประสบการณ์เหล่านั้นช่วยให้เขาตัดต้นไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เขาใช้วัตถุดิบที่หาได้รอบตัวอย่างไม้กิ่งหนึ่ง เถาวัลย์ และหินแหลมมาสร้างเป็นไอเท็มขวานหิน หลี่มู่จามมันลงลำต้น
เคล้ง! เคล้ง!
แรงกระแทกสมจริงเวอร์!
หลี่มู่พลันหวนนึกถึงประสบการณ์วัยเยาว์เมื่อตนได้ตัดต้นไม้ ครั้งนี้มันต่างออกไปเพราะร่างกายปัจจุบันเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง คล่องแคล่ว และยืดหยุ่น
มันเป็นความรู้สึกอิ่มเอมอย่างประหลาด
ในที่สุดต้นเฟอร์ก็ถูกโค่นลงพร้อมกับเสียงปะทะจากขวานหิน
วินาทีนั้น หลี่มู่สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างไหลเข้าสู่ร่างกาย เกิดเป็นความอบอุ่นอย่างประหลาด สิ่งนี้คือพลังชีวิตของเฟอร์ที่ถูกดึงออกมาโดยทักษะ พลียุทธ ฉบับปรับแต่ง
อีฟสามารถปรับอัตราการแบ่งพลังที่ผู้เล่นและตนเองได้รับผ่านหน้าต่างระบบ หากตั้งค่าไว้ที่ระดับสูงสุดจะสามารถดูดซับพลังจากเป้าหมายได้ถึง 100% แต่เพื่อคงสภาพให้ร่างของเหยื่อไม่ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น ผู้เ่ล่นและอีฟจะได้รับพลังจากการล่าที่ประมาณ 20% เท่านั้น … เช่นเดียวกับที่หลี่มู่เพิ่งจะเจอไปในเมื่อครู่นี้
พลังชีวิตของต้นเฟอร์ถูกมอบให้กับหลี่มู่ประมาณห้าส่วน และอีกห้าส่วนกลายเป็นเครื่องสักการะแด่อีฟ
แน่นอนว่าอีฟไม่ได้ใส่ใจกับพลังงานเล็กน้อยจากต้นไม้เพียงต้นเดียว ทว่าระบบนี้คือการลงทุนระยะยาว
เมื่อพลังไหลหลั่งเข้าสู่ร่างกายของหลี่มู่ เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่เยี่ยมยอด หากต้องอธิบายเป็นคำพูดคงใกล้เคียงกับความรู้สึกสบาย
ในเวลาเดียวกัน เขาพบว่าค่าประสบการณ์ของตนเพิ่มมา 10 แต้ม
“เราอัพเลเวลได้ด้วยการตัดต้นไม้ล่ะ!”
หลี่มู่รู้สึกยินดี มันเป็นการลงแรงกว่าครึ่งชั่วโมงที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า เขาปาดเหงื่อและเตรียมเดินทางกลับ
“งานนี้ถ้าลุยเองก็คงช้าเกินไปแฮะ ยังไงเราคงต้องหาคนมาช่วย”
เขาใช้ทักษะควบคุมเถาวัลย์เข้ารัดลำต้นสน และเริ่มลากกลับไปช้า ๆ …
…
สถานที่ส่งมอบไอเท็มภารกิจเป็นลานกว้างบริเวณโคนมหาพฤกษา ก่อนหน้านี้มันเคยถูกปกคลุมด้วยพุ่มไม้และกอหญ้าเตี้ย ๆ
อีฟตั้งใจว่าจะสร้างแคมป์ของเหล่าผู้เล่น และจะเริ่มต้นอารยธรรมของเอลฟ์ขึ้นมาใหม่ ณ สถานที่แห่งนี้
เสียงเพลงพื้นหลังพลันเปลี่ยนไปเมื่อหลี่มู่เข้ามาสู่โซนแคมป์งาน มันกลายเป็นเพลงรื่นเริงสดใส ทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันควัน
เขาพบผู้เล่นหลายคนกำลังกำจัดวัชพืชและพุ่มไม้ คนเหล่านี้คงได้รับภารกิจประเภทบริหารพื้นที่รกร้างจากระบบ
บางกลุ่มน่าจะได้ภารกิจรอบที่สอง และกำลังเริ่มจัดทีมอย่างเป็นระบบ
“มีใครได้เควสตัดไม้อีกมั้ย? พวกเรามีสี่ ขาดอีกหนึ่ง! ขอนักเวทที่จัดการงานประเภทตรึงต้นไม้ใหญ่ ๆ ได้”
“มีใครเรียนสายสถาปัตยกรรมมาปะ? พวกเราได้เควสก่อสร้าง ตอนนี้อยากได้คนเป็นงานมาคุมทีม!”
“มีทีมตัดไม้ตี้ไหนขาดสายกายภาพปะ? เรามีสกิลโทสะกับพายุดาบ! รับประกันว่าฉับเดียวอยู่!”
…
หลี่มู่เจออลิซหลังจากเดินสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง เธอดูวุ่น ๆ กับเหล่าผู้เล่น แต่แววตาในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยประกายของความชื่นมื่น เอลฟ์สาวดูสดใส น่ารัก น่าทนุถนอมยิ่งนัก
เขาลอบคิดในใจว่า NPC เกมนี้ดูมีชีวิตชีวาที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
ทว่าสีหน้าอลิซพลันแปรเปลี่ยนไปทางเย็นชาอยู่เนือง ๆ เมื่อพบการกระทำเชิงคุกคามจากเหล่าเอลฟ์
ผู้เล่นทุกคนได้รับการปลดล็อกระบบความสนิทเมื่อทราบตัวตนที่แท้จริงของอลิซ แต่คนส่วนใหญ่พบว่าตนมีคะแนนติดลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้เล่นหนุ่ม ๆ เป็นที่เลื่องลือกันว่าผู้เล่นคนหนึ่งมีค่าความสนิทต่ำสุด ๆ ถึงขั้นติดลบ 100 หน่วย
ความตระหนกเพราะตนถูกคุกคามจากเหล่าสัตว์ป่าหน้าไม่อายเป็นประสบการณ์อันเลวร้ายสำหรับอลิซ มันเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน
ในทางกลับกัน ผู้เล่นหญิงมักจะมีท่าทีอ่อนโยนและสุภาพ … อลิซจึงมีความประทับใจในกริยามารยาทของผู้เล่นกลุ่มนี้เป็นพิเศษ
หลี่มู่สัมผัสได้ถึงความห่างเหินเล็กน้อยระหว่างอลิซและกลุ่มผู้เล่น เขาครุ่นคิดเมื่อสังเกตท่าทีของนักบวชสาวเปลี่ยนไปเมื่อสนทนากับทุกคน หลี่มู่ค่อย ๆ พิจารณาสีหน้าท่าทางของผู้เล่นที่กำลังพูดคุยกับอลิซ
ไอเดียหนึ่งผุดขึ้นมาในใจชายหนุ่ม
เขาสูดหายใจลึก และลากต้นสนเข้าไปหาอลิซ
นักบวชสาวที่เพิ่งพูดคุยกับผู้เล่นหญิงพลันหันมาหาหลี่มู่ แววตาสดใสของเธอพลันแข็งกระด้างเมื่อเห็นเอลฟ์ชาย
“งานเสร็จแล้วเหรอคะ?”
ความห่างเหินแฝงอยู่ในน้ำเสียงหวาน ๆ ของสาวน้อย
หลี่มู่พยักหน้า เขาไม่ไ่ด้แสดงทีท่าของด้อยกว่าหรือภูมิใจ ในทางกลับกันเขาเลือกสนทนาด้วยกริยาตามปกติ เหมือนเวลาตนพูดคุยกับรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัย
“คุณอลิซครับ ซุงท่อนนี้เป็นวัตถุดิบที่ผมนำกลับมา รบกวนตรวจสอบครับ”
อลิซแปลกใจเล็กน้อยและมองหลี่มู่อีกครั้ง
เอลฟ์หนุ่มคนนี้เป็นผู้ถูกเลือกหนุ่มคนแรกที่พูดคุยกับเธอด้วยท่าทางปกติ ในขณะที่คนอื่นล้วนทำตัวไร้ยางอาย ประหลาด หรือทำตัวเป็นพวกถ้ำมอง
ทว่าเธอกลับรู้สึกถึงความเหนือกว่าในน้ำเสียงและท่าทีของเอลฟ์หนุ่ม ราวกับตนเองถูกมองในฐานะสิ่งของหรือเครื่องมือ ไม่ใช่สหายร่วมเผ่าพันธุ์
เธอรังเกียจความรู้สึกนี้อย่างมาก มันทำให้เธอหวนนึกถึงพวกนักล่า
ทว่า สิ่งที่สะท้อนออกมาจากดวงตาของเอลฟ์หนุ่มกลับมีเพียงความจริงใจ ความไม่สบายใจของเธอพลันลดระดับ และกลายเป็นความประทับใจในตัวหลี่มู่
สีหน้าของเธอดีขึ้นเล็กน้อย อลิซพยักหน้าให้กับเขา
“โอเคค่ะ ขอลองตรวจสอบครู่หนึ่งนะคะ”
“นี่ครับ”
หลี่มู่กลิ้งท่อนซุงเข้ามาให้อลิซ
“ต้นสนตะวัน!”
ประกายในดวงตาของเอลฟ์สาวพลันฉายแววสุกใส
“มันเป็นไม้ที่ดีมาก! นี่ไม่ใช่แค่วัตถุดิบที่จำเป็นในการสร้างวิหาร แต่ยังใช้ในการสร้างไม้เท้าเวทมนตร์ด้วย! เราไม่คิดว่าเธอจะเจอมันนะเนี่ย”
อลิซมองหลี่มู่ด้วยความเซอร์ไพรส์
สำหรับเธอแล้ว การตัดต้นไม้ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ตรงข้ามกับวรรณกรรมหรือเกมในดาวสีฟ้าที่มักจะนำเสนอประเด็นนี้ออกมาเชิงนั้น
เอลฟ์ส่วนใหญ่ในซากัสยอมรับการใช้ประโยชน์จากต้นไม้อย่างเหมาะสม
สิ่งสำคัญคือการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ
เหล่าลูกหลานแห่งธรรมชาติล้วนประพฤติตนต่อสิ่งแวดล้อมอย่างให้เกียรติ พวกเขาไม่จำเป็นต้องหวงแหนพรรณไม้จนเกินงาม ยกเว้นเสียแต่ว่าต้นไม้ต้นนั้นจะพัฒนาจนมีสติสัมปชัญญะและดวงวิญญาณขึ้นมา
ได้ยินอลิซกล่าวดังว่า หลี่มู่ชะงักเล็กน้อยก่อนเม้มปาก
เหมือนว่าเราจะได้ของดีมาแฮะ … โชคดีจริง ๆ
อลิซหลับตาภาวนาอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวต่อเขา
“งานเสร็จเรียบร้อยค่ะ นี่คือรางวัลภารกิจค่ะ”
เสียงระบบดังขึ้น หลี่มู่ได้รับค่าประสบการณ์ถึง 300 แต้มในครั้งเดียว!
“เควสนี้กำไรงามมาก! ทีเดียวอัพเลเวลได้เลย!”
เขาดีใจจนเนื้อเต้น พลางเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมาเพื่อกดเพิ่มเลเวล
ท่ามกลางความแปลกใจของอลิซ แสงศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มร่างของหลี่มู่ และพลังลึกลับจากมิติว่างเปล่าพลันไหลเข้าสู่ร่างของเขา
สิ่งนี้คือพลังศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาเจือจางโดยอีฟครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะถูกนำมามอบในฐานะรางวัลภารกิจ
ความรู้สึกเมื่อเลเวลอัพในเกมนี้แตกต่างกับเกมอื่นเป็นอย่างมาก มันดูสมจริงและมีผลกระทบมหาศาล หลี่มู่รู้สึกถึงความอบอุ่นราวกับยืนอยู่กลางแสงแดด ราวกับประสาทสัมผัสทั้งห้าเฉียบแหลมขึ้นอีกระดับ …
ความรู้สึกนี้เป็นอะไรที่ยากจะหาสิ่งใดมาเปรียบ
เขาพัฒนาเป็นเลเวล 2 หลังหักค่าประสบการณ์ไป 100 แต้ม เมื่อหลี่มู่ตรวจสอบการ์ดตัวละครของตนก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจ
“ทุกสเตตัสเพิ่มมาแต้มนึง ส่วนเวทมนตร์เพิ่มมาสองแต้ม!”
เขาลองใช้ควบคุมเถาวัลย์ และพบว่าตนเรียกใช้ได้เร็วขึ้นถึงประมาณ 25% แถมผลลัพธ์ที่ได้ก็ทรงพลังกว่าเดิม ก่อนหน้านี้หลี่มู่สามารถควบคุมเถาวัลย์ได้เพียงหนึ่งเส้น แต่ตอนนี้มันเพิ่มมาเป็นสองเส้น!
หากประเมินความสามารถในการสู้รบ หลี่มู่คิดว่าตนเองจะชนะตัวเองในอดีตได้อย่างง่ายดาย!
“แค่อัพไปเวลเดียวยังส่งผลขนาดนี้ แล้วอีกกว่าสิบเลเวลจะส่งผลขนาดไหนนะ?” เขาตั้งหน้าตั้งตารอด้วยความตื่นเต้น
“ยินดีด้วยนะคะ”
อลิซกล่าว หลี่มู่ยิ้มรับ และพบว่าค่าความประทับใจในตอนนี้เป็นบวก เขาพบว่าสิ่งที่ตนเองคาดเดาไว้เกี่ยวกับระบบความสนิทมีส่วนถูกต้องอยู่
หลี่มู่เลือกรับภารกิจอีกครั้ง รอบนี้เขามุ่งมั่นที่จะเพิ่มความเร็วในการเพิ่มเลเวล และสิ่งที่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คงไม่พ้นการร่วมมือกันกับผู้เล่นคนอื่น
…
…
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _
T/N: กำลังคิดว่าสายกายภาพน่าจะพากันปั้มไม้สนุกสนานเลยค่ะ ช่วงที่เค้าเล่น Minecraft – Valheim บ่อย ๆ จะต้องทำโกดังไว้เก็บวัตถุดิบเฉพาะ ประมาณว่ากล่องนึงจะมีไม้ชนิดนึงใส่จนเต็ม และสุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ …
…
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _