ในบริเวณโบราณสถานแห่งนครศักดิ์สิทธิ์ ฟลอเรนซ์
ก็อบลิน สิ่งมีชีวิตผิวกายเขียวหน้าตาอัปลักษณ์ล้วนกระจัดกระจายพบได้ทั่วไป พวกมันมักจะจับกลุ่มสองถึงสามตัว บ้างก็นั่ง บ้างก็นอน บ้างก็เล่นดินกับพวกพ้อง บ้างก็อุ่นหม้อโลหะบนกองไฟ ก่อให้เกิดกลิ่นรุนแรงเหนือคำบรรยายโชยไปทั่วบริเวณ …
เอลฟ์ทั้งสี่และ “หนึ่งมนุษย์สาว” ย่องอยู่ในพงหญ้าสูงใกล้ ๆ กับที่มั่นของก็อบลิน พวกเขาคือหน่วยจู่โจมพิเศษที่รุกคืบเข้ามาช้า ๆ หลังจากปฏิบัติการติดตั้งวงเวทเคลื่อนย้ายดำเนินไปได้ด้วยดี
ลูกเมี้ยวเค็มได้แต่อุทานเบา ๆ ด้วยความประทับใจ เมื่อได้เห็นซากปรักหักพังในระยะไกลที่ยังเปี่ยมไปด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมจากอดีต
“ที่นี่คือฟลอเรนซ์สินะ … นึกไม่ออกเลยว่ามันเคยสวยขนาดไหน”
นกกาเหว่าหลับตาลงครู่หนึ่งพลางเงี่ยหูฟังบรรยากาศโดยรอบ สีหน้าของเธอค่อย ๆ ทวีความจริงจังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“มีก็อบลินจำนวนมาก นอกจากที่พวกเรามองเห็นด้วยตาเปล่าก็ยังมีพวกมันซ่อนอยู่ในโบราณสถาน บางตัวน่าจะอยู่ในระดับเหล็ก แถมยังมีตัวอันตรายอีกหนึ่ง … ในระดับที่ทำให้รู้สึกกลัวมันขึ้นมาจากใจ”
“อึก–”
เหล่าผู้ถูกเลือกพร้อมใจกันสูดหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินดังว่า
“โชคดีที่ไม่ปล่อยให้พวกผู้เล่นเข้าบุกเมืองกันตามใจ เกรงว่าจะตายเรียบแทน”
ข้าวกล่องกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลี่มู่ตบบ่าเดมาเซียอีกพลางพูดขึ้นมา
“เดมาเซีย เล่นตามแผนนะ เอาตรงนั้น ตรงก็อบลินที่เล่นดินอยู่สามหน่อ ชั้นคิดว่ามันไม่โหดเท่าไร แถมของสวมใส่ก็งั้น ๆ ที่สำคัญคือเลเวลต่ำกว่าสิบ … ป่ะ เชิญน้อนไปล่อมา!”
เดมาเซีย: “…”
หญิงสาว (?) ผู้ไม่มีทางเลือกทำได้เพียงยิ้มแหย ๆ
“… ตูไม่ไปได้ป่ะ?”
“ไม่”
สมาชิกทีมทั้งสี่พร้อมใจกันปฏิเสธเสียงเย็น
เดมาเซีย: “…”
“เอาฟะ เป็นไงเป็นกัน โอ–พายุกระหน่ำและสายน้ำเย็นเยียบ~♫”
เดมาเซียสะบัดเรือนผมที่เพิ่งได้มาจากทักษะแปลงกาย เขาร้องร้องเพลงปลุกใจ (*) พร้อมลุกขึ้นจากพงหญ้าอย่างองอาจ
…
ในบริเวณชายขอบของเขตโบราณสถาน
ก็อบลินสามตนนั่งจับกลุ่มกันปั้นก้อนดินอย่างสนุกสนาน พวกมันหัวเราะด้วยน้ำเสียงประหลาดอย่างต่อเนื่อง
ในวินาทีนั้น พลันปรากฏก้อนหินก้อนหนึ่งพุ่งเข้าปะทะหัวทึบ ๆ ของก็อบลินตัวหนึ่งอย่างแม่นยำ
ตุบ!
ของเหลวสีแดงฉานกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ร่างของก็อบลินตัวนั้นทรุดลงบนพื้นทันทีที่ถูกก้อนหินพุ่งเข้าใส่
ทว่า … มันลุกขึ้นพลางมองซ้ายมองขวา พบเพียงสายตาจากเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์
โทสะมหันต์พลันผุดขึ้นในใจของก็อบลิน มันคำรามพร้อมเหวี่ยงหมัดเข้าปะทะหัวของสหายอีกตัวในกลุ่ม ทำให้ผู้เคราะห์ร้ายจากกำปั้นตกอยู่ในความตะลึงงัน
สงครามขนาดจิ๋วระหว่างก็อบลินสองตัวจึงอุบัติขึ้น
ตุบ!
ตุบ!
หินอีกสองก้อนพุ่งแหวกอากาศเข้ามาด้วยความเร็วสูง มันปะทะเข้ากับหัวของก็อบลินที่กำลังทะเลาะวิวาทกันทั้งสองตัวอย่างแม่นยำราวจับวาง
ก็อบลินตัวสุดท้ายในกลุ่มยืนขึ้นพร้อมสายตาเบิกกว้าง มันชี้นิ้วไปพื้นที่ในระยะที่ไม่ใกล้ไม่ไกลและเริ่มกรีดร้องไม่เป็นภาษา
ก็อบลินทั้งสองตัวที่กำลังทึ้งหัวอีกฝั่งพลันหยุดทุกการกระทำ มันหันมองตามนิ้วของพวกพ้องที่กำลังชี้ไปที่บางสิ่ง …
ที่ระยะประมาณสิบเมตรจากซากปรักหักพัง ปรากฏร่างของสาวงามผู้หนึ่งกำลังเอนกายพิงต้นไม้โบราณ
หญิงสาวขยิบตาพลางกัดริมฝีปากแต่พองามเมื่อเห็นเหล่าก็อบลินกำลังจ้องมาทางเธอ มือเรียวทำท่าส่งจูบโปรยเสน่ห์ใส่สิ่งมีชีวิตตัวเขียวทั้งสาม
พวกมันจ้องตาเป็นมันเมื่อพบสาวงามปริศนาปรากฏกายออกมาจากป่าทึบ
วินาทีนั้น สมองของพวกมันพากันประมวลผลอย่างขยันขันแข็งที่สุดตั้งแต่ได้ลืมตาดูโลก
มีหัว+ยืนสองขา+เสื้อผ้าอย่างดี = มนุษย์!
มนุษย์+อก+เอว = ตัวเมีย!!
ตัวเมีย = ขยายพันธุ์!!!
…
แววตาของพวกมันพลันเปล่งประกายราวกับกลุ่มดาวกำเนิดใหม่ ก็อบลินพากันคว้าอาวุธพร้อมวิ่งเข้าใส่สาวงามคนนั้น
ทว่าหญิงงามมิได้ยืนรอพวกมัน เมื่อเห็นฝูงก็อบลินเริ่มไล่ตาม เธอก็รีบหันหลังแล้วพุ่งตัวหนีราวกับนางแมวป่า
ก็อบลินทั้งสามไม่ทันเอะใจในความผิดปกติ พวกมันยังคงเร่งฝีเท้าเข้าไล่ล่าราวกับปลาที่โผงับเหยื่อ
ผ่านไปกว่าสามนาที สมองน้อย ๆ ของพวกมันพลันตระหนักบางสิ่ง
สาวงามคนนี้กลับมีความคล่องแคล่วเหมือนกับบุตรีแห่งพงไพร … เอลฟ์
ทว่าวินาทีนั้น พวกมันได้เข้าสู่พื้นที่โล่งแจ้งอันรายล้อมด้วยพุ่มไม้หนาทึบ หญิงสาวปริศนาหยุดวิ่งอย่างกะทันหันก่อนจะเหลียวหลังมายิ้มแสยะและพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มที่ฟังดูขี้เล่น
“โดนหลอกแล้วเจ้าพวกงั่ง!”
สิ้นเสียงดังกล่าว ร่างของเธอพลันสว่างขึ้นวูบหนึ่ง กลายเป็นเอลฟ์หนุ่มกำยำพร้อมทรงผมสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ … ในชุดเดรส – เดมาเซีย
ก็อบลินชะตาขาดทั้งสามได้แต่ยืนตะลึงเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วเกินกว่าสมองน้อย ๆ ของพวกมันจะรับไหว
ในวินาทีนั้นพลันปรากฏเถาวัลย์จำนวนมากพุ่งเข้ารัดพวกมันจากทั่วสารทิศ พวกมันถูกทักษะควบคุมเถาวัลย์ของหลี่มู่พันธนาการไว้อย่างแน่นหนา
นกกาเหว่าและข้าวกล่องพุ่งตัวเข้ามาล้อมเหล่าก็อบลินร่วมกับเดมาเซียที่ยืนคุมเชิงอยู่อีกทิศหนึ่ง
“เชือดมัน!”
เดมาเซียคว้าเอามีดไม้ที่ซ่อนไว้ออกมาก่อนจะกระโจนเข้าใส่ด้วยความลิงโลด
ก็อบลินทั้งสามตื่นตะลึงเพียงครู่หนึ่ง พวกมันคำรามด้วยความโกรธพร้อมฟาดอาวุธลงบนเถาวัลย์ที่รัดพวกมันไว้
เคล้ง!
น่าประหลาดที่ดาบโค้งของพวกมันกลับตัดเถาวัลย์ของหลี่มู่ได้อย่างง่ายดาย ผู้เล่นสายกายภาพทั้งสามเข้ารับช่วงปะทะกับก็อบลินอย่างรวดเร็ว
ทว่าการตะลุมบอนครั้งนี้กลับไม่ราบรื่นอย่างที่คิด
“เฮ่ย! พี่กาเหว่าจะเตะตูเรอะ!”
“โทษ ๆ เธอบังอ่ะ”
“ก็อบลินพวกนี้มันแกร่งเอาเรื่อง”
“เอื้อ … ตูโดนแทง”
“ฟื้นฟูระดับต่ำ!”
“เมจ! เมจ! น้องเมี้ยวอยู่ไหน?!”
“มาค่ะ–!”
บึ้มมมมมมม!
“แม่เจ้าโว้ย! ไฟร์บอลหนูจะเผาตูอยู่แล้ว เล็งดี ๆ เด้?!”
“อย่าทุ่มกำลังกันจนหมด! ออมเลือดออมมานากันไว้หน่อย เพลย์เซฟครับ! หาช่องว่างเพื่อโจมตี! จำนวนพวกเรามากกว่า มันเล่นเกมยื้อกับเราไม่ได้!”
แผนใด ๆ ล้วนพังเละเมื่อพวกเขาได้สู้กับสามก็อบลินที่บุกโจมตีอย่างไม่คิดชีวิต ผู้เล่นทั้งห้าขาดการประสานงานที่เหมาะสม และยิ่งผ่านไปนานเท่าไร พวกเขาก็ดูราวกับกำลังเพลี่ยงพล้ำมากขึ้นเท่านั้น
ผู้เล่นประชิดทั้งสามดูท่าจะย่ำแย่เป็นพิเศษ หากไม่ได้ข้าวกล่องช่วยไว้หลายต่อหลายครั้ง เกรงว่าทั้งเดมาเซียและนกกาเหว่าคงพลาดจนได้รับบาดเจ็บสาหัสนับครั้งไม่ถ้วน
แม้สถานการณ์จะย่ำแย่เพียงใด เหล่าเอลฟ์ทั้งห้าต่างก็ดิ้นรนเท่าที่ร่างกายของตนจะอำนวย
เบอร์เซิร์กเกอร์ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าใกล้ ๆ ทำได้เพียงถอนหายใจเมื่อเห็นสภาพเหล่านั้น
“ช่างน่าขันที่เหล่าผู้ถูกเลือกเลเวล 10 ตั้ง 5 คน กำลังจะพ่ายแพ้ให้กับก็อบลินเลเวล 8 แค่ 3 ตัว”
ความผิดหวังอย่างยิ่งยวดแฝงมาในน้ำเสียงของมัน
ในดินแดนแห่งนี้ คำว่าก็อบลินสื่อถึงความอ่อนแอและความเขลา เช่นเดียวกับที่มนุษย์บนดาวสีฟ้ามองแมลงสาบและหมูด้วยอคติ
บนทวีปซากัส คำว่าก็อบลินไม่ได้จำกัดอยู่แค่คำนามที่ใช้เรียกเผ่าพันธุ์หนึ่ง ทว่ามันคือคำผรุสวาทที่พบได้ทั่วไป
ไอ้ก็อบลิน! เป็นการดูหมิ่นในรูปแบบที่รุนแรงที่สุดหากถูกใช้เพื่อยั่วยุบรรดาสิ่งมีชีวิตอันทรงปัญญาทั้งหลาย
สาเหตุที่อลิซและเบอร์เซิร์กเกอร์ถึงกับรังเกียจเดียดฉันท์เดมาเซีย ก็เพราะการเสนอแผนใช้ผู้เล่นสาวมาล่อลวงก็อบลินนั่นเอง
มันเทียบเท่ากับการใช้มนุษย์มาเป็นเหยื่อล่อหมูป่า ที่มาพร้อมกับความเสี่ยงอย่างร้ายแรง …
“พระมารดา พวกเขาดูจะถนัดก่อสร้างมากกว่าก่อเรื่อง เหตุใดท่านจึงคาดหวังในตัวพวกเขายิ่งนัก?”
เบอร์เซิร์กเกอร์ตระหนักดีว่าอีฟกำลังเฝ้ามองการต่อสู้นี้อยู่ มันจึงไม่คิดจะซ่อนความสงสัยของตน
อีฟยักไหล่ในขณะที่กำลังดูไลฟ์สตรีม พลางส่งวิวรณ์เข้าสู่ห้วงจิตของเบอร์เซิร์กเกอร์
“อย่าได้ห่วงไป จงเฝ้าดูพวกเขาเถิด”
ได้ยินดังว่า เบอร์เซิร์กเกอร์พลันรู้สึกหมดสิ้นหนทางและทำได้เพียงสอดส่องเหล่าผู้ถูกเลือกพร้อมกับความขุ่นหมองในใจ
เอาเถอะ ให้พวกเขาพลาดท่าแก่ก็อบลิน จะได้เป็นบทเรียนของการทำตัวขี้เกียจ
ทว่ายิ่งเวลาผ่านไปนานขึ้นเท่าไร สถานการณ์กลับค่อย ๆ พลิกผันอย่างน่าประหลาดใจ
…
…
เชิงอรรถท้ายตอน 28
风萧萧兮易水寒。พายุกระหน่ำและสายน้ำเย็นเยียบ เป็นข้อความที่ตัดทอนมาจากจากเพลงของมือลอบสังหารนามว่า จิงเคอ (荊軻 / Jing Ke) ที่มีชื่อเสียงจากความพยายามลอบสังหารฉินซีฮ่องเต้
มีท่อนเต็ม ๆ ว่า 风萧萧兮易水寒,壮士一去兮不复还。พายุกระหน่ำและสายน้ำเย็นเยียบ ชายผู้หาญกล้าจากไปแล้วจะไม่กลับมา ซึ่งคาดว่าเป็นการเปรียบเปรยความโศกเศร้าของจิงเคอเมื่อตนต้องลอบสังหารฉินซี ที่เหมือนกระแสลมแรงและน้ำเย็นเยียบอันไหลเชี่ยวกับเรื่องที่ตนเองตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่กลับมาจนกว่าภารกิจจะสำเร็จ
…
…
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _
T/N: เดมาเซียเดอะแทรป!
วันนี้มีตอนเบิ้ลค่าาา …. จริง ๆ เพราะตอนช่วงนี้สั้น
…
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _