Game of the World Tree – ตอนที่ 67 สู้ไม่ได้ก็แค่ถอย!

Game of the World Tree

ทางตะวันออกเฉียงใต้จากใจกลางป่าเอลฟ์

เอลฟ์ในเครื่องแต่งกายประหลาดกลุ่มหนึ่งพากันเดินเรียงแถวสำรวจผืนป่า

เครื่องสวมใส่ของพวกเขาส่วนใหญ่เป็นเพียงชุดผ้าหรือเกราะที่ทำจากไม้อย่างเรียบง่าย …แสดงถึงฐานะอันยากจนข้นแค้น มีเพียงเอลฟ์สามตนที่เดินนำหัวขบวนเท่านั้นที่สวมชุดเกราะที่ดูมีอันจะกิน

และเมื่อมองมาที่ผู้นำทัพของเอลฟ์กลุ่มนี้—

เส้นผมสีแดงโดดเด่น ดาบโค้งงามประณีต เกราะหนักอันหรูหรา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์อันเป็นเอกลักษณ์…

เขาคือ เดมาเซีย แท็งเกอร์อันดับหนึ่งของเซิฟเวอร์!!

เดมาเซียก้าวไปข้างหน้าก่อนจะกล่าวกับบรรดาสมาชิกทีม ทุกคนต่างเผยแววตาอันเปล่งประกายจากความตื่นเต้น

“เฮ่เฮ่– น้องใหม่ทั้งหลาย! พวกเรากำลังจะออกจากเขตปลอดภัยกันแล้ว อีกประเดี๋ยวพวกนายก็จะได้เจอกับสัตว์อสูรในตำนาน!”

“ระบบการต่อสู้ของเกมนี้สมจริงเวอร์วังแถมใช้เวลาพักใหญ่ถึงจะชิน เพราะงั้นถ้าไม่อยากรีบกลับบ้านเก่าก็ร่วมมือกันเข้าไว้ อย่าวิ่งไปใส่เดี่ยวนะน้องเอ๋ย!”

“เอ้อ ถึงจะเกิดใหม่ได้ แต่ถ้าไม่มีบัฟคืนชีพสมบูรณ์นี่เหลือแค่เวล 1 เลยนะน้อน”

“แต่ไม่ต้องห่วงไป! เดี๋ยวพวกพี่ทั้งสามจะปกป้องน้อง ๆ เอง!”

ปัจจุบัน เดมาเซียมีเลเวล 14 จากการล่าสัตว์อสูรและทำเควสประจำวันนับครั้งไม่ถ้วน

ในฐานะแท็งเกอร์ที่มีเลเวลสูงที่สุดในกิลด์ หัวใจแห่งธรรมชาติ เขาได้เลือกทำภารกิจชี้นำผู้เล่นใหม่ และพาสมาชิกกิลด์จำนวนหนึ่งที่อัพเลเวลไวกว่าคนอื่นออกมาหาความสนุกจากการต่อสู้ในพื้นที่รกร้าง

เดิมที เดมาเซียตั้งใจจะรอให้ทุกคนมีบัฟคืนชีพสมบูรณ์ก่อนที่จะเริ่มการล่าสัตว์อสูร แต่นับเป็นโชคไม่ดีที่ภารกิจในทุก ๆ วันนี้ไม่ได้มีรางวัลเป็นบัฟคืนชีพสมบูรณ์แล้ว

หลี่มู่ผู้ซึ่งกำลังหัวหมุนกับการศึกษาศาสตร์แห่งวงเวท ไม่สามารถต้านทานความอยากรู้อยากเห็นของเหล่าสมาชิกกิลด์หน้าใหม่ทั้งหลายได้ จึงได้มอบหมายหน้าที่ให้เดมาเซียพาพวกเขาออกมาบริเวณพื้นที่รกร้างที่ค่อนข้างปลอดภัย

ผู้เล่นกลุ่มนี้พากันถามคำถามมากมายเมื่อได้ยินคำกล่างของเดมาเซีย

“แต่… ลูกพี่เดมาเซีย ตลอดทางที่ผ่านมาเนี่ย พวกเรายังไม่เห็นสัตว์ซักตัวเลยนะ…”

“นั่นสิ… ไม่ใช่ว่าโซนรกร้างจะเป็นพื้นที่อันตรายเหรอ?”

“เดินมาเป็นสิบกิโลแล้วพี่… นี่ก็เริ่มมืดแล้วนะ…”

เมื่อได้ยินบรรดาสมาชิก เดมาเซียได้แต่เกาศีรษะพลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเขินอาย

“อย่าห่วงไป… ที่มันไม่มีมอนอยู่ในเขตปลอดภัยก็เพราะ… เอ่อ… เพราะพวกพี่กินพวกมันซะเรียบเลย แต่มันมีมอนในพื้นที่รกร้างแน่ ๆ แหละ!”

เหล่าเอลฟ์หัวขบวนต่างพยักหน้าสมทบ พวกเขากินสัตว์อสูรจนเรียบจริง ๆ

ทุกวันนี้ พื้นที่ปลอดภัยบริเวณรอบมหาพฤกษาแทบจะไม่มีสัตว์อสูรหลงเหลืออยู่อีกต่อไป

ในฐานะผู้ถูกเลือก บรรดาผู้เล่นต่างใช้ร่างกายของตนอย่างเต็มประสิทธิภาพ เกือบทุกสรรพสิ่งที่ดูกินได้ในผืนป่าล้วนตกสู่ท้องของพวกเขาในฐานะอาหาร…

สิ่งมีชีวิตที่ว่องไวพอจะหนีจากหายนะเดินได้เหล่านี้ ต่างหนีตายย้ายถิ่นไปสู่บริเวณอื่น ป่าในบริเวณนี้จึงแทบไม่มีสัตว์ป่าตามธรรมชาติหลงเหลือ

ทำให้ผู้เล่นบางคนถึงขั้นวางแผนทำปศุสัตว์เพื่อปากท้องของตน…

และเมื่อไม่เหลือสัตว์อสูรให้ใช้พัฒนาเลเวล เดมาเซียจึงต้องพาเหล่าผู้เล่นหน้าใหม่ออกมาจากเขตปลอดภัยไปสู่ป่าลึก

นับเป็นโชคดีที่ในการสำรวจช่วงแรก ผู้เล่นพบว่าทางตะวันออกเฉียงใต้ของป่าเอลฟ์ค่อนข้างจะแห้งแล้งกว่าป่าส่วนอื่น และสัตว์อสูรในบริเวณนี้ก็ค่อนข้างจะอ่อนแอ

เดมาเซียจึงมีความมั่นใจอยู่หลายส่วน ว่าตนจะสามารถรับประกันความปลอดภัยให้เหล่าผู้เล่นใหม่ได้

“เดินหน้าต่อไปสหาย พวกเราจะเจอสัตว์อสูรแน่นอน~”

เขากล่าวกับผู้เล่นคนอื่น ๆ พร้อมขยิบตายิ้มกริ่ม

“ตื่นตัวเข้าไว้! ถ้าโชคดีเจอตัวอ่อน ๆ ก็ดีไป แต่ถ้าดวงซวยก็อาจจะเจอตัวเบิ้ม ๆ หรือแม้กระทั่งเจ้าพวกระดับเหล็กขั้นสูง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ยังไงโซนนี้ก็แล้งขนาด คงไม่เจอตัวโหด ๆ ร็อก–”

“และถ้าเจอตัวอะไรที่ดูแล้วเอาไม่ลงแน่ ๆ …ถ้าไม่อยากไปเริ่มใหม่จากเลเวล 1 ก็เผ่นให้ไวนะน้อง!”

เหล่าผู้เล่นใหม่ที่ได้ยินถ้อยคำดังกล่าว ล้วนพยักหน้าให้กับเดมาเซีย

พวกเขาพากันรุกคืบสู่พื้นที่รกร้าง ทว่าในวินาทีนั้น ผู้เล่นอาชีพนักล่าที่อยู่หน้าแถวพลันหยุดชะงักด้วยบางสาเหตุ

“มีเสียงบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหว!”

เขาส่งสัญญาณให้ทุกคนอยู่ในความนิ่งเงียบด้วยสีหน้าขึงขัง

สมาชิกทีมสำรวจของเดมาเซียต่างพากันเงียบกริบด้วยความตื่นเต้น

ผู้เล่นอาชีพนักล่าย่อตัวลงพลางเคลื่อนที่ไปเบื้องหน้าด้วยความระมัดระวัง เขาสอดส่องบริเวณพุ่มไม้โดยรอบ พร้อมเงี่ยหูฟังเสียงจากรอบตัวตลอดเวลา

ทุกคนเผลอกลั้นหายใจด้วยความลุ้นระทึก

หนุ่มนักล่าแยกตัวออกมาจากกลุ่ม ย่องเข้าไปใกล้พุ่มไม้เบื้องหน้า และแหวกกิ่งใบให้พ้นสายตาอย่างเบามือ

ทันใดนั้น สีหน้าของเขาพลันเผยความประหลาดใจ และกลายมาเป็นความตื่นเต้น!

เขาหันกลับมาทำปากบุ้ยใบ้แก่เพื่อนร่วมทีม

ก็อบ–! ลิน–!

เดมาเซียและคนอื่น ๆ ต่างพยายามแปลความหมาย ด้วยการเลียนแบบวิธีขยับริมฝีปากของสหายนักล่า

ก็อบ… ลิน…

เดี๋ยว….

ก็อบลิน?!

ดวงตาของเดมาเซียพลันฉายแววตื่นเต้นขึ้นมาทันที

เขาไม่ได้พบเห็นเจ้าตัวน่าชังพวกนี้มาตั้งแต่สิ้นสุดการกวาดล้างเหล่าก็อบลินในซากปรักหักพังของเมืองฟลอเรนซ์

และถ้าเดมาเซียจำไม่ผิด เจ้าพวกน่ารักตัวเขียวผู้เป็นค่าประสบการณ์และแต้มผลงานเดินได้เหล่านี้ มักจะอยู่อาศัยในถ้ำและโบราณสถาน

ในป่าเอลฟ์มันไม่มีถ้ำนี่หว่า…

หรือว่าจะมีโบราณสถานอยู่แถวนี้อีก…?!

ในวินาทีนั้น ลมหายใจของเดมาเซียพลันขาดช่วงด้วยความตื่นเต้น

โบราณสถาน!

มันต้องมีโบราณสถานอยู่แถวนี้ชัวร์!!

ในความเป็นจริง สถานที่แห่งนี้เคยถูกเหล่าผู้เล่นสำรวจมาก่อน แต่ไม่มีใครสำรวจไปไกลกว่านี้เนื่องจากความแห้งแล้งของมัน กล่าวได้ว่าบริเวณนี้อาจจะมีโบราณสถานของเอลฟ์ซ่อนอยู่จริง ๆ!

อย่าบอกนะว่า… ตูข้า เดมาเซีย จะได้เป็นผู้ค้นพบเควสใหม่อีกครั้ง?!

เดมาเซียลอบคิดด้วยความระทึก เขากวักมือเรียกเพื่อนร่วมทีมอย่างรีบร้อนและกระซิบอย่างแผ่วเบา

“เจอของดีว่ะพวก! อย่าทำเสียงดังนะเว้ย ไปเร็วสหาย! เชิญย่องเข้าไปให้ว่อง!”

บรรดาผู้เล่นต่างตื่นเต้นไปกับคำพูดของเดมาเซีย

เอลฟ์หนุ่มค่อย ๆ ย่องเข้าหานักล่าประจำกลุ่ม ก่อนจะมองไปที่บริเวณเบื้องหน้า

พื้นที่โล่งบริเวณใกล้เคียง มีก็อบลินหลายตัวจับกลุ่มกันอยู่ …การกระทำของพวกมันดูไม่เป็นที่แน่ชัดในสายตาของเดมาเซีย

ดวงตาของเอลฟ์หนุ่มหัวแดงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

เขากระซิบกับเพื่อนในทีมที่ย่องตามมา

“เดี๋ยวนับถึงสามนะ ตูจะพุ่งเข้าไปคนแรก แล้วพวกเอ็งตามประกบสองฝั่ง อย่าให้มันหนีไปได้”

เมื่อกล่าวจบประโยค เดมาเซียนิ่งลงครู่หนึ่ง เขาไตร่ตรองอยู่สักพักและตัดสินใจเปลี่ยนแผน

“เอางี้ดีกว่า… พวกนายล้อมมันช้า ๆ แล้วปล่อยให้มันหนีไปซักตัว ชั้นจะตามไอ้ตัวที่วิ่งหนีไปเพื่อค้นหารังของมัน!”

เดมาเซียเริ่มนับทันทีที่กล่าวจบ

“…หนึ่ง”

“…สอง”

“…สาม!!”

เอลฟ์หนุ่มกระโจนออกจากพงหญ้าพร้อมชูดาบโค้งในมือ!

“ไอ้ต้าวนั่ลล้าก—! พี่คิดถึงแทบตาย—!”

เอลฟ์หัวแดงตะโกนอย่างตื่นเต้นพลางพุ่งเข้าใส่กลุ่มก็อบลิน!

พวกมันต่างตะลึงงันจากการลอบโจมตี ก็อบลินพากันกรีดร้องเสียงประหลาด ก่อนจะคว้าเอาอาวุธขึ้นมารับมือ

แต่ความแข็งแกร่งของเดมาเซียไม่เหมือนกับตัวเขาในสมัยก่อนอีกต่อไป เขาคร่าชีพก็อบลินไปคู่หนึ่งด้วยการตวัดดาบเพียงครั้งเดียว ก็อบลินที่เหลือต่างพากันหันกลับและเผ่นหนีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

แต่ในเวลานี้ เหล่าเพื่อนร่วมทีมของเดมาเซียได้ตีวงล้อมพวกมันไว้แล้ว

เดมาเซียตะโกนลั่น

“ล้อมมัน—!”

สิ้นเสียงดังกล่าว เดมาเซียถีบตัวพุ่งตามก็อบลินตัวหนึ่งที่นำหน้าเพื่อน ๆ ของมันอยู่

น่าแปลกที่พวกมันไม่ได้วิ่งหนีสะเปะสะปะ แต่กลับวิ่งไปในทิศทางเดียวกันราวกับนัดกันไว้ก่อน

สิ่งนี้ทำให้เดมาเซียเลือดลมสูบฉีด

โบราณสถาน–!

มันกำลังกลับรังชัวร์ป้าบ–!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เดมาเซียจึงไล่กวดสุดแรงด้วยความลิงโลด

ยิ่งเขาวิ่งตามเท่าไร ป่ารอบข้างยิ่งหนาทึบขึ้นเท่านั้น

เหล่าก็อบลินมีแรงกายที่น้อยกว่าเอลฟ์ เดมาเซียจึงสามารถเข้าถึงตัวพวกมันในเวลาอันสั้นและสังหารพวกมันไปทีละตัว ทิ้งซากไว้ให้เพื่อนร่วมทีมตามมาเก็บกวาด

และในที่สุดเขาก็ตามก็อบลินตัวสุดท้ายทัน…

แต่เมื่อเดมาเซียตั้งใจจะชะลอความเร็วเพื่อติดตามอีกฝ่ายไปยังโบราณสถาน เอลฟ์หนุ่มกลับสัมผัสได้ถึงความอันตรายอย่างแรงกล้า!

ร่างของเดมาเซียสั่นเทาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขายกดาบโค้งขึ้นมาเพื่อปัดป้องบางสิ่งโดยอัตโนมัติ

เงาดำวูบหนึ่งพลันปรากฏขึ้นพร้อมกับคลื่นพลังรุนแรงพุ่งปะทะใบดาบ ส่งผลให้ดาบโค้งระดับอีปิคหักสะบั้นลงทันที!

ไม่เพียงแค่นั้น พลังทำลายล้างมหาศาลจากการปะทะเมื่อครู่ยังคงไม่หายไป! มันพุ่งเข้ากระแทกร่างของเดมาเซียอย่างไร้ความปรานี!

แม้แต่เกราะหนักระดับอีปิคก็ถูกบดขยี้จนแตกสลายไม่ต่างอะไรกับกระดาษ

เดมาเซียรู้สึกจุกในทรวงอก สติสัมปชัญญะแทบดับวูบ ร่างกระเด็นไปด้านหลังจากการกระแทกอันหนักหน่วง

เขาปลิวเข้าชนต้นไม้ขนาดยักษ์อย่างแรง เลือดคำโตกระอักออกมาจากปาก …สูญเสีย HP ไปกว่าครึ่งในชั่วพริบตา!

หากไม่ใช่เพราะระดับความเจ็บปวดที่ลดทอนไปถึง 95% …เอลฟ์หนุ่มอาจจะถึงฆาตด้วยความเจ็บปวดที่ได้รับเมื่อครู่นี้

เดมาเซียเงยศีรษะขึ้นด้วยความพรั่นพรึง สายตาของเขาหยุดลงบนร่างสูงสง่าที่เต็มไปด้วยความดุร้าย

มันคือออร์คร่างยักษ์ หินดำ ที่กำลังชักหมัดของตนกลับอย่างช้า ๆ!

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

T/N: เปิดตัวหินดำแบบเปรี้ยงปร้าง

อันนี้ระดับเหล็กเหมือนกันนะคะ แต่เป็นเดมาขั้นต้น vs หินดำตัวท็อปของขั้นสูง

Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

Game of the World Tree

Game of the World Tree

Status: Ongoing
สงครามแห่งเทพเมื่อ 1,000 ปีก่อนก่อให้เกิดการจุดสิ้นสุดของยุคแห่งองค์มหาพฤกษาโลกาอันเป็นต้นกำเนิดและศูนย์รวมของเหล่าเอลฟ์ นำไปสู่การล่มสลายของอารยธรรมเอลฟ์ภายหลังจากเหตุการณ์นั้น … ผ่านไปกว่าสหัสวรรษ ต้นไม้โลกต้นใหม่ถือกำเนิดขึ้น อีฟ อึกก์ดราซิลล์ ผู้เป็นดั่งมารดาแห่งสรรพสิ่ง มาพร้อมกับความสามารถในการเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตบนดาวเคราะห์สีคราม อีฟได้เริ่มแผนการดึงตัวเหล่าผู้เล่นจากดาวแห่งนั้นมาช่วยในการฟื้นฟูอารยธรรม เพื่อพาตนและผองเผ่าเหล่าสาวกกลับไปสู่ความเกรียงไกรเฉกเช่นในอดีต

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท