ตอนที่ 42 ไอคิวของฉันเป็นลบ
มองท่าทางของมู่เทียนซิงที่เสียใจสุดๆ จั๋วซีตกใจจนใจสั่น
อยู่กับหลิงเล่มานานหลายปี จากที่ดูท่าทางของหลิงเล่แล้วทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามู่เทียนซิงก็เป็นส่วนหนึ่งในใจของหลิงเล่?
เหลือบมองสีหน้าของหลิงเล่อย่างระวัง แต่ก็เห็นสีหน้าหม่นๆ ของหลิงเล่ ริมฝีปากแข็งตรง สายตาแข็งแกร่งมองด้านหลังของมู่เทียนซิง แทบอยากจะทะลุเข้าไปให้ได้!
จั๋วซีรีบหาสาเหตุของเรื่องพูดเอาใจมู่เทียนซิงด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ :“คุณหนูมู่ ท่านมีเรื่องอะไรบอกเราได้ครับ เราจะอธิบายให้ แต่ว่าอย่าร้องเลยนะครับ ท่านร้องไห้โลกของเราก็อึมครึมนะครับ”
นี่คือเรื่องจริง หลิงเล่ก็ไม่แฮปปี้แล้ว ใครก็อย่ารอดเลย!
ในตอนนี้หลิงเล่เองก็เหมือนจะถามหาต้นเหตุที่หล่อนเสียใจ:“เมื่อกี้คุณถามหาเสื้อผ้าผม จะทำอะไร?”
มู่เทียนซิงสูดหายใจเข้า ไม่พูด ไม่หันไป
จู่ๆ หล่อนก็คิดว่าตัวเองเหมือนคนโง่ รู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นยังอยากนั่งเครื่องบินมาดูอีก
ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว มองเห็นพวกเขาที่แสดงละครต่อหน้าหล่อน มองเขาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมาด้วยตัวเอง ไม่เหลือร่องรอยอะไรแล้ว
หล่อนทำแบบนี้ทำไม?
แค่โทรไปหรือส่งข้อความไปว่า:ลุง ลุงไม่คู่ควรกับฉัน ฉันไม่แต่งงานแล้ว
ทำไมถูกชีวิตในวัยเด็กที่น่าสงสารของเขาปิดบังตาด้วย?
ทำไมมักจะเอาสุนัขจิ้งจอกมากลายเป็นแกะ?
โง่จัง โง่จริงๆ !
ขาของมู่เทียนซิงแน่นิ่ง แต่ยังคงพยายามยกอีกข้างขึ้น เตรียมพร้อมที่จะไปทางออก
อยู่ต่อ คนที่ละอายคือหล่อนไม่ใช่พวกเขา
ไม่ถามอะไรแล้ว ไม่พูดอะไรทั้งนั้นและก็ไม่ระบายออกมาด้วย
ไม่มีอารมณ์
ต่างร่วมมือกันหลอกหล่อน หล่อนไม่ได้มาเป็นคนน่าสงสารนะทำไมต้องร่วมมือด้วย?
ฉวีซือเหวินมองท่าทางของมู่เทียนซิงและก็ตกใจอย่างมาก หล่อนเพิ่งเข้ามาในห้องมองมู่เทียนซิงอย่างรู้สึกผิด พูดว่า:“คุณหนูมู่ท่านฟังฉันนะ เรื่องไม่ได้เป็นแบบที่ท่านคิดนะ!ท่านฟังฉันอธิบาย โอเคไหม?”
พอพูดออกไป ฉวีซือเหวินก็รู้สึกถึงสายตาของหลายคู่ที่มองมา!
จั๋วหรันอยากปกป้องภรรยาตัวเอง แต่ก็รู้ว่าเรื่องนี้มู่เทียนซิงกับหลิงเล่คงไม่ให้อภัย
ส่วนจั๋วซีเห็นหลิงเล่มองพี่สะใภ้ของตัวเองด้วยความน่ากลัว ก็ตกใจกลัวรีบพูดขึ้นก่อนที่หลิงเล่จะพูดออกมา:“พี่สะใภ้ พี่ได้หยอกอะไรเล่นหรือเปล่า?”
พูดจบ เขาก็ยิ้มแล้วเดินไปด้านหน้าของมู่เทียนซิง ห้ามหล่อนแล้วก็พูดเอาใจ:“คุณหนูมู่ ท่านไม่รู้เหรอว่าพี่สะใภ้ผมซนมากปกติอยู่ที่คฤหาสน์จื่อเวยก็มักจะแกล้งหยอกคน จริงๆ นะ ท่านได้ยินหล่อนพูดอะไรหรือเปล่า?หล่อนอาจจะหยอกเล่นก็ได้นะ ท่านลองพูดให้เราฟัง เดี๋ยวเราช่วยวิเคราะห์ให้?”
มู่เทียนซิงเปิดปาก แล้วก็สูดลมหายใจเข้าแล้วปิดอีกครั้ง
ชัดว่าหล่อนไม่ได้อยากพูดกับจั๋วซี
หล่อนค่อยๆ เงยตาขึ้นมองฉวีซือเหวินแล้วพูด:“พี่อาซือ พี่อยากบอกใช่ไหมว่าโทรศัพท์ก่อนหน้านี้พี่จงใจโทรหาเพื่อนสาว?”
ฉวีซือเหวิน:“.”
มู่เทียนซิงพูดต่อว่า:“แล้วก็ตอนที่พี่โทรหาจั๋วหรัน พี่อยากบอกใช่ไหมว่าพี่ไม่ได้โทรต่างหาก แต่พี่พูดเองเออเอง?”
ฉวีซือเหวิน:“.”
มู่เทียนซิงยิ้ม ร้องไห้ไปขำไป ช่างดูน่าสงสาร:“พี่อยากบอกใช่ไหมว่าทั้งหมดนี้ที่พี่ทำคือหยอกเล่นน่ะ?”
ฉวีซือเหวินเสียใจและกังวลหน่อยๆ
หล่อนเอาช่วงเย็นไปหยอกล้อเด็กฉลาดอย่างมู่เทียนซิงหมดแล้ว จริงๆ เลย!อะไรคือทำบาป?มองหล่อนตอนนี้แบบนี้คือ!
แต่หล่อนไม่ได้ตั้งใจ หล่อนแค่อยากรู้ว่าในใจของมู่เทียนซิงจริงๆ แล้วมีคุณชายสี่หรือไม่ก็เท่านั้น!
ในใจรู้สึกผิดอย่างยิ่ง สายตาหลายคู่กดดันมา หล่อนไม่มองมู่เทียนซิง พูดอย่างระมัดระวัง:“คุณหนูมู่ท่านพูดถูก ถูกทุกอย่าง!”
“พี่ว่าฉันเชื่อหรือไง?”มู่เทียนซิงร้องไห้:“ฮือฮือ~แม้ว่าฉันจะอายุน้อย แต่ไม่ใช่คนบ้า ความจริงก็อยู่ตรงหน้าแล้วยังมาบอกว่าหลอกฉันอีก พี่คิดว่าไอคิวของฉันเป็นลบจริงๆ เหรอ?ฮือฮือ~”
ที่ข้างเตียงใหญ่ก็มีเสียงอ่อนโยนที่นึกไม่ถึงพูดเข้ามา:“เทียนซิง อย่าเพิ่งร้อง อย่าเสียใจ บอกฉันมา ว่านี่เกิดอะไรขึ้น ดีไหม?”
มู่เทียนซิงนิ่งไม่ขยับ หลับตา
พอลืมตามา หล่อนก็ไวเหมือนกระต่ายผ่านฉวีซือเหวินกับสองพี่น้องตระกูลจั๋วออกไป!
ทุกคนไม่คิดว่าหล่อนจะไวขนาดนี้!
ตอนที่ฉวีซือเหวินกับจั๋วซีจะตามไป จั๋วหรันรีบไปห้ามแล้วพูด:“ซีอยู่ดูคุณชายสี่ ส่วนอาซืออธิบายกับคุณชายสี่ซะ!ฉันจะตามไป!”
แปปนึง จั๋วหรันก็หลีกตัวตามมู่เทียนซิงออกไป!
ส่วนจั๋วซีก็ทนไม่ไหวดึงแขนของฉวีซือเหวินมาแล้วพูดไม่หยุด:“พี่สะใภ้ พี่อย่าเล่นอีก เรื่องของคุณหนูมู่ไม่ใช่จะเอามาเล่นมั่วๆ หล่อนยังอ่อนต่อโลก อยู่ที่คฤหาสน์จื่อเวยมาสองวันแล้วก็เชื่อใจพี่มากที่สุด ถ้าพี่ไปลองใจอะไรหล่อนอีก หล่อนไม่มีทางตามพี่ทัน!”
ฉวีซือเหวินไม่กล้ามองหลิงเล่
หล่อนรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องค่อยๆ เหมือนขั้วโลกเหนืออย่างชัดเจน
ก้มลงรู้สึกผิดและละอาย หล่อนรู้ตัวว่าเล่นใหญ่เลยได้แต่เล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียด
หลังจากที่หล่อนอธิบายไปหมดแล้ว จั๋วหรันก็ยังตามมู่เทียนซิงกลับมาไม่ได้
ชายที่นั่งเงียบอยู่ข้างเตียง ค่อยๆ หลับตาลงไม่พูดและไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ
จั๋วซีก็เข้าไม่ถึงความคิดของคุณชายสี่ แต่ว่ามีบางอย่างที่เขามั่นใจ:คุณหนูมู่เสียใจ คุณชายสี่ก็แย่เหมือนกัน
แต่ว่าตาของเขาเป็นประกายพูดออกมาอย่างดีใจ:“เมื่อสักครู่ที่คุณหนูมู่เสียใจขนาดนั้น หึงหรือเปล่าครับ?”
ฉวีซือเหวินเหมือนโดนงูกัด ตอนนี้ไม่กล้าทำตัวเหลิงเท่าไหร่เลยได้แต่ตอบกลับอย่างระมัดระวัง:“ไม่รู้”
ตอนนี้เองในที่สุดจั๋วหรันก็กลับเข้ามา แต่หลังจากที่มองภรรยาก็พูดกับหลิงเล่ว่า:“คุณชายสี่ครับ ตามคุณหนูมู่ไม่ทันแล้ว”
หลิงเล่ไม่พูดอะไร
เหมือนว่ามู่เทียนซิงไม่อยู่เขาก็กลายเป็นใบ้
หยิบปากกาและกระดาษตรงหัวเตียงมาเขียนว่า
หา
จั๋วหรันเห็นก็บอกว่า:“คุณชายสี่ที่นี่คือนอกเมือง คนของเรามีจำกัด หรือว่าให้คอนเนคชั่นช่วยพวกเราหา?”
เหมือนหลิงเล่กำลังคิด แล้วก็เขียนลงไปที่กระดาษอีกว่า
หนี
เมืองHคือถิ่นของตระกูลหนีและก็เป็นบ้านภรรยาของคุณหณิงเยว่หยา
พอจั๋วหรันรู้ก็ออกไปจัดการเลย
ฉวีซือเหวินอยากพูดอะไร แต่ก่อนจะพูดก็เห็นหลิงเล่ดูไม่พอใจหล่อนกลับจั๋วซี
“คุณชายสี่~ขอโทษครับ!”
ฉวีซือเหวินเสียใจมาก แต่ว่าหลิงเล่ไม่มองหล่อนเลย
จั๋วซีถอนหายใจเบาๆ รีบพาฉวีซือเหวินออกไปจากห้องของหลิงเล่
ไม่ได้พูดว่าจะลงโทษอย่างไร เห็นและโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ไม่งั้นเรื่องนี้ลงไปที่ใคร กล้าทำให้มู่เทียนซิงพ่ายแพ้ ต่อไปก็ไม่ง่ายขนาดนั้น!