บทที่64 ไม่อยากไปจากฉันแล้วหรอ?
เก้าโมงเช้า
ข้าวของทุกอย่างโดนเก็บจนเรียบร้อยหมดแล้ว มู่เทียนซิงกับหลิงเล่ก็นั่งรถกลับไปเมืองM
มองวิวข้างนอกที่ค่อยๆห่างไปเรื่อยๆ ในใจของมู่เทียนซิงรู้ การเดินทางครั้งนี้คือประสบการณ์ที่ต่อให้ตายไปแล้วก็ไม่มีวันลืม
คิดถึงรอยคิสมาร์กตรงหน้าอก ในใจของเธอก็รู้สึกตงิดๆขึ้นมา หันหน้าไปมองหลิงเล่ กำลังจะเอ่ยปากถามกลับเห็นหลิ่งเล่ใช้มือข้างหนึ่งจับขาของตัวเองเอาไว้ ค่อยๆนวดเบาๆ
เธอถึงได้นึกเรื่องที่เขาเพิ่งจะหกล้มออก
ตกลงมาจากรถเข็น คงจะเจ็บมากล่ะสิท่า!
“สมน้ำหน้า!”
เธอแอบด่าเขาไปคำหนึ่ง ขยับตัวไปข้างหน้า ยืดมือเล็กขาวเนียนของตัวเองไปกดไว้บนขาของเขา “เจ็บหรอ?”
“อือ”
ปล่อยให้มือเล็กๆของเธอนวดขาของตัวเอง และมือใหญ่ของเขาค่อยๆขยับออก
ครู่หนึ่ง มู่เทียนซิงมองเขาตะลึงๆ “ขาทั้งสองข้างของคุณเดินไม่ได้แต่ว่ามีความรู้สึกหรือคะ?”
นี่มันอัศจรรย์เกินไปแล้ว!
ขาทั้งสองข้างมีความรู้สึก ยังรู้สึกเจ็บอยู่แต่ว่ากลับเดินไม่ได้ นี่มันยังไงกัน?
“.”
มู่เทียนซิงรีบปล่อยมือ รีบดึงโทรศัพท์ตัวเองออกมาเริ่มเสิร์ชอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับความรู้ด้านนี้
จั๋วหรันมองผ่านกระจกมองหลัง พยายามขยิบตาส่งซิกให้หลิงเล่อย่างระมัดระวังแต่หลิงเล่กลับหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาลุ่มลึกมีแววต่างออกไปจากเดิม
ฉวีซือเหวินนั่งอยู่ตรงตำแหน่งข้างคนขับ ยกแก้วนมขึ้นมาใบหนึ่ง หลังจากที่กระดกดื่มไปสองอึกก็ค่อยๆเหลือบมองไปทางมู่เทียนซิง แต่กลับเจอสายตาเป็นประกายของมู่เทียนซิง เหมือนกับว่ากำลังดีใจมากๆ
สุดท้ายสามีภรรยาก็ส่งสายตามองกันไปมาแวบหนึ่ง แล้วค่อยๆหลบสายตาออกจากกัน แล้วไปทำเรื่องของตัวเองต่อ
ดูสิ อะไรที่เรียกว่าทำมากดีกว่าทำน้อย ดูเคสตรงหน้านี้ไว้เป็นตัวอย่าง!
“คุณอา! ฉันหาเจอแล้ว!”
มู่เทียนซิงเขย่ามือเขามองเขาหน้าตาตื่นเต้น “เคสแบบคุณอาที่ยังมีความรู้สึกแต่ว่าเดินไม่ได้ มีความเป็นไปได้สองกรณี กรณีแรกคือพาร์กินสัน กรณีที่สองคือระบบประสาทของกระดูกสันหลังมีปัญหา!”
“.”
เธอพูดต่อ “โรคพาร์กินสันเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยวัยกลางคนที่มีการเสื่อมของระบบประสาทส่วนกลาง อาการจะเริ่มตอนประมาณอายุ55ปีขึ้นไป อาการของโรคก็จะเปลี่ยนไปตามอายุ ถึงคุณอาเริ่มแก่แล้วนิดหน่อยแต่ว่าคุณอาอายุยังไม่ถึง55ปี เพราะฉะนั้นก็ไม่น่าจะใช่ในกรณีนี้”
“.”
“เธอยื่นโทรศัพท์ไปด้านหน้าเขาอย่างตื่นเต้น ให้เขาอ่านข้อความข้างใน “คุณอาดู คุณอาน่าจะเป็นกรณีที่สอง ก็คือเส้นประสาทที่กระดูกสันหลังมีปัญหา! โรคชนิดนี้ยิ่งรักษาเร็ว โอกาสที่จะกลับมายืนได้ก็ยิ่งมากขึ้น! คุณอา! คุณอาเห็นหรือยังคะ? คุณอารีบดูเร็ว!”
เงียบ
ดวงตาสีเข้มมองตัวอักษรบนโทรศัพท์ขึ้นลงอยู่แป๊บหนึ่ง ค่อยหันมามองเธออีกรอบ “ฉันไปหาหมอมาหลายคนแล้ว ไม่มีท่านไหนสามารถระบุรายละเอียดที่ชัดเจนได้ เรื่องขาของฉัน ตอนนี้ปล่อยไปก่อน อย่าเพิ่งไปสนใจมันมากเลย”
มู่เทียนซิงไม่เข้าใจแล้วก็ไม่เห็นด้วย “คุณอา นี่มันขานะคะ นี่มันอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายเชียวนะ! คุณอา คุณอาอย่ายอมแพ้สิคะ ห้ามยอมแพ้เด็ดขาดเลยนะคะ! หมอที่คุณอาไปหามีแต่หมอดังใช่ไหมคะ? ฉันเคยได้ยินว่ามีหมอดังๆหลายคนที่ไม่ได้มีจรรยาบรรณทางการแพทย์ ประมาณว่าพอมีคนรวยไปต่อแถวขอรักษาจำนวนมาก แค่อาการป่วยเล็กๆน้อยๆ พวกเขาสามารถทำให้มันเป็นอาการสาหัสได้เพราะว่าจะหลอกเอาเงิน! คุณอา เชื่อฉันนะคะ ฉันช่วยหาหมอให้คุณอาดีไหมคะ?”
จั๋วหรันคิ้วกระตุก เขาอธิบายแทนหลิงเล่ “คุณหนูมู่ ขาของซือซ่าวได้รับยารักษาอยู่ตลอดครับ เพียงแต่ต้องการเวลา และจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน คุณหนูมู่ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกครับ”
ฉวีซือเหวินก็พูด “ใช่ค่ะ เรื่องรักษาอาการพวกนี้ ยังไงก็ควรจะทำตามคำแนะนำของคุณหมอที่รักษาอยู่จะดีกว่า ถ้าเกิดไปหาหมอหลายๆคน แต่ละคนก็มีการวินิจฉัยอาการแตกต่างกัน ใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ถ้าไปรักษามั่วๆอาจจะไม่เกิดประโยชน์ประโยชน์ก็ได้ค่ะ”
สีหน้าตื่นเต้นของมู่เทียนซิงเมื่อกี้ค่อยๆสลดลง แต่เธอยังพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ “แล้วคุณหมอที่รักษาขาของคุณอาอยู่ได้บอกไหมคะว่า พอจบระยะในการรักษาขาของคุณอาจจะเป็นยังไงต่อ?”
จั๋วหรันไม่กล้าพูดอะไรต่อ
ฉวีซือเหวินก็เช่นกัน
ศอกข้างหนึ่งของเขากระแทกไหล่เธอเบาๆ “เป็นเด็กดีสิ เรื่องแบบนี้คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามชะตาฟ้าลิขิต ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน แต่ว่าหลายๆครั้งเรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่เราจะตัดสินใจเองได้”
อยู่ๆมู่เทียนซิงก็เงียบไป
เธอมองไปที่หลิงเล่ ภายในดวงตาสุกใสคู่นั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและเสียใจ “แต่ว่าถ้าขาคุณอาลุกขึ้นมายืนได้ละก็ คงจะเป็นเทพบุตรหนุ่มหล่อที่สามารถฆ่าคนได้ทั้งจักรวาลภายในหนึ่งวินาทีแน่ๆ คุณอา ไม่อย่างนั้นเราก็ลองไปโรงพยาบาลดูสักครั้งนะคะ ลองดูว่าหมอทั่วไปเขาจะว่ายังไงบ้าง”
เขานิ่งไปแป๊บหนึ่ง แล้วค่อยพูดต่อโดยไม่รีบร้อน “เป็นเทพบุตรอันดับหนึ่ง สาวๆรอบตัวฉันก็จะเยอะขึ้น เธออยากเห็น?”
จะทำยังไงให้เด็กคนนี้ล้มเลิกแผนการที่จะรักษาขาของเขาดีนะ? ปวดหัวจริงๆ!
“ขอแค่ร่างกายของคุณอาดีขึ้น ไม่ว่าสาวๆรอบตัวคุณอาจจะเยอะแค่ไหนฉันก็ไม่สน!” มู่เทียนซิงสีหน้าจริงจัง “ยังไงเสียคุณอาก็เคยบอกแล้วว่าต้องการแค่แสงจากฉันเพียงคนเดียว มีฉันคนเดียวที่เป็นคนที่ทำให้หัวใจของคุณอาอุ่นขึ้น ไม่ใช่หรอคะ ?”
มองดวงหน้าใสซื่อของเธอ แววตาของหลิงเล่ก็ยิ่งลุ่มลึกขึ้น “ได้ เธอว่ายังไง ฉันก็ว่าอย่างนั้น”
เพราะหลิงเล่ยอมตอบตกลงว่าจะลองไปหาหมอด้วยกัน ทั้งทางกลับบ้าน ถึงจะอยู่บนทางยกระดับเป็นเวลาหลายชั่วโมง มู่เทียนซิงก็พยายามโทรศัพท์ เสิร์ชหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ท่าทางร้อนรนและกระตือรือร้นของเธอแสดงออกมาต่อหน้าของทุกคน ไม่ว่าใครก็มองออกทั้งนั้น ราวกับว่าขอแค่ขาของหลิ่งเล่ดีขึ้นมาได้ ไม่ว่าอะไรเธอก็ยอมแลกได้ทั้งนั้น
ส่วนหลิงเล่ก็กำลังหมกมุ่นอยู่กับการมองเธอกำลังวุ่นวายเพราะต้องการช่วยเหลือตัวเอง จ้องดูเธอแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ
ใครบอกว่าเวลาผู้ชายตั้งใจทำอะไรสักอย่างจะมีเสน่ห์มากที่สุด
ชัดเจนอยู่แล้วว่าเวลาที่ผู้หญิงตั้งใจทำอะไรสักอย่างมันทำให้คนใจเต้นแรงได้มากกว่าอีก!
ระหว่างพวกเขาแวะจุดพักบนทางยกระดับหนึ่งชั่วโมง ไปเข้าห้องน้ำ เติมน้ำมัน รับประทานอาหาร แล้วก็พักผ่อนครู่หนึ่ง ในตอนที่พวกเข้ามาถึงเมืองMก็เป็นเวลา5โมงตรงแล้ว
ในตอนที่รถขับเข้ามาถึงในตัวเมือง หลิงเล่ก็กุมมือเล็กของมู่เทียนซิงโดยไม่รู้ตัว
“อยากจะกลับไปคฤหาสน์จื่อเวยกับฉันก่อนหรือเปล่า? แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปส่งเธอที่ตระกูลมู่”
มองเห็นสายตารอคอยของเขา มู่เทียนซิงก็อยากจะตอบตกลง
แต่ว่าคิดถึงตอนที่คุณแม่เอากระเป๋ามาให้เธอตอนระหว่างทาง สีหน้าของท่านดูเป็นกังวล เธอเลยตัดสินใจว่า “ฉันจะกลับไปตระกูลมู่ค่ะ แล้วคุณก็ดูแลตัวเองดีๆ”
หลิงเล่มองเธอ ไม่พูดอะไร
มู่เทียนซิงก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด “ฉัน ฉันจำเป็นที่จะต้องกลับบ้าน คุณพ่อคุณแม่คงจะเป็นห่วงมาก ขอโทษนะคะ ตอนค่ำๆฉันจะโทรหาคุณ”
หลิงเล่ยกมือขึ้นมาลูบผมนุ่มสลวยของเธอ ดึงตัวเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอดของตัวเองอีกครั้ง “รอจนกว่าจะถึงบ้านตระกูลมู่ ฉันถึงจะปล่อยเธอ”
มู่เทียนซิงกอดเอวเขาไว้แน่น นั่งนิ่งๆอยู่ในอ้อมกอดของเขา “โอเคค่ะ”
จะทำยังไงดี เธอแสบจมูกอยากจะร้องไห้ เพียงแค่คิดว่าอีกเดี๋ยวก็จะจากกันแล้ว มู่เทียนซิงก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมา
ขอบตาแดงก่ำ ในใจก็โหวงๆ หัวเล็กๆของเธอถูไปมาในอ้อมกอดของเขา ได้ยินเสียงเพราะๆของเขาอยู่ข้างบนหัว “ไม่อยากไปจากกันแล้วล่ะสิ?”
“อือ” เธอพยักหน้าแรงๆ “มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดมาก เหมือนกับว่าตอนนี้ฉันกำลังเริ่มคิดถึงคุณแล้ว”