เมื่อเยี่ยนอวี๋เดินมาถึงขอบแอ่งน้ำ นางก็เห็นเจ้าตัวน้อยที่เนื้อตัวมอมแมม และตัวเปลือย ราวกับลูกแมวน้อยผู้น่าสงสารที่ตกลงไปในโคลน
อุแว้ๆๆ… เยี่ยนเสี่ยวเป่าช่างน่าสงสารเหลือเกิน มิหนำซ้ำเขายังร้องไห้ดังปานจะขาดใจ ทำให้เยี่ยนอวี๋จากที่ใจเย็นในตอนแรก ต้องร้อนใจในทันที “เสี่ยวเป่า!”
อุแว้! เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เอี้ยวคอเห็นมารดา ก็ร้องไห้เสียใจ
หัวใจของเยี่ยนอวี๋เศร้าโศก รีบอุ้มลูกที่จม ‘กองโคลน’ ขึ้นมา นางกอดกระชับลูกเอาไว้แนบอก แล้วลูบแผ่นหลังนุ่มๆ ของลูกอย่างอ่อนโยน และจุ๊บหน้าผากอันสกปรกของลูกโดยไม่รังเกียจ “เสี่ยวเป่าไม่กลัวนะ แม่มาแล้ว”
อุแว้! อุแว้… เยี่ยนเสี่ยวเป่าเสียใจ หยาดน้ำตาขนาดเท่าเม็ดถั่วไหลออกจากตา ทำอย่างไรก็หยุดร้องไม่ได้ ท่านพ่อคนหล่อของเขา! หนีไปแล้ว! อุแว้ๆ…
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ร้องไห้ประหนึ่งว่าฟ้าถล่มโลกทลาย ดึงดูดความสนใจของคนจํานวนมาก อินหลิวเฟิงก็ตั้งใจว่าจะฉวยโอกาสนี้หนีไป แต่น่าเสียดายที่เม่ยเอ๋อร์ได้ขวางเขาไว้แล้ว
อินหลิวเฟิง “…”
เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ
อุแว้! อุแว้… เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ร้องไห้ไม่หยุดกําลังชี้ไปที่อินหลิวเฟิง และยิ่งร้องไห้มากเท่าไรเขาก็ยิ่งเสียใจมากขึ้นเท่านั้น พร้อมกับมองไปที่ท่านแม่คนงามของตน “อ้ะเนะเนะ…อุแว้”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยังพูดไม่ได้รู้สึกคับแค้นใจเหลือเกิน เขาอยากจะบอกท่านแม่คนงามว่าพบท่านพ่อแล้ว แต่ท่านพ่อหนีไปเพราะตกใจคนเลวคนนี้! อุแว้…
ช่างคับแค้นใจยิ่งนัก!
เสียใจเหลือเกิน!
เศร้าใจจริงๆ!
อุแว้…
“เอาล่ะๆ ไม่ร้องนะ เสี่ยวเป่าไม่ร้องไห้ แม่รู้ แม่ไม่ยอมปล่อยคนเลวคนนี้ไปหรอกจ้ะ” เยี่ยนอวี๋เข้าใจคําพูดของลูกโดยไม่มี ‘อุปสรรค’ ใดๆ แน่ใจว่าอินหลิวเฟิงรังแกลูกของนาง
อินหลิวเฟิงทำหน้าปั้นยาก เขารีบชี้แจงทันที “ไม่ใช่ข้านะ! ข้าไม่ได้ทํา! ไม่ใช่ข้า!” เขาถูกใส่ร้าย! เขาไม่ได้ทําอะไรเลย!
เนะ! เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ได้ร้องไห้แล้ว! เขาตะโกนใส่อินหลิวเฟิงด้วยสายตาดุร้าย ซึ่งนี่เป็นท่าทางดุร้ายที่เขาไม่ค่อยได้แสดงออก ราวกับลูกแมวที่กำลังพองขน
เยี่ยนอวี๋มองด้วยความรักและเจ็บปวดใจ มือข้างหนึ่งหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดโคลนและฝุ่นสกปรกให้ลูก และใช้น้ำอันสะอาดอบอุ่นในแอ่งน้ำมาอาบน้ำชำระร่างกายให้ลูกน้อย แล้วจึงหยิบชุดใหม่ออกมาเปลี่ยนให้ลูก
ตลอดเวลา อินหลิวเฟิงได้แต่จ้องตาปริบๆ พยายามพูด ‘ชี้แจงข้อเท็จจริง’ ว่า “แม่นางจื่ออวี๋ เจ้าจะใส่ร้ายข้าเช่นนี้ไม่ได้นะ ข้าไม่ได้ทำอะไรลูกรักของเจ้าจริงๆ!”
อินหลิวเฟิงในห้วงเวลานี้ เขารู้ซึ้งแล้วว่าอะไรคือการที่กระโดดลงไปในแม่น้ำฮวงโฮ ก็มิสามารถล้างมลทินได้ อะไรคือมีร้อยปาก ก็ยังแก้ต่างไม่ได้ เพราะคนที่เขากําลังเผชิญหน้านั้นพูดไม่ได้! คือทารกที่มีอายุเพียงสองเดือนเท่านั้น!
เขาจะทําอะไรได้เล่า…
อธิบายเหตุผลกับเด็กทารกหรือ ไม่สมเหตุสมผลเลย!
เผชิญหน้ากับเด็กทารกหรือ เขากลับคิดว่าปัญหาอยู่ที่เด็กยังพูดไม่ได้!
อินหลิวเฟิงรู้สึกว่าเขาไม่อับจนหนทางถึงเพียงนี้มาก่อน เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจริงๆ! แต่เด็กทารกร้องไห้ยิ่งน่าสงสารมากกว่า ร้องไห้จนหน้าแดง ดวงตาบวมปูด ท่าทางเหมือนสุดแสนเสียใจอย่างไรอย่างนั้น…
คนที่ไม่รู้ ก็คงคิดว่าอินหลิวเฟิงทําอะไรเด็กจริงๆ แต่จะเป็นไปได้อย่างไร คนที่ทำเช่นนั้นได้ก็มีแต่คนสติฟั่นเฟือนเท่านั้นแหละ ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ได้มีความคิดที่จะปล่อยอินหลิวเฟิงไปแม้แต่น้อย เขาเอาแต่ชี้ไปที่อินหลิวเฟิง และฟ้องท่านแม่คนงามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…”
“แม่รู้ แม่เข้าใจแล้ว แม่จะไม่ปล่อยเขาไปหรอกจ้ะ” เยี่ยนอวี๋รับรอง และนางก็ไม่มีทีท่าจะละเลยเช่นกัน คล้ายกับว่านางต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกของนางจริงๆ
อินหลิวเฟิง “…”
นั่นเรียกว่าฟังความข้างเดียวมิใช่หรือ
อ้อ ไม่ใช่สิ
ต้องเรียกว่าเชื่อโดยที่ยังไม่ได้ฟังความ เพราะถึงอย่างไรเด็กก็พูด! ไม่ได้!
“คุณหนูใหญ่เยี่ยน ท่านทำเช่นนี้ไม่ดีกระมัง” อินหลิวเฟิงถูกใส่ร้ายหมดแล้ว
หยางชีซานที่ดูมาระยะหนึ่งแล้ว เขาไม่รู้สึกว่าอินหลิวเฟิงถูกใส่ร้ายเลย “ข้ากลับคิดว่า นายน้อยอินไม่ได้ถูกใส่ร้ายเลยแม้แต่น้อย”
อินหลิวเฟิง “…”
เขาชี้แจงไม่ได้จริงๆ!
ท้ายที่สุดเขาก็เป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญของเขตหวงห้ามนี้!
แต่…
“ข้าสามารถอธิบายได้!” อินหลิวเฟิงสารภาพอย่างขมขื่นว่า “เหตุผลที่ข้าใช้…เอ่อ กลอุบายเยี่ยงโจรแฝงกายเข้ามาในเขตหวงห้ามของพวกท่าน ทั้งหมดเป็นเพราะคําสั่งของต้าซือมิ่งแห่งราชสํานัก ซึ่งอยู่ในเขตหวงห้ามของพวกท่าน”
“เหลวไหล!” หยางชีซานพูดตอกหน้าอินหลิวเฟิงโดยไม่ต้องคิด “หากต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักท่านนั้นมาที่เขตหวงห้ามของสำนักชางอู๋เรา สำนักชางอู๋เราย่อมต้องโค้งกายต้อนรับแน่นอน เหตุใดท่านผู้นั้นจึงจะต้องแฝงกายมาด้วย”
“ข้า…” อินหลิวเฟิงไม่สามารถโต้แย้งได้ และเขาไม่กล้าที่จะบอกว่าต้าซือมิ่งได้ ‘แฝงกาย’ เข้ามาแล้วนี่! เขากลัวว่าต้าซือมิ่งจะแอบดูอยู่แถวนี้
ฮือๆๆๆ…
อินหลิวเฟิงอยากจะร้องไห้ เขาทำได้เพียงกล่าวคำสาบานต่อฟ้าสวรรค์เท่านั้น “ข้าอินหลิวเฟิง ขอใช้ชะตากรรมของเมืองโยวตูเพื่อรับประกันกับสำนักชางอู๋ว่าข้ามาที่นี่เพื่อตามหาต้าซือมิ่งจริงๆ! มิได้มีประสงค์ร้ายต่อสำนักชางอู๋ หรือมีความโลภแต่อย่างใด!”
อุแว้! เสียงเล็กๆ ของเยี่ยนเสี่ยวเป่าตะโกนอย่างโกรธแค้น และพูดว่า “อ้ะเนะเนะ…” โดยมีความหมายว่า ‘ข้าไม่สน ข้าไม่สน! เจ้านั่นแหละที่ทำให้ท่านพ่อตกใจหนีไป! ข้าไม่สนอะไรทั้งนั้น…’
หยางชีซานกล่าวเนิบนาบว่า “สิ่งที่ท่านพูด แม้แต่เด็กน้อยก็ยังไม่เชื่อเสียเลย”
อินหลิวเฟิง “…”
โอ้สวรรค์! โอ้นรก! อสุนีบาตฟาดลงมาใส่เขาให้ตายเสียรู้แล้วรู้รอดเถอะ! เด็กคนนี้จะเอาเรื่องเขาให้ได้ใช่หรือไม่? ต้องใช่แน่ๆ! แต่ระหว่างพวกเขามีความแค้นอะไรกัน ถึงกับต้องใส่ร้ายเขาด้วยวิธีนี้?
“นำตัวไป”