“น้องเล็ก!”
“คุณหนูใหญ่!”
ทั้งเม่ยเอ๋อร์และเยี่ยนจื่อเสาดวงตาแดงก่ำ! แต่ด้วยพลังทำลายล้างอันสูงสุดที่มาพร้อมกับแสงจ้า ได้สะกดทุกคนที่อยู่ตรงหน้าโดยสมบูรณ์ ไม่มีใครสามารถขยับตัวได้
แม้แต่เยี่ยนอวี๋เองก็ขยับตัวไม่ได้เช่นกัน แต่นี่เป็นเรื่องปกติ เพราะนี่คือขุมพลังในยุคสมัยที่นางอยู่ในขั้นสุดยอด แม้เพียงเศษเสี้ยวพลังเล็กๆ ที่ไม่อยู่ในความสนใจก็เพียงพอที่จะบดขยี้นางยามนี้ได้ในชั่วพริบตาเดียว
ดังนั้นเยี่ยนอวี๋ไม่คิดที่จะขัดขวาง นางรู้ว่าด้วยขุมพลังของนางในเวลานี้ไม่สามารถขัดขวางได้เลยด้วยซ้ำ ณ ห้วงเวลาจุดติดประกายไฟนั่นเอง นางสลัดทุกสิ่งที่ใช้ปลอมตัวออกทั้งหมด! ปลดปล่อยจิตวิญญาณภายในของนาง และลมปราณที่แท้จริงออกมา
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวเล็กเกือบจะมีปฏิกิริยาตอบสนองพร้อมกับนาง ในยามที่ทุกคนขยับตัวไม่ได้นั้น เจ้าตัวเล็กก็อาศัย ‘ชัยภูมิอันเหมาะเจาะ’ พลอยทำให้ขยับตัวได้ เขาโผเข้าใส่ใบหน้าของท่านแม่คนงาม แล้วประท้วงขึ้น “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ!” ห้ามรังแกท่านแม่คนงามของเสี่ยวเป่านะ!
เยี่ยนอวี๋ตกตะลึง…
หึ่ง!
ขุมพลังที่สามารถทำลายล้างสรรพสิ่งพลันชะงักหยุดลงอย่างมั่นคง แผ่นหลังของเจ้าตัวเล็กอยู่ห่างจากสิ่งที่กำลังจะพุ่งเข้ามาเพียงสองนิ้วเท่านั้น
“…” ทั้งศีรษะ แผ่นหลังและทั่วร่างกายของอินหลิวเฟิงเต็มไปด้วยเหงื่อ เห็นได้ชัดว่าเหงื่อออกเนื่องจากความตกใจ! เพราะอีกเพียงแค่นิดเดียวก็ต้องทำพิธีขุดหลุมฝังเขาซะแล้ว
มารดามันเถอะ…
สยองขวัญเหลือเกิน!
“เสี่ยวเป่า…”
“คุณ…คุณชายน้อย”
เยี่ยนจื่อเสากับเม่ยเอ๋อร์อุทานงึมงำอย่างไม่อยากจะเชื่อพร้อมกัน พวกเขาต่างก็ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าในช่วงเวลาวิกฤติ! กลับเป็นคนที่เด็กที่สุด! อ่อนแอที่สุดอย่างเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เป็นคนช่วยชีวิตเยี่ยนอวี๋ไว้
แม้แต่เยี่ยนอวี๋เอง นางก็นึกไม่ถึงเช่นกัน หากแต่นางทราบดีกว่าใครว่าขุมพลังเดิมของนางชุดนี้ ได้หยุดลงเพราะเยี่ยนเสี่ยวเป่าจริงๆ
แม้ว่าคำสั่งที่นางปล่อยไปจะสัมผัสได้ถึงขุมพลังในอดีตของนางแล้ว แต่มันกลับหยุดลงก่อนที่ลมหายใจแห่งวิญญาณของนางจะถูกปล่อยออกไป ถึงได้เหลือระยะห่างไว้สองนิ้ว แทนที่จะเหลือไว้เพียงนิ้วเดียวให้เป็นที่หวาดเสียว
“…เสี่ยวเป่า” เยี่ยนอวี๋รู้สึกถึงความอ่อนนุ่มบนใบหน้าและอารมณ์ความรู้สึกยากที่จะบรรยาย
ส่วนเยี่ยนเสี่ยวเป่า เขาคิดว่าท่านแม่คนงามของเขากำลังหวาดกลัว เขาจึงร้องอ้อแอ้พร้อมกับบิดร่างเล็กๆ ยกมือขึ้นโบกอยู่ไหวๆ ต่อหน้าแสงจ้า “อ้ะเนะเนะ!” ไปให้พ้น! ไปให้พ้น!
หึ่ง แสงจ้าแยกย้ายกันไปอย่างเชื่อฟัง
เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าเห็นดังนั้น เขาก็สัมผัสใบหน้าของมารดาอย่างมีความสุข “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” ท่านแม่ไม่กลัวนะ! เสี่ยวเป่าไล่สิ่งร้ายๆ ออกไปแล้ว!
เยี่ยนอวี๋กอดร่างเล็กๆ ของลูกไว้แน่น นางคิดว่านี่คือความมหัศจรรย์ของการสืบเชื้อสายจากสายเลือดจริงๆ
แม้ว่านางจะยังไม่ได้ทำอะไร แต่ขุมพลังที่เคยเป็นของนางเองก็สามารถแยกแยะได้ว่านี่คือทายาทที่สืบเชื้อสายมาจากสายเลือดของนางและดำรงชีวิตอยู่อย่างเกื้อกูลกัน
“เสี่ยวเป่าช่างน่าอัศจรรย์นัก…” เยี่ยนจื่อเสาผู้ไม่รู้ ‘ความลับ’ ของเยี่ยนอวี๋เลย ขณะที่เขาตื่นจากภวังค์ก็ได้พูดจากใจพร้อมกับมองไปที่หลานชายตัวน้อยที่ไร้เดียงสา ร่าเริงและน่ารัก
“คุณชายน้อยย่อมมหัศจรรย์อยู่แล้วเจ้าค่ะ!” เม่ยเอ๋อร์กลับคิดว่าสมเหตุสมผลแล้ว เพราะนี่คือบุตรชายของคุณหนูใหญ่
แม้ว่าอินหลิวเฟิงจะมีความรู้สึกซับซ้อน แต่เขาไม่อาจไม่ยอมรับว่าเด็กน้อยคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่เขาไม่อยากยอมรับจริงๆ ว่าตัวเองจะสู้เด็กทารกคนหนึ่งไม่ได้ ครั้นแล้วจึงเอ่ยเตือนทันทีว่า “พวกเรายังต้องระวังตัวให้มากกว่านี้! คราวนี้เป็นเพราะโชคดี”
“ใช่ๆ!” เยี่ยนจื่อเสาเห็นด้วยเป็นอย่างมาก
“นั่นสิ! ต้องเป็นเพราะคุณชายน้อยเยี่ยนไร้ขุมพลัง ถึงได้ไม่ดึงดูดการโจมตีแน่ๆ” เอ้อร์เหมาแห่งเมืองโยวตูพูดเสริม
เม่ยเอ๋อร์ไม่พอใจหมายจะโต้กลับ แต่เยี่ยนอวี๋ได้พูดขึ้นก่อน “ไปกันเถอะ ระวังตัวด้วย” จะชะล่าใจเพียงเพราะว่านี่เคยเป็นอาณาเขตของนางเองไม่ได้ เวลานี้นางอ่อนแอมากจริงๆ
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าเห็นด้วย และกอดมารดาของตนเอาไว้แน่น ท่าทางตื่นตัวระมัดระวังน่าเอ็นดูนั้น ทำให้ทุกคนที่อยู่ในอาการตึงเครียดต้องหัวเราะออกมา
ทว่าทุกคนเพิ่งจะผ่อนคลายได้ไม่นาน เม่ยเอ๋อร์สูดหายใจเฮือก! แล้วรีบเอาตัวเข้าบังเยี่ยนอวี๋สองแม่ลูกไว้ด้านหลัง พลางตะโกนอย่างร้อนรุ่ม “ป้องกัน!”
“เรียกวิญญาณ!”
“น้ำค้างแข็ง!”
“ต้าเผิง!”
เยี่ยนจื่อเสา อินหลิวเฟิง และเอ้อร์เหมาระเบิดขุมพลังป้องกันอันแข็งแกร่งที่สุดทันที ทั้งลมปราณอันมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยสิ่งปาฎิหาริย์ที่แข็งแกร่งที่สุด! ใบน้ำค้างแข็งที่เกิดจากการผสานขึ้นระหว่างน้ำแข็งและไฟ ตลอดจนพญาครุฑต้าเผิงตนหนึ่งที่ปรากฏวับวาบ เกิดเป็นม่านป้องกันที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ ในบัดดล
โครมมม
โดยมีโล่ป้องกันแห่งเทพอสูรอันทรงพลังของเม่ยเอ๋อร์เป็นหลัก เสริมด้วยขุมพลังป้องกันของอีกสามคน ผลักออกไปอย่างรวดเร็วนับสิบลี้ และครอบคลุมจนเต็มช่องทางเดินของวิมานเทวาสถิต
ทำให้กลุ่มของกู้หยวนหมิงที่กำลังตามหลังมาอย่างระมัดระวังต้องพลอยตื่นตระหนกไปด้วย “ระวัง!”
โฮกกก เสียงคำรามกึกก้องอันทำให้บรรยากาศหนักอึ้ง โพล่งขึ้นพร้อมกับเสียงของกู้หยวนหมิง! เสียงสะเทือนเลือนลั่น
ปัง!
ปัง ปัง! เมื่อม่านแสงโล่ป้องกันถูกทำลาย เยี่ยนจื่อเสาทั้งสามกระเด็นหวือฉับพลัน! ชนเข้ากับกู้หยวนหมิงและคนอื่นๆ ที่อยู่เบื้องหลัง
“ไปซะ…”
ทว่าเม่ยเอ๋อร์ยังคงยืนอยู่ด้านหน้าเยี่ยนอวี๋สองแม่ลูกอย่างมั่นคง! ด้วยไอร้อนระอุของเทพอสูรสีดำที่ระเบิดออกมาจากนาง ชั่วเวลาเพียงพริบตาเดียวก็ระเบิดความแข็งแกร่งถาโถมออกไปเป็นร้อยเท่า และกลิ้งไปทางด้านหน้าของทางเดินอย่างดุเดือด
“บัดซบ!” พริบตาที่อินหลิวเฟิงล้มลงไป เขาอดไม่ได้ที่จะพ่นคำหยาบคายออกมา “สาวใช้คนนี้ดุดันเกินไปแล้ว!” มิน่าเอ้อร์เหมาถึงได้บอกว่าเขาไม่มีสถานะในครอบครัว เพราะเขาไม่มีทางเอาชนะได้เลยไงเล่า!
กู้หยวนหมิงและคนอื่นๆ ของสำนักเหยาไถเซียนต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน!
มารดามันเถอะ…
นี่มันสาวใช้ผู้น่าหวาดผวาอะไรกันนี่
ไม่สิ!
เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสาวใช้!
ต้องเป็นผู้มีความสามารถขั้นสุดยอดของราชสำนักแน่นอน!
ต้องใช่แน่ๆ!
ใช่แน่นอน!
อย่าหลอกพวกเขาเลยว่ามาจากสำนักชางอู๋อะไรนั่นน่ะ!
มารดามันเถอะ…
ทุกคนที่ตื่นตระหนกจนสูญเสียกำลังต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง ได้แต่มองตาละห้อย ดูมังกรทอแสงที่เคยปรากฏตัวตนนั้น ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
โฮกกก! มังกรทอแสงตัวมหึมาที่น่าสะพรึงกลัวได้พุ่งเข้าหาเม่ยเอ๋อร์! มันไม่เพียงแต่พ่นคำรามเปลวเพลิงอันรุนแรงออกมาเท่านั้น ทว่ากระบอกตาอันเป็นช่องโพรงคู่นั้นของมัน คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงหม่นๆ เป็นประกายวับวาบด้วย
ทันใดนั้นเอง อินหลิวเฟิงที่ตื่นตระหนกต้องตื่นจากภวังค์แห่งความหวาดหวั่นพลางตะโกนขึ้น “ระวัง! เกรงว่ามันจะสามารถใช้พลังอภินิหาริย์ของมังกรทอแสงได้!”