“…อึก” อินหลิวเฟิงและคนอื่นๆ ที่ตึงเครียดอยู่ตลอดเวลานั้นต่างกลืนน้ำลายพร้อมกันเงียบๆ เพราะว่าหลังจากที่แนวคุ้มกันภัยแตกแล้ว กลิ่นอันทรงพลังที่โพยพุ่งออกมาของเหล่าสัตว์ร้ายต้าฮวงที่อยู่ข้างนอกก็รุนแรงขึ้น!
สิ่งนี้ทำให้อินหลิวเฟิงและคนอื่นๆ ที่พบว่ารอบตัวมีแนวคุ้มกันอยู่นั้น ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจกันแน่… เอ้อร์เหมาเช็ดเหงื่อเย็นที่หน้าผาก เขากำลังคิดอย่างโศกเศร้าว่าอยากจะให้นายท่านของตนหนีไปก่อน ไม่ต้องสนใจเขาแล้ว
เยี่ยนจื่อเสากลับสัมผัสได้ถึงโอกาสพลิกสถานการณ์อย่างเฉียบแหลม “ไม่ถูกต้อง! พวกเจ้าดูแสงจากที่แนวคุ้มกันภัยแตกเหล่านี้สิ เหมือนกับว่าพวกมันกำลังรวมตัวเป็นอักษร”
“ใช่แล้ว! เจ้าดูไม่ผิด” กู้หยวนหมิงก็ค้นพบแล้วเช่นกัน เขามองไปที่เยี่ยนอวี๋ที่กำลังอุ้มเด็กน้อยและยืนคุมไฟตุ๋นข้าวต้มงูตามสัญชาติญาณ รู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง
ทว่าแนวคุ้มกันภัยที่กำลังแตกทีละชั้นและกลายเป็นสัญลักษณ์โบราณนั้นก็เป็นเครื่องยืนยันการค้นพบของเยี่ยนจื่อเสาและกู้หยวนหมิง
นี่มัน…
ไม่รอหะวกเขาได้สติกลับมา แนวคุ้มกันที่แตกละเอียดก็แปรเปลี่ยนเป็นอักษรยันต์โบราณเป็นร้อยเป็นพันตัว และในขณะนั้นเองก็เปล่งรังสีข่มขู่อันน่าสะพรึงกลัวออกมา ราวกับเทพสวรรค์ลงมาสู่โลก
แซ่ด!… สัตว์ร้ายต้าฮวงที่ตั้งสติได้ก็รีบหันหลังคิดจะหนีไป
ถึงแม้ในหมู่พวกมันไม่มีตัวใดคิดว่าจะมาเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกาจเช่นนี้ แต่ด้วยสัญชาติญาณของพวกมันก็รู้ว่าต้องหนีแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึง
แต่น่าเสียดาย ตั้งแต่ที่พวกมันรวมตัวกันนั้นก็ได้ตกอยู่ในอันตรายแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกมันจะมีไหวพริบดีเพียงใดก็ไม่สามารถหนีพ้นไปได้
“กรร…” เสียงร้องคำรามกึกก้องของสัตว์ป่าบรรพกาลเสียงหนึ่ง ดังขึ้นจากรอบทิศ
และเสียงคำรามของสัตว์ป่าบรรพกาลนี้ พวกอินหลิวเฟิงล้วนคุ้นเคยดี เพราะว่านี่คือเสียงคำรามของมังกรคบเพลิงที่หูหนวก ตาบอด และโง่เขลาตัวนั้น!
“นี่มัน…” อินหลิวเฟิงนึกอะไรขึ้นได้ เขามองไปที่คุณหนูใหญ่เยี่ยนอย่างไม่อยากเชื่อ พร้อมถามขึ้นด้วยท่าทางเหลือเชื่อว่า “มังกรคบเพลิงโง่เขลาตัวนี้ถูกเจ้าปราบไปแล้วหรือ”
“?” กู้หยวนหมิงชะงัก เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ เขายังคิดว่าพวกเขาจะต้องรับแรงปะทะสองด้านเสียแล้ว แต่แล้ว…
“กรร!” เสียงร้องคำรามของมังกรคบเพลิงที่ดังมาแต่ไกล ขับไล่สัตว์ร้ายต้าฮวงที่คิดจะหนีทั้งหมดกลับมาแล้ว
ตู้ม! แนวคุ้มกันที่ระเบิดออกพลันปกคลุมสัตว์ร้ายต้าฮวงที่ถูกขับไล่กลับมาเหล่านั้น…
เหตุการณ์อลหม่านไปหมด สัตว์ร้ายต้าฮวงเหล่านั้นที่คิดหนีถูกเตะไปมาราวกับลูกบอล เด้งไปมาอย่างดุเดือดอยู่กลางอากาศ จนท้ายสุดก็ ตุบๆๆ ร่วงหล่นบนพื้น ทับซ้อนกันขึ้นไป ดูยิ่งใหญ่ตระการตา
อินหลิวเฟิงและคนอื่นๆ ชมดูจนหนังตากระตุก คิดว่าตนเองกำลังฝันกลางวันอยู่จึงได้เห็นเหตุการณ์อันเหลือเชื่อและฉากที่ไม่น่าเป็นไปได้เช่นนี้!
จนเมื่อเหล่าสัตว์ร้ายต้าฮวงล้มลงรอบตัวเยี่ยนอวี๋และพวกเขาอย่างเป็นระเบียบแล้ว อินหลิวเฟิงและคนอื่นๆ จึงตื่นจากภวังค์และรับรู้ว่า วิกฤตการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว
ส่วนมังกรคบเพลิงโง่เขลานั่นก็ราวกับหายไปแล้ว
…
ความเงียบเข้าปกคลุม ได้ยินเพียงเสียงข้าวต้มงูที่กำลังเดือด ปุดๆ แม้แต่เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตะลึงจนจับลูกหนูของเขาไว้แน่น
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงส่งเสียงร้องอย่างสนุกสนานขึ้นมา “อ้ะเนะเนะ!” สนุกจังเลย
“!” ลูกหนูตัวนั้นมองเยี่ยนอวี๋อย่างเกรงกลัว พลางคิดในใจว่า ศึกนี้คงไม่ใช่แม่นางคนงามเป็นผู้ลงมือหรอกกระมัง
หากใช่ เช่นนั้นมันก็กลัวว่าหากตกอยู่ในกำมือของยักษิณีรูปงามตนนี้ มันจะทำอะไรได้อีก ต้าซือมิ่งเจ้าเวรนั่น เขาหลอกลวงข้า! จิ๊ด…
ลูกหนูอยากจะร้องไห้แล้ว!
เยี่ยนเสี่ยวเป่าตื่นเต้นจนปล่อยลูกหนูออกจากมือ เขาซบเข้าไปในอกของท่านแม่เขาแล้วส่งเสียงร้องไม่หยุด ท่านแม่เอาอีก! สนุกจังเลย!
เยี่ยนอวี๋จึงอุ้มเด็กน้อยที่กำลังตื่นตาตื่นใจขึ้นมา พูดเบี่ยงเบนความสนใจว่า “ข้าวต้มงูจะเสร็จแล้ว”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเบนความสนใจไปทันที เขามองไปที่ข้าวต้มงูที่ถูกเคี่ยวจนหนืดที่อยู่ไม่ไกลออกไป ได้กลิ่นหอมเย้ายวนที่โชยออกมา ท้องน้อยๆ ของเขาก็อดร้องขึ้นไม่ได้
“อ้ะเนะเนะ!” เสี่ยวเป่าบอกว่า เขาอยากทานข้าวแล้ว!
เยี่ยนอวี๋จึงดับไฟ ตักข้าวต้มงูให้ถ้วยหนึ่งแล้วจึงป้อนเด็กน้อยอย่างไม่รีบร้อน
ทำเอาพวกอินหลิวเฟิงที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามมองเยี่ยนอวี๋แม่ลูกด้วยมุมปากกระตุก ทว่าอินหลิวเฟิงยังคงอดถามขึ้นไม่ได้ “ก็คือ ทั้งหมดนี้คือฝีมือของกูไหน่ไนหรือ”
“มิใช่หรอก ในเมื่อข้าได้รับการสืบทอดส่วนหนึ่งของตำหนักไท่ชาง ก่อนตำหนักไท่ชางจะสลายไป ย่อมแปรเปลี่ยนเป็นม่านอาคมเพื่อปกป้องข้า ส่วนมังกรคบเพลิงคือวิญญาณพิทักษ์ตำหนักไท่ชาง ย่อมต้องยืนฝั่งข้า” เยี่ยนอวี๋อธิบาย
ทว่าอินหลิวเฟิงไม่ค่อยเชื่อนัก แต่เมื่อเขาคิดดูอีกครั้งก็คิดว่า ถึงแม้คุณหนูใหญ่เยี่ยนคนนี้มีพรสวรรค์และยังได้รับสืบทอดจากตำหนักไท่ชางก็คงยังไม่มีความสามารถที่จะรับมือกับสัตว์ร้ายต้าฮวงมากมายเช่นนี้ภายในระยะเวลาอันสั้นได้ ดังนั้นเขาจึงเชื่อนางก็ได้
ส่วนกู้หยวนหมิงไม่ลังเลที่จะเชื่อหมดใจ “เช่นนี้นี่เอง แท้จริงแล้วคือพลังที่หลงเหลือของตำหนักไท่ชาง”
ต้าซือมิ่งราชสำนักท่านหนึ่งที่ยืนมองอยู่บนที่สูงกลับมองแม่ลูกตัวเล็กคู่นั้นอย่างสนใจ “เยี่ยน จื่ออวี๋หรือ”
เนื่องจากความพิเศษของเจ้าก้อนน้อยมอมแมมนั่น บัดนี้ต้าซือมิ่งท่านนี้จึงอยู่ห่างไกลจากพื้นดินมาก นอกจากนี้ เขากลัวว่าหลังจากก้อนน้อยตื่นแล้วจะร้องให้ เขายัง…