บทที่ 757 กระอักระอ่วนแล้ว
ดังนั้นหวงซื่อซินจึงกลับคำพูดทันใด “เถ้าแก่ว่าน ผมว่าคุณไปหาขายกับคนอื่นเถอะ ของคุณภาพแย่แบบนี้ ธุรกิจอัญมณีของพวกเราเกรงว่าจะรับไว้ไม่ได้”
ว่านเฮ่ออวิ๋นร้อนรนแล้ว “อะ…อะไรกัน เถ้าแก่หวง ก่อนหน้านี้พวกเราตกลงกันแล้วแท้ๆ…นอกจากนี้ผมยังลดให้ตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์…”
โหวเม่าเฟิงแค่นเสียงหยัน “เหอะ ว่านเฮ่ออวิ๋น ของระดับขยะของนาย อย่าว่าแต่ลดสามสิบเปอร์เซ็นต์เลย ต่อให้จะให้ฟรีๆ ก็คงไม่มีใครกล้ารับไว้ เดี๋ยวจะติดความซวยเอา!”
ว่านเฮ่ออวิ๋นที่ทำตัวพินอบพิเนามาตั้งแต่แรกได้ยินก็ตัวสั่นเทิ้ม “โหวเม่าเฟิง! แกคิดจะทำอะไรกันแน่?”
โหวเม่าเฟิงก็ไม่ได้กริ่งเกรงว่ามีคนจำนวนมากอยู่ด้วย พูดด้วยท่าทีหยิ่งยโสว่า “ว่านเฮ่ออวิ๋น ฉันบอกไปตั้งแต่แรกแล้ว ขอแค่ฉันโหวเม่าเฟิงยังอยู่ หอหลินหลางของแกก็อย่าคิดจะขายหยกดิบออกสักก้อนหนึ่งเลย!”
ว่านเฮ่ออวิ๋นกำหมัดแน่น “โหวเม่าเฟิง อย่ามาข่มเหงกันเกินไป!”
โหวเม่าเฟิงได้ยินก็หัวเราะ “อ้าว ฉันข่มเหงแกหรอกเหรอ แล้วแกจะทำอะไรฉันได้? ถ้าแกยอมลดราคาสักเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์จริงๆ ฉันอาจจะพิจารณารับขยะของแกไว้ได้ ไม่อย่างนั้น…ฉันอยากเห็นนักว่าในเมือง H จะมีใครกล้ารับหยกดิบของแกไป!”
เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ แตกต่างอะไรจากการให้ฟรี! นี่มันตีชิงตามไฟชัดๆ!
พนักงานของหอหลินหลางโมโหจนสองตาแดงก่ำ “เถ้าแก่โหว อย่ามาล้ำเส้นนะ! ตอนแรกคุณ…”
ว่านเฮ่ออวิ๋นสูดลมหายใจลึก ตัดบทของพนักงานในร้าน “ไม่ต้องพูดแล้ว ไปเถอะ…”
อยู่ต่อไปมีแต่จะอับอายเปล่าๆ
พนักงานมีใบหน้าขุ่นแค้น “แล้วของพวกนี้เราจะทำยังไงดีครับ ถ้าขายไม่ออก ร้านพวกเราต้องปิดตัวจริงๆ แล้วนะครับ…”
สืออีมองสถานการณ์ที่ห่างออกไปไม่ไกล ส่ายหน้าบอกว่า “โหวเม่าเฟิงคนนี้เจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ ว่านเฮ่ออวิ๋นโชคร้ายมากเลย!”
ทันใดนั้น เยี่ยหวันหวั่นที่นั่งจิบชาอย่างเยือกเย็นอยู่ด้านข้างมาโดยตลอดเห็นถึงตรงนี้ก็ลุกขึ้นโดยไม่ส่งเสียง
“คุณหนูหวันหวั่น…” สืออีไม่รู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นคิดทำอะไร มองด้วยสีหน้าท่าทางสงสัย
เยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้น ร้องเรียกว่านเฮ่ออวิ๋นที่กำลังจะพาพนักงานร้านออกไปไว้ “เถ้าแก่ อย่าเพิ่งไปค่ะ!”
ว่านเฮ่ออวิ๋นหันมาอย่างเหม่อลอย “คุณหนูมีอะไรเหรอครับ?”
เยี่ยหวันหวั่นมองชายวัยกลางคนที่สติหลุดลอยตรงหน้า “หอหลินหลาง ว่านเฮ่ออวิ๋น เถ้าแก่ว่าน?”
ว่านเฮ่ออวิ๋นตอบรับ “ใช่ครับ ไม่ทราบว่าคุณหนูจะชี้แนะอะไรเหรอครับ?”
เยี่ยหวันหวั่นแย้มยิ้ม “ชี้แนะไม่กล้าหรอกค่ะ แค่อยากจะคุยธุรกิจกับเถ้าแก่ว่านเท่านั้น”
ว่านเฮ่ออวิ๋นมีสีหน้างงงวย คล้ายตอบสนองไม่ทัน “คุย…ธุรกิจ? คุณหนู คุณอยากซื้อ…หยกดิบของผมเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “ถูกต้อง”
สีหน้าของว่านเฮ่ออวิ๋นประหลาดใจกว่าเดิม
หรือว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เชื่อมั่นในตัวเองมาก?
หยกดิบหลายก้อนที่หลายปีมานี้เขาขายไม่ออก ส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวที่มีความอยากรู้อยากเห็นมาซื้อไป
ว่านเฮ่ออวิ๋นรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าเยี่ยหวันหวั่นก็เป็นเช่นนี้
ตอนนี้เงินทุนในร้านมีไม่พออีกแล้ว หากขายได้สักก้อนก็ขายๆ ไปเถอะ…
“คุณหนูต้องการก้อนไหน เลือกได้เลยครับ…” ว่านเฮ่ออวิ๋นส่งสัญญาณให้พนักงานหยุดรถเข็น จากนั้นก็พูดขึ้น
แม้จะเป็นการซื้อขายหยกดิบแค่ก้อนเดียว เขาก็ยังแสดงท่าทีจริงจัง
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแล้วจึงโน้มตัวลงมองหยกดิบทีละก้อนๆ
หลังจากมองดูทุกก้อนแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็ลำบากใจเมื่อค้นพบว่าเธอเลือกไม่ถูก
เธอจำได้ ในชาติก่อนโหวเม่าเฟิงซื้อหยกดิบของหอหลินหลางไปในราคาที่ต่ำมาก สุดท้ายหยกดิบล็อตนั้น กลายเป็นชนิดบ่อเก่าเนื้อแก้วสีเขียวจักรพรรดิระดับเก็บสะสม สร้างความตกตะลึงให้แก่ทั้งวงการอัญมณีในตอนนั้น
——————————————————
บทที่ 758 มีจอมมารหนุนหลัง
ต่อมา ว่านเฮ่ออวิ๋นรับความกระทบกระเทือนทางจิตใจนี้ไม่ได้ จึงกระโดดตึกฆ่าตัวตาย…
ในพม่ามีนักพนันฆ่าตัวตายทุกวัน การฆ่าตัวตายของว่านเฮ่ออวิ๋นไม่ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไร มีแต่หยกดิบระดับท็อปสีเขียวจักรพรรดิก้อนนั้นที่กระจายไปทั่ววงการอัญมณี แต่ว่าเงินและชื่อเสียงทั้งหลายตกเป็นของโหวเม่าเฟิง…
สถานการณ์ในตอนนี้คือ เยี่ยหวันหวั่นรู้ว่าในหยกดิบกองนี้มีหยกดิบที่เป็นเจไดต์ระดับท็อปก้อนนั้นอยู่ แต่ปัญหาก็คือเธอไม่รู้ว่าเป็นหยกดิบก้อนไหนกันแน่…
อืม กระอักกระอ่วนแท้ๆ…
เยี่ยหวันหวั่นใช้ระดับคณิตศาสตร์ที่ย่ำแย่ของเธอคิดคำนวณ ในเมื่อเธอไม่รู้ว่าเจไดต์สีเขียวจักรพรรดิอยู่ในหินก้อนไหน อย่างนั้นก็เหมาหมดเลยแล้วกัน
สรุปคือไม่ขาดทุนแน่!
พูดถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นกวาดมองหยกดิบก้อนเล็กใหญ่บนรถเข็นคันนั้นก่อนจะบอก “ฉันขอเหมาหยกดิบพวกนี้”
ว่านเฮ่ออวิ๋นงงงันทันที “อะ…อะไรนะครับ? คุณหนูจะซื้อ…ซื้อหยกดิบของผม? หมดเลยเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “ถูกต้อง”
พอได้ยินคำสนทนาของเยี่ยหวันหวั่นกับว่านเฮ่ออวิ๋น ไม่เพียงแต่ตัวว่านเฮ่ออวิ๋นที่ตกตะลึงเท่านั้น แทบทุกคนที่มุงดูอยู่แทบคิดว่าเธอบ้าไปแล้ว
“มีคนซื้อหยกดิบของหอหลินหลางเหรอเนี่ย แถมยังเหมาหมดอีกต่างหาก!”
“สุดสวยคนนี้ใจกล้าจริงๆ!”
“ฉันว่าสมองกลวงมากกว่า! วันนี้ได้เห็นแล้วว่าอะไรคือคนโง่ที่มีเงิน!”
…
พวกผู้เชี่ยวชาญของตระกูลซือมีสีหน้าเหลือเชื่อ ตอนนี้พากันโมโหขึ้นมา
“หอหลินหลางเป็นร้านเล็กๆ ที่จะเจ๊งมิเจ๊งแหล่ นอกจากนี้ยังไม่เคยมีหยกดิบที่ได้มาตรฐานมาตลอดสามปีนะ!”
อีกสองคนทำหน้าสื่อว่าเยี่ยหวันหวั่นหมดหนทางช่วยเหลือแล้ว “ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วเหรอไง ปฏิเสธหยกดิบระดับท็อปของร้านฮุ่ยชุ่ย แต่กลับไปซื้อขยะกองหนึ่งเนี่ยนะ? รองผู้อำนวยการเซวีย ตอนนี้จะทำยังไงกันดี คุณรีบบอกมาเถอะ!”
เซวียลี่ก็มีสีหน้าโกรธเคืองเช่นกัน “เหลวไหลทั้งเพ!”
โหวเม่าเฟิงมองไปทางเซวียลี่อย่างเยาะเย้ย “ดันปล่อยให้คนแบบนี้มายุ่งเรื่องในบริษัท ตระกูลซือตอนนี้…เหอะๆ…”
ขณะฟังคำพูดเหน็บแนมของโหวเม่าเฟิง ใบหน้าของเซวียลี่เหมือนกับมีไฟลุกขึ้นมา
เยี่ยหวันหวั่นไม่เพียงแต่ก่อเรื่อง ยังทำให้ทั้งตระกูลซือเสียหน้าด้วย!
เยี่ยหวันหวั่นไม่สนใจคำพูดวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงรอบๆ สุ่มหยิบหยกดิบก้อนหนึ่งขึ้นมาลูบๆ จากนั้นถามว่า “เถ้าแก่ว่านขายไหมคะ?”
ว่านเฮ่ออวิ๋นเผยสีหน้าลำบากใจ มองไปยังทิศทางของโหวเม่าเฟิงอย่างหวั่นเกรง สุดท้ายก็เอ่ยว่า “คุณหนูท่านนี้ ขอบคุณเจตนาดีของคุณนะครับ แต่ว่าช่างเถอะครับ อย่าหาเรื่องให้ตัวเองเลย…”
เมื่อกี้โหวเม่าเฟิงประกาศไปแล้ว ไม่อนุญาตให้ใครซื้อหยกดิบของเขา
เขาไม่อยากเห็นว่าตัวเองทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย
คนที่ทำธุรกิจอัญมณีต้องเห็นแก่หน้าโหวเม่าเฟิง การล่วงเกินฝ่ายนั้นไม่มีประโยชน์อะไร
เยี่ยหวันหวั่นมองโหวเม่าเฟิงแวบหนึ่ง หัวเราะเอ่ยว่า “เหอะ คนอื่นไม่กล้าซื้อไม่ได้หมายความว่าฉันไม่กล้า เถ้าแก่ว่านวางใจเถอะ คนสนับสนุนของฉันแข็งแกร่งทีเดียว”
ถึงอย่างไรก็มีจอมมารหนุนหลังอยู่ เธอไม่มีอะไรต้องกลัว
ครั้งนี้เยี่ยหวันหวั่นถึงค่อยพบว่า บางครั้งชื่อของจอมมารก็มีประโยชน์มาก!
โหวเม่าเฟิงได้ยินแล้วสีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดโต้ตอบ
ต่อให้เยี่ยหวันหวั่นเป็นแค่คนรัก เบื้องหลังเธอกลับเป็นถึงตระกูลซือ ถ้าหากเธอสอดมือเข้ายุ่ง เขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้
บ้าจริงๆ ตอนแรกเขาคิดจะฉวยโอกาสตอนที่ว่านเฮ่ออวิ๋นไม่มีทางขายของล็อตนี้ออกไปได้กดราคาแล้วฮุบมา คิดไม่ถึงว่าจะถูกผู้หญิงคนนี้ทำเสียแผน…
เหอะ แต่ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง ขยะแบบนี้เขาไม่ได้ต้องการ แค่คิดจะเล่นงานว่านเฮ่ออวิ๋นเท่านั้น
……………………………………………………