ต้าซือมิ่งราชสำนักที่รู้ว่ามารดาของเจ้าก้อนมอมแมมจะมาจับตนเองก็เอ่ยเสียงเย้าแหย่ไปทางร่างงดงามที่หายตัวขึ้นมา “หากเจ้าจับข้าได้ ข้าย่อมคืนกระบี่ไท่ชางแก่เจ้า”
เสียงกระจ่างใสดุจสายพิณที่ดังมาแต่ไกลนี้ อันที่จริงแล้วไพเราะมาก อย่างน้อยเยี่ยนเสี่ยวเสี่ยวเป่าที่ได้ยินก็รู้สึกไพเราะจับใจจนเขาส่งเสียงร้องออกมาไม่หยุด “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ”
พ่อรูปงาม! เสียงของพ่อรูปงาม! เพราะจังเลย!
“อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ!…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าส่งเสียงเร่งไม่หยุด ‘ท่านแม่รีบจับ! รีบจับเร็วเข้า!’
น่าเสียดายที่เยี่ยนอวี๋ไม่คิดว่าเสียงนี้ไพเราะเลย! นางรู้สึกเพียงว่าช่างระคายหูนัก ทว่าความว่องไวของนางที่หายวับไปมาในหมู่เมฆก็เป็นไปตามที่เจ้าตัวน้อยต้องการ
“คล่องแคล่วไม่ธรรมดา” ต้าซือมิ่งที่หายตัวไปไกลจนมั่นใจว่าไม่ถูกจับแล้วยังคงเอ่ยเย้าแหย่แม่นางเยี่ยน
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางสัญญาว่าหากนางจับเจ้าคนบัดซบนั่นได้เมื่อไร นางจะต้องทำให้เขา…
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับขัดความคิดของท่านแม่ของเขาด้วยความตื่นเต้นดีใจ เขาตะเกียกตะกายออกจากอ้อมอกของท่านแม่ “อ้ะเนะเนะ!” ท่านพ่อรูปงามรับเสี่ยวเป่าไว้สิ!
เยี่ยนอวี๋ตกใจกับความซุกซนของเด็กน้อย นางรีบอุ้มเด็กน้อยที่เกือบจะหลุดมือไปไว้แน่น นางจึงต้องหยุดอยู่กลางอากาศ ไม่ได้ไล่ตามต่อไป
ต้าซือมิ่งราชสำนักก็หยุดลงในที่ๆ ไกลออกไป ด้วยสายตาของเขา แม้จะมองเห็นหน้าตาของสองแม่ลูกไม่ชัด แต่ก็สามารถเห็นความเคลื่อนไหวและโครงร่างของแม่ลูกคู่นี้
ทว่าเยี่ยนอวี๋และเยี่ยนเสี่ยวเป่ามองไม่เห็นต้าซือมิ่งราชสำนักที่แอบอยู่ในหมู่เมฆ พวกเขารับรู้ผ่านกลิ่นอายสัมผัสเท่านั้น
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ส่งเสียงขึ้นอีกครั้ง เขาหวังให้ท่าพ่อของเขาออกมาอุ้มเขา
เยี่ยนอวี๋กลับลูบศีรษะน้อยๆ ของเด็กน้อย นางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามอย่างเยือกเย็นว่า “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
“?” ต้าซือมิ่งที่ถูกถามไม่ได้ตอบ เขาเองก็คิดไม่ออกว่าเหตุใดเขาต้องเย้าแหย่มารดาของเจ้าก้อนมอมแมมด้วย… อ้อ เป็นเพราะนางพูดเองว่าจะจับเขา เขาจึงกำลังให้โอกาสนางอยู่
“ไม่พูดรึ” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้ว “เจ้ายังอยู่หรือไม่” หรือว่าหนีไปไกลแล้ว?
“อ้ะ!” อ้ะเนะเนะ… เยี่ยนเสี่ยวเป่าต้องการบอกท่านแม่ของเขาว่า พ่อรูปงามยังอยู่! อยู่ไกลมาก รีบไล่ตามสิ!
ทว่าเยี่ยนอวี๋ฟังไม่รู้เรื่อง เมื่อไม่มีเสียงตอบรับเป็นเวลานานและไม่สามารถสัมผัสกลิ่นอายของคนคนนั้นได้อีก นางจึงอุ้มเด็กน้อยไว้แน่น ก่อนจะหายตัวกลับลงไปที่สำนักชางอู๋
ถึงแม้นางตั้งใจไปจับคน แต่ก็ไม่ได้คาดหวังไว้มากนัก นางรู้ว่าฌานตนะตอนนี้ของฝ่ายตรงข้ามอยู่เหนือตน ดังนั้นจับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ส่วนกระบี่ไท่ชางนั้น นางก็ไม่ ‘ติดใจ’ มากนัก สิ่งของของนางย่อมเป็นของของนางอยู่วันยันค่ำ ใครก็เอาไปไม่ได้
…
และการจากไปอย่างไม่ลังเลเช่นนี้ของเยี่ยนอวี๋กลับทำให้ต้าซือมิ่งที่เพิ่งคิดเรื่องราวทั้งหมดขึ้นได้รู้สึกหมดสนุก “ยอมแพ้แล้วหรือ ไม่ไล่ตามอีกเสียหน่อยหรือ”
เขากลับไม่ลองคิดเลยว่านิสัยของเยี่ยนอวี๋เป็นอย่างไร นางไม่ปล่อยให้คนอื่นกลั่นแกล้งเช่นนี้หรอก เมื่อนางพบว่าไม่สามารถไล่ตามได้แล้ว นางย่อมไม่ดึงดันให้เสียแรงเปล่า
ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับไม่ยินดีในความเด็ดเดี่ยวของเยี่ยนอวี๋ หลังจากที่ท่านแม่ของเขาถึงพื้นแล้ว เขาก็งุนงงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะดิ้นขึ้นมา “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ”
ครั้งนี้เยี่ยนอวี๋เข้าใจเด็กน้อย นางจึงจูบเด็กน้อยพลางปลอบว่า “เสี่ยวเป่าอย่าใจร้อน ไม่ใช่แม่ไม่จับ แต่แม่จับไม่ได้ รอให้แม่เก่งกว่านี้แล้วค่อยพาเจ้าไปจับ ดีหรือไม่จ๊ะ”
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าหยุดดิ้น จากนั้นก็มองไปที่ท่านแม่ของเขาพร้องส่งเสียงร้องเสียใจ “อ้ะเนะเนะ? อ้ะเนะเนะ…” แล้วเหตุใดท่านพ่อต้องหนี เขาขี้ขลาดหรือ เขากลัวหรือ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เยี่ยนเสี่ยวเป่าพลันทำหน้ามุ่ยด้วยความโมโห “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ อ้ะเนะเนะ!” เป็นเพราะท่านลุงอินทั้งนั้น! เขาทำให้พ่อรูปงามตกใจกลัว พ่อรูปงามไม่กล้าออกมาเจอผู้คนแล้ว!
เมื่อเยี่ยนอวี๋เห็นว่าเด็กน้อยโมโหเช่นนี้ นางก็ทึกทักไปเองว่าเด็กน้อยอยากจะกระทืบต้าซือมิ่งคนนั้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย นางจึงปลอบเขา “รอแม่จับเขาได้ แม่จะปล่อยให้เสี่ยวเป่าเตะตีตามอำเภอใจเลย”
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่เข้าใจ
เยี่ยนอวี๋กลับคิดว่าเด็กน้อยกำลังถามว่าเมื่อไร นางจึงตอบว่า “ใกล้แล้วล่ะ”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็พูดอย่างดีใจ “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” เช่นนั้นรีบไปจับสิ เสี่ยวเป่าไม่ตี เสี่ยวเป่าจะให้พ่อรูปงามอุ้ม
แม่ลูกคู่นี้ที่เห็นพ้องต้องกันกลับไม่รู้ว่า ‘ตัวเอก’ ที่ถูกกล่าวถึงกำลังเผยรอยยิ้มจางๆ กลางอวกาศ “เมื่อข้าใช้กระบี่ไท่ชางเสร็จแล้ว ข้าจะยอมให้ ‘จับ’ ได้สักครั้ง”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ต้าซือมิ่งก็กางม่านพลังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะนำกระบี่ไท่ชางออกมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอดใจรอไม่ไหว เขาอยากรู้ว่าหลังจากแม่ลูกคู่นี้จับเขาได้แล้วจะทำอะไร
หารู้ไม่ว่า สิ่งที่แม่ลูกทำได้มีมากถมไป และเขาในเวลานี้… ก็กลายเป็นเรื่องภายหลังแล้ว เยี่ยนอวี๋ในตอนนี้ลืมเรื่องต้าซือมิ่งราชสำนักไปแล้ว นางที่ถูกสู่เจิ้งแห่งสำนักหมอหลวงฝากตัวเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการในขณะนี้กำลังยุ่งมาก
“ท่านอาจารย์ โปรดรับการคารวะของศิษย์” แม้สู่เจิ้งสำนักหมอหลวงจะมีอายุมากเพียงนี้แล้ว ทว่าก็ไม่ลืมพิธีกราบอาจารย์ฝากตัวเป็นศิษย์อย่างเปิดเผย ไม่คลุมเครือแม้แต่น้อย
ส่วนเยี่ยนอวี๋ที่ถูกคารวะ นางก็ทำตัวปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าคนสำนักชางอู๋ในตำหนักที่ได้เป็นพยาน อินหลิวเฟิงและกู้หยวนหมิงที่ทราบข่าว พวกเขาต่างก็ตะลึงงันกันไปหมด…
“นี่… นี่มันเป็นเรื่องจริงหรือ!” อินหลิวเฟิงขยี้ตาดูอีกครั้ง กลับยังคงไม่สามารถเชื่อสิ่งที่ตนเองเห็น กระทั่งเขาสงสัยว่าใต้เท้าสู่เจิ้งที่เขาเห็นท่านนี้เป็นตัวปลอมหรือไม่!
แต่มาดชนชั้นสูงของสู่เจิ้งแห่งสำนักหมอหลวงท่านนี้ ความนอบน้อมถ่อมตนและใจกว้างดั่งมหาสมุทรของเขาก็คอยย้ำเตือนอินหลิวเฟิงว่าคนๆ นี้ไม่ใช่ตัวปลอมแน่ เขาเป็นตัวจริง!
ดังนั้น… เมื่อสู่เจิ้งแห่งสำนักหมอหลวงฝากตัวเป็นศิษย์แล้ว ทันใดนั้นอินหลิวเฟิงก็คุกเข่าลงพูดว่า “คุณหนูใหญ่เยี่ยน ความจริงแล้วเหล่านักบวชในโยวตูของข้าคาดการณ์ว่า โยวตูจะเผชิญมหาอุทกภัยเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อาจจะกระทบถึงเมืองหลวง กระทั่งทั้งแผ่นดินต้าซย่า! บัดนี้ผ่านพ้นฤดูหนาวไปครึ่งทางแล้ว ฤดูใบไม้ผลิกำลังเข้ามา โยวตูของข้ายังคงหาวิธีป้องกันเรื่องนี้มิได้ เมืองหลวงก็ไม่สนใจ หลิวเฟิงจึงอยากจะร้องขอท่านปราชน์มหาสำนักเยี่ยนได้โปรดช่วยเหลือโยวตูของข้า แม้จะผ่านไปดูสักเล็กน้อยก็ดีมากแล้ว”