ตอนที่ 298 ต้าซือมิ่งปลงพระชนม์หยวนคังฮ่องเต้!
“ซย่าโหวกุ่ย” เสียงไพเราะดั่งพิณของหรงอี้กังวานในอากาศอย่างสง่างาม “เจ้าท้าทายข้าครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้ข้าจะลงโทษเจ้าด้วยอำนาจศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพ”
“เจ้า…” หยวนคังฮ่องเต้กำลังจะตวาดด้วยความโกรธ “เจ้ากล้าหรือ!”
หรงอี้สะบัดแขนเสื้อ แดนเทพก็ปิดดัง ปัง พลังศักดิ์สิทธิ์ทับถมฟาดลงไปที่หยวนคังฮ่องเต้! ทุกคนในห้องโถงขวัญเสีย หลายคนส่งเสียงเซ็งแซ่ หน้าซีดกันหมด เพราะนี่มันคือการปลิดชีพกษัตริย์เชียวนะ!
นี่มัน…
ครืนนน…
พลังแดนเทพอันน่าสะพรึงฟาดลงไปที่บัลลังก์มังกรจนหักเป็นสองท่อน ห้องโถงพังทลายลงในทันใด แม้แต่ตำหนักรอบข้างก็ถูกสะเทือนจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
“เชี่ย!”
“ช่วยด้วย…”
ผู้สูงศักดิ์ไม่น้อยของเมืองหลวงต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก คิดว่าตนเองคงมีชีวิตอยู่ไม่เกินวันนี้แล้ว ทว่าเห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดมากเกินไป เพราะว่ามีแสงสีม่วงที่แม้จะจางแต่ก็เจิดจ้าปกป้องพวกเขาไว้แล้ว
ต้าซือมิ่งไม่ปล่อยให้พยานผู้รู้เห็นในวันนี้จากไปง่ายๆ สิ่งที่เขาต้องการก็คือการที่คนเหล่านี้จะนำสิ่งที่ได้พบได้ยินในวันนี้บอกแก่ใต้หล้า เขาจึงต้องปกป้องพวกเขาไว้
ส่วนฮ่องเต้ที่ถูกสายฟ้าผ่านั้น…
อั่ก!
ถึงแม้หยวนคังฮ่องเต้จะมีความสามารถไม่ธรรมดา แต่หลังจากที่ต้านทานพลังศักดิ์สิทธิ์แล้วย่อมกระอักเลือดเป็นธรรมดา! ทว่าเขายังไม่สิ้นพระชนม์ เพียงเท่านี้ก็ยืนยันได้แล้วว่าเขาแกร่งมากจริงๆ
วิ้ง!
วิ้ง!…
อักษรแสงสีทองระยิบระยับวนอยู่รอบกายหยวนคังฮ่องเต้ เยี่ยนอวี๋จำได้ว่าอักษรเหล่านี้ก็คืออักษรที่ปรากฏขึ้นบนกล่องใบนั้นในครานั้น
ทว่าเห็นได้ชัดว่าอักษรที่อยู่รอบกายของหยวนคังฮ่องเต้แข็งแกร่งกว่ามาก เพราะพวกมันมาจากสายเลือดของหยวนคังฮ่องเต้ ทำเอาเยี่ยนอวี๋อดกะพริบตาไม่ได้
“ฝ่าบาท!”
“ฝ่าบาท!…” เหล่าผู้แข็งแกร่งราชสำนักจำนวนไม่น้อยหายวับไปปกป้องหยวนคังฮ่องเต้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหอซงก็รีบขึ้นไปถวายโอสถแก่หยวนคังฮ่องเต้
กู้หยวนซูกลับหายวับไปในฝูงชนตั้งนานแล้ว นางกลัวว่าตนจะถูกหยวนคังฮ่องเต้จับไปรับโทษแทนเขา! นางเชื่อว่าหยวนคังฮ่องเต้ผู้เหี้ยมเกรียมนี้จะต้องทำเช่นนี้แน่นอน
ในความเป็นจริง หากไม่ใช่เพราะนางหนีไปก่อน และการโจมตีของต้าซือมิ่งไม่เร็วเช่นนี้ หยวนคังฮ่องเต้ก็จะดึงนางมารับเคราะห์ครั้งนี้แทนเขาจริงๆ
ซี๊ด!
“สุดยอด!…” คนในห้องโถงต่างแหงนมองหยวนคังฮ่องเต้อย่างตะลึง ไม่คิดว่าสายฟ้าอันน่าสะพรึงเมื่อครู่นี้จะไม่สามารถทำให้เขาสิ้นชีพได้
อินสวินอี้และอินหลิวเฟิงกลับต่างจากผู้อื่นที่ทอดถอนใจ พวกเขาที่ “อยู่เหนือผู้คน” มาโดยตลอดก็แสดงนัยน์ตาเคร่งขรึม สีหน้าเคร่งเครียด
เพราะว่าพลังที่หยวนคังฮ่องเต้ระเบิดออกมาแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาสืบมากว่าสิบเท่า! และที่ผ่านมาไม่นานนี้ พวกเขายังเตรียมการลอบสังหารหยวนคังฮ่องเต้อยู่เลย อินสวินอี้มิกล้าคิดเลยว่าหากเหล่าผู้แข็งแกร่งที่แกร่งที่สุดในสำนักลอบสังหารหยวนคังฮ่องเต้จะเจอจุดจบอย่างไร โชคดีที่เขาเห็นฉากนี้ก่อน!
“อ้ะเนะ?” เสียงัวเงียของเจ้าตัวน้อยที่เพิ่งตื่นดังขึ้นท่ากลางห้องโถงที่มีบรรยากาศอึมครึม ทำเอาผู้คนไม่น้อยมองไปตามเสียงนั้น
แต่เด็กน้อยงุนงงมาก ตอนที่เขานอนเขายังอยู่ในรถม้า พอตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้ว่ามาโผล่ที่ไหน และยังมีคนมากมายเช่นนี้ด้วย? ท่านแม่ยังส่องแสงอยู่ด้วย!?
เจ้าตัวน้อยจึงยันตัวขึ้นมองท่านแม่ “แม!”
“จ๊ะ” เยี่ยนอวี๋ก็จูบศีรษะโล้นๆ ของเด็กน้อย เยี่ยนเสี่ยวเป่าหัวเราะชอบใจ เขาไม่สนใจเรื่องภายนอกเลย เขายังหันศีรษะไปเริ่มตามหาท่านพ่อแล้ว
ต้าซือมิ่งที่รู้จักเขาดีก็รับเขาเข้ามาในอ้อมอก ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “ตั้งแต่วันนี้ เจ้าก็จะไม่สามารถเปิดแดนเทพได้อีก เจ้าไม่คู่ควร”
อัก! หยวนคังฮ่องเต้ที่เพิ่งมีอาการดีขึ้นก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง!
เหอซงรีบเกลี้ยกล่อม “ฝ่าบาทอย่าโกรธา! พระวรกายพระองค์สำคัญที่สุด!” หากโมโหจนตายจริงๆ ก็จะเข้าทางต้าซือมิ่งพอดี ต้าซือมิ่งท่านนี้… แกร่งยิ่งกว่า!
ในขณะที่ทุกคนในโถงกำลังทอดถอนใจกับหยวนคังฮ่องเต้ พวกเขาย่อมรู้ดีว่าต้าซือมิ่งท่านนี้น่ากลัวกว่ามาก! นึกไม่ถึงเลยว่าเขาสามารถใช้พลังแดนเทพเป็นเครื่องมือลงโทษฝ่าบาทได้
ทว่าบางคนก็อดคิดไม่ได้ว่า ที่ต้าซือมิ่งแข็งแกร่งขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผสานพลังกับเทพธิดาด้วยหรือไม่ หรือว่าหยวนคังฮ่องเต้พูดถูก ในร่างกายของเทพธิดามีโอกาสที่จะกลายเป็นเทพอย่างสมบูรณ์?
แต่ไม่ว่าผู้อื่นจะคิดอย่างไร เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่หิวข้าวก็ส่งเสียงขึ้นอีกครั้ง “พ่อ” จ๊อกๆ…
“อืม” ต้าซือมิ่งลูบศีรษะเด็กน้อยเบาๆ เขานั่งลงบนพื้นก่อนจะนำซุปธัญพืชที่เตรียมไว้แต่แรกและยังอุ่นอยู่ออกมา และเริ่มป้อนให้เด็กน้อยทาน
ครานี้เองคนในโถงต่างสับสนงงงวย พวกเขาไม่สามารถเชื่อมโยงต้าซือมิ่งที่กำลังป้อนอาหารให้เด็กอย่างชำนาญท่านนี้กับต้าซือมิ่งที่ดูหมิ่นหยวนคังฮ่องเต้และอัญเชิญสวรรค์ลงโทษเมื่อครู่นี้ได้เลย
มันต่างกันเกินไปแล้ว…
แต่แล้วต้าซือมิ่งก็ยังเป็นต้าซือมิ่งที่อ่อนโยนและสง่า “วันข้างหน้า เมื่อข้าและคุณหนูใหญ่เยี่ยนแต่งงาน ทุกคนในที่อยู่ในเหตุการณ์วันนี้ต้องมาเข้าร่วม ห้ามขาดแม้แต่คนเดียว”
เฮือก…
คนขี้ขลาดบางคนแทบจะร้องไห้แล้ว! พวกเขาอยากถามจริงๆ ว่าขอหายตัวไปยามนี้ทันหรือไม่ ทว่าต้าซือมิ่งก็เอ่ยต่อไปว่า “ซย่าโหวกุ่ย เจ้าก็ไม่เว้น”
เอื้อก! หยวนคังฮ่องเต้กระอักเลือดขนานใหญ่ออกมาอีกครั้ง หัวใจเขาสลายไปหมด สีหน้าก็ซีดเผือด ทำเอาเหอซงกังวลมาก โชคดีที่มีผู้แข็งแกร่งอาวุโสท่านหนึ่งกำลังถ่ายพลังของตนไปให้หยวนคังฮ่องเต้แล้ว มิเช่นนั้นทุกคนคงคิดว่าฝ่าบาทต้องสิ้นพระชนม์ในวันนี้แล้ว!
แต่หรงอี้รู้ดีว่าไม่ง่ายดายเช่นนั้น เขาสัมผัสได้ว่าซย่าโหวกุ่ยยังซ่อนไพ่ตายไว้ อีกทั้งยังรู้ว่าบัดนี้ยังคงไม่ยอมเผยออกมา ซึ่งก็ทำให้เขาประหลาดใจนัก
ทว่าครั้นหรงอี้จะลองทดสอบอีกครั้ง เสียงกล้าๆ กลัวๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากข้างนอก แต่ก็ทูลรายงานด้วยพลังเต็มเปี่ยมว่า “ฝ่าบาท ใต้เท้าอีจี้จิ่วสำนักศึกษาและศิษย์ของเขาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
เฮ้อ…
คนในโถงต่างลอบถอนหายใจโล่งอก อีจี้จิ่วมาได้ทันเวลาจริงๆ มิเช่นนั้นพวกเขาคงได้เป็นพยานเห็นฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้ว ถึงแม้ว่า… ก็เหมือนจะเป็นเรื่องดี?
คนในโถงที่จู่ๆ ตกอยู่ในความคิดก็ถูกเสียงแหลมสูงของเหอซงดึงสติกลับมา “เชิญเข้ามาเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!” คนที่อยู่นอกห้องโถงรีบไปเชิญเขาเข้ามาทันที
เยี่ยนจื่อเยี่ยและเยี่ยนจื่อเสาที่มาพร้อมอีจี้จิ่ว รวมถึงโหย่วฮู่ปั๋วและเฟิงจื่ออวิ๋นต่างก็ตกใจกับภาพพังพินาศตรงหน้า รู้สึกเหมือนกับว่าเพิ่งเกิดสงครามครั้งใหญ่ไปอย่างไรอย่างนั้น?!
เยี่ยนจื่อเยี่ยรีบสอดส่ายสายตาไปที่กลุ่มคน เมื่อเขาเห็นว่าน้องสาวและหลานชายน้อยของเขามิเป็นอะไร จึงถอนหายใจโล่งอก ก็เพราะเขากังวลว่างานเลี้ยงจะกลายเป็นงานอัปมงคล เขาจึงเชิญอาจารย์มาช่วยเหลือ
สุดท้ายแล้วงานเลี้ยงนี้ก็เป็นงานเลี้ยงอัปมงคลจริงๆ ทว่าว่าที่น้องเขยของเขาก็ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะเขาสัมผัสได้ว่ารอบกายอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของต้าซือมิ่ง ส่วนฮ่องเต้ท่านนั้น เห็นได้ชัดว่าอาการไม่สู้ดีนัก
“อ้ะเนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ง่วนกับการทานข้าวก็ชี้ไปที่ข้างนอกพลางพูดเสียงอู้อี้ เขาอยากเรียกท่านลุงของเขา แต่กลับอดรับข้าวเข้าปากไม่ได้ ทำเอาเขาเกือบสำลัก
“กินดีๆ กลืนลงไปก่อนค่อยพูด” ต้าซือมิ่งที่รังเกียจซุปที่พ่นออกมาจากปากของเด็กน้อย เขาเช็ดปากให้เด็กน้อย ฝ่ายหลังก็ไม่พูดอะไรอีก เขาถูไถมือของท่านพ่อด้วยแก้มตุ้ยนุ้ยของตนเอง เห็นได้ชัดว่ากำลังขอร้องให้ท่านพ่อให้อภัยด้วยท่าทีออดอ้อนอย่างเป็นธรรมชาติ
เยี่ยนจื่อเยี่ยวางใจลง หลานชายน้อยยังร่าเริงเช่นนี้ ไม่มีอาการตกใจเลยด้วย แสดงว่าทุกอย่างปกติดี เขาจึงเดินตามอาจารย์ ‘เข้า’ ไปในโถง อืม… โถงที่เหลือเพียงพื้นอันแข็งแรง…
“คารวะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” อีจี้จิ่วที่มีหนังตาหย่อนคล้อย ร่างกายซูบผอมก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแฝงความนอบน้อมและถ่อมตนของปัญญาชน ราวกับสายลมอบอุ่นที่พัดผ่านในฤดูหนาว ทำให้ผู้คนได้ยินแล้วก็รู้สึกอบอุ่น
“อะ… เอะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเกือบจะเอ่ยปากอีกครั้งเพราะความสงสัย แต่เมื่อเขานึกถึงคำสั่งสอนของท่านพ่อได้ก็รีบเคี้ยวและกลืนข้าวในปากลงไปก่อน ไม่พูดแม้แต่คำเดียว และเบิกตามองใต้เท้าจี้จิ่วเป็นประกาย
“เยี่ยนจื่อเยี่ย เยี่ยนจื่อเสา…” เยี่ยนจื่อเยี่ยและที่เหลืออีกสามคนก็คารวะหยวนคังฮ่องเต้ ในฐานะที่ยังเป็นศิษย์ที่กำลังศึกษาอยู่ในสำนักศึกษา พวกเขามิจำเป็นต้องคุกเข่าถวายบังคมฮ่องเต้ ถึงแม้เยี่ยนจื่อเสาจะสำเร็จการศึกษาไปแล้ว แต่เขาก็ไม่อยากคุกเข่าให้
หยวนคังฮ่องเต้ยังคงตั้งสติไม่ได้ มิอาจเอ่ยคำใดออกมาได้ เหอซงจึงพูดแทน “ทุกท่านลุกขึ้นเถิด เชิญใต้เท้าอีดูอาการให้ฝ่าบาทด้วย เมื่อครู่นี้ฝ่าบาท…”
เหอซงไม่จำเป็นต้องพูดคำพูดที่เหลือ ทุกคนก็รู้ อีจี้จิ่วก็รู้ดี เขาเดินขึ้นไปตรวจดูอาการให้ฝ่าบาทแล้ว และยังนำยาน้ำที่บรรจุในขวดกระเบื้องออกมาแล้ว
หลังจากเหอซงลองชิมพิสูจน์แล้วไม่มีปัญหาจึงรีบป้อนให้หยวนคังฮ่องเต้ ฝ่ายหลังฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิม ผ่านไปไม่นานก็พูดได้แล้ว “ขอบใจท่านอี”
“ฝ่าบาทกล่าวเกินไปแล้ว” อีจี้จิ่วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ตอนมาเป็นเช่นใด บัดนี้ก็เป็นเช่นนั้น
ทว่าหยวนคังฮ่องเต้ที่ฟื้นตัวขึ้นแล้วก็ยังไม่ยอมแพ้ “สุภาพบุรุษตระกูลเยี่ยนสองท่านนี้คือพี่ชายของจื่ออวี๋ใช่หรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ” แววตาเยี่ยนจื่อเยี่ยมีแสงวาบผ่านนัยน์ตา เขาประสานมือขานตอบ เยี่ยนจื่อเสารู้สึกตงิดขึ้นมา
หยวนคังฮ่องเต้ก็กล่าวขึ้นว่า “พี่ชายก็เหมือนบิดา เราประสงค์แต่งตั้งน้องสาวของเจ้าเป็นฮองเฮา”
ซี๊ด!
ผู้คนไม่น้อยในโถงต่างคิดว่าหยวนคังฮ่องเต้คงสติฟั่นเฟือนไปแล้ว! ทว่าการกล่าวในยามนี้ช่างเป็นเวลาที่เหมาะเจาะ หากพี่ชายทั้งสองท่านของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนเป็นคนละโมบ เช่นนั้น…
“ขออภัย ขอบพระทัยในความรักใคร่ของฝ่าบาท แต่เสียดายที่ท่านพ่อของกระหม่อมตระเตรียมงานสมรสของน้องสาวและต้าซือมิ่งไว้แล้ว หนังสือหมั้นหมายก็จัดเตรียมเรียบร้อย งานหมั้นหมายก็กำหนดไว้แล้ว เชิญฝ่าบาทอ่าน”