ตอนที่ 304 กากเดนกากหมามะรุมมะตุ้ม!
หยางเซ่าเหิงยังคงมีสีหน้าขาวซีดและยังคงไม่ชอบแสงเจิดจ้าเท่าไรนัก แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมากแล้วหากเทียบกับก่อนหน้านี้
หากไม่ใช่เพราะประมุขหอโอสถเฉินซ่านมีความสามารถพอและยังมีสมุนไพรที่จำเป็นของราชสำนัก หยางเซ่าเหิงคงมิอาจปรากฏตัวอยู่ใต้แสงอาทิตย์เช่นวันนี้ได้แล้ว
เขาจ้องมองเยี่ยนอวี๋ด้วยความเคียดแค้น ทว่าผู้อาวุโสข้างกายเขาก็ปรามว่า “เจ้าสำนักน้อยอดทนไว้ สตรีนางนี้ไม่เพียงเกาะต้าซือมิ่งได้สำเร็จ นางยังมีชื่อเสียงไม่น้อยในเมืองหลวง ท่านอย่าผลีผลาม”
“ก็แค่เทพธิดาที่ว่ามิใช่รึ ข้าว่าฮ่องเต้คงหลงเมามายในตัณหา ยกนางเป็นผู้วิเศษเลิศเลอ” หยางเซ่าเหิงกลับรู้สึกว่าสตรีนางนี้ก็เป็นแค่คนต่ำช้าดั่งที่กุ้ยเฟยกู้กล่าว
“เจ้าสำนักน้อย อย่าจริงจังกับวาจาของกุ้ยเฟยกู้นักเลย ท่านอัครมหาเสนาบดีลิ่งเป็นผู้ประจักษ์ทุกสิ่ง ท่านเองก็เห็นว่าสตรีนางนี้ไม่ธรรมดา นางมีสายสัมพันธ์กับเทพยาดา ไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน” ผู้อาวุโสกล่าวอย่างพินิจพิเคราะห์
อันที่จริงหยางเซ่าเหิงก็รู้เรื่องนี้ดี เพียงแต่ความแค้นทำให้เขามิสามารถควบคุมตนเองได้ แต่ท้ายสุดเขาก็ยอมฟังแต่โดยดี ครั้นกำลังจะเก็บความแค้นเคืองนั้น…
“!”
สายตาอันคมกริบดั่งใบมีดของเยี่ยนจื่อเยี่ยพุ่งใส่หยางเซ่าเหิง ฝ่ายหลังนิ่งงันชั่วขณะ รอบกายแผ่ซ่านรัศมีอันทรงพลังออกมาด้วยสัญชาติญาณ!
แซ่ด!
อนุสติของทั้งสองปะทะกันจนแทบจะระเบิดออกเป็นประกายไฟ เหล่าสตรีฝึกฌานที่มามุงดูมองไม่เห็น แต่พวกนางต่างรู้สึกสั่นสะท้าน กลับไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
ทว่าเยี่ยนจื่อเยี่ยเพียงแค่สาดสายตามองหยางเซ่าเหิงแล้วก็เก็บสายตา เพราะว่าขบวนเยี่ยนชิงมาถึงประตูเมืองแล้ว เขาจึงเตรียมตัวลงไปรับแล้ว
“คนผู้นั้นคือใคร” หยางเซ่าเหิงรีบถามผู้อาวุโสข้างกายทันที
ผู้อาวุโสส่ายศีรษะเบาๆ ก่อนจะเรียกสายสืบเมืองหลวงคนหนึ่งมา หลังจากสอบถามแล้วจึงรู้ว่าชายคนนั้นคือเยี่ยนจื่อเยี่ย
“ฮึ!” หยางเซ่าเหิงยิ้มเย็นชา “หากไม่ใช่เพราะปีที่สำนักศึกษารับศิษย์เข้าเรียนข้าสำเร็จการศึกษาแล้ว เขาคงไม่มีทางเข้ามาได้”
“ย่อมใช่ แต่ได้ยินมาว่าเขาเป็นศิษย์รักของอีจี้จิ่ว ถือได้ว่ามีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา เจ้าสำนักน้อยระวังตัวด้วย แต่ว่า… ” เมื่อคิดถึงแผนการเหล่านั้นของสำนัก ผู้อาวุโสก็คิดว่า “บางทีคงไม่มีโอกาสตกถึงมือท่านเสียด้วยซ้ำ”
“น่าเสียดายจริงๆ” หยางเซ่าเหิงยิ้มเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขาก็รู้แผนการของสำนักดี
“ไปกันเถิด ขึ้นไปกันก่อน ธิดาศักดิ์สิทธิ์ปี้เหลียนแห่งลัทธิเซิ่งเหลียนจวนจะถึงแล้ว” ผู้อาวุโสกล่าว
หยางเซ่าเหิงจึงเดินขึ้นไปบนโรงเตี๊ยมใกล้ๆ ตามมาด้วยเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดมากมาย เขากลับขมวดคิ้วอย่างรำคาญ จึงรับเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในห้องพักขนาดใหญ่ที่จองไว้แต่แรกทันที
ในขณะเดียวกัน…
“ตา!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ายื่นมืออวบอ้วนของตนเองไปหาท่านตาของเขาแล้ว
เยี่ยนชิงรับหลานชายน้อยตัวอ้วนกลมเข้ามาทันที เขาหัวเราะเริงร่าพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเป่าคิดถึงตาหรือไม่”
“คิด!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าออกเสียงได้เป็นคำๆ แล้ว เสียงเล็กเสียงน้อยของเขาช่างน่ารักน่าชัง!
เยี่ยนชิงมีความสุขจนยิ้มตาหยี “ดีๆๆ เสี่ยวเป่าเก่งจริงๆ ตาก็คิดถึงเจ้าแล้ว คิดถึงมากๆ ด้วย และยังคิดถึงท่านแม่ของเจ้า มา! เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ให้พ่อกอดหน่อย”
“ท่านพ่อ” เยี่ยนอวี๋จะทำอย่างไรได้ นางได้แต่เดินไปกอดท่านพ่อเจ้าน้ำตาไว้ มิเช่นนั้นกลัวว่าเขาจะร้องไห้อยู่หน้าประตูเมืองอีก
เยี่ยนชิงจึงหัวเราะออกมาอย่างสำราญใจ “ฮ่าๆๆ…”
เมื่อเยี่ยนหงชวนที่มาพร้อมหลานเฒ่าเห็นฝ่ายหลังมีความสุขและได้รับการต้อนรับดีเช่นนี้ เขาก็อดใจไม่ไหว “มา เสี่ยวเป่าให้เทียดอุ้มหน่อย”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ายื่นมืออวบอ้วนออกไปทันที ก่อนจะขานเรียกเสียงเล็กเสียงน้อย “ถีด!”
เยี่ยนหงชวนที่รับเจ้าตัวน้อยมาก็ยิ้มอย่างมีความสุข “เจ้าตัวเล็ก คิดจะ ‘ถีบเทียด’ หรือ”
“ไม่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบอธิบาย “ถีด!”
“ถีบ?” เยี่ยนหงชวนหยอกถาม
เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้อนรน “ถีด!”
“อ๋อ เทียด?” เยี่ยนหงขวนยิ้มตาหยี
“ใช่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีอกดีใจ
เยี่ยนหงชวนก็หัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวเป่าลองพูดใหม่ซิ เทียดไม่ใช่ถีด”
“…ถีด?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยายามเปล่งคำว่าเทียดออกมาก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือจากท่านพ่อของเขา
ต้าซือมิ่งย่อมให้ความช่วยเหลือ “ท่านให้เวลาเสี่ยวเป่าหน่อยเถิดขอรับ เขาคิดว่าเขาต้องใช้เวลาเรียนรู้หน่อย”
“ใช่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายื่นมือไปหาท่านพ่อของเขาอย่างระรื่น ยังคงต้องการให้ท่านพ่อกอดๆ
เยี่ยนหงชวนก็มิได้รั้งเขาไว้ ครั้นกำลังยื่นเด็กน้อยออกไป กลับถูกเยี่ยนชิงแย่งไป “ตาอุ้มเอง!”
“เนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าถีบขากลางอากาศสองสามที “สูง!”
“หมายความว่าอะไร” เยี่ยนชิงไม่เข้าใจ
เยี่ยนอวี๋อธิบายว่า “เขาจะนั่งบนที่สูง ท่านพ่อของเขาให้เขานั่งบนไหล่ทุกวันเจ้าค่ะ”
“ตาก็ทำได้!” เยี่ยนชิงยกเสี่ยวเป่าขึ้นไปบนไหล่อย่างไม่ลังเล อีกทั้งยังให้หลานชายแยกขาออกเพื่อขี่คอของเขาอย่างเอาอกเอาใจ
“อ้ะๆๆ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีใจสุดขีด เขาจับผมของท่านตาด้วยความตื่นเต้น
“โอย! เสี่ยวเป่าไม่จับสิ” เยี่ยนชิงทำท่าจะห้ามปราม
แต่เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับพูดอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “ตา! ชอบ! ชอบ! ข้าชอบ!”
เยี่ยนชิงฟังประโยคนี้ออก รู้ว่าหลานชายจ้ำม่ำของเขาบอกว่าชอบเขา เขาจึงยอมปล่อยให้เจ้าตัวน้อยจับมวยผมที่หวีเป็นระเบียบของเขา
“ฮึ สมแล้วที่สำนักชางอู๋เป็นสำนักรั้งท้าย เป็นถึงเจ้าสำนัก แต่กลับไร้ซึ่งความน่าเกรงขามต่อหน้าเหล่าผู้คน! ช่างน่าขัน” เสียงประชดประชันของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังขบวนสำนักชางอู๋
เหล่าผู้คนน้อยใหญ่สำนักชางอู๋มองไปตามเสียงก็เห็นเหล่าศิษย์ลัทธิเซิ่งเหลียนที่แขวนเครื่องประดับสีเงินทั้งตัวและเกี้ยวปทุมที่มีศิษย์ตระกูลชือสิบสองนายกำลังหามแบกคันหนึ่ง
ในเกี้ยวที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีแดงก็มีสตรีงดงามนางหนึ่งนั่งอยู่ในนั้น เห็นได้ชัดว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ออกมาจากปากของสตรีนางนี้ นางยังกล่าวต่อไปว่า “สำนักชางอู๋จะทำตัวอับอายก็ช่างปะไร ขอเพียงอย่ามาขวางทางข้าก็พอ จงรู้ไว้ว่ามีเพียงสุนัขร้ายเท่านั้นที่ชอบขวางทาง!”
“คนต่ำช้าจากไหนกัน ปากเหม็นเช่นนี้!” เยี่ยนจื่อเสาโต้กลับไปอย่างไม่เกรงใจ “มีเพียงคนต่ำช้าที่ปากเหม็นเช่นนี้ ปัญญาชนไม่พูดจาเช่นนี้หรอก”
“เจ้า…” สตรีนางนั้นฉุนเฉียว เครื่องประดับสีเงินรอบกายนางส่งเสียงหึ่งแสบหู สะเทือนจนเหล่าศิษย์สำนักชางอู๋ที่อยู่ใกล้กับคนลัทธิเซิ่งเหลียนหูเกือบจะหนวก!
ทว่าเยี่ยนจื่อเสาก็ปัดมือปล่อยแสงสีขาวออกมาสยบเสียงเหล่านี้ลง “ความสามารถอ่อนด้อย อย่าทำให้ตนอับอายเลย!”
“หาเรื่องตายรึไง!” รอบกายสตรีงามปะทุเพลิงเดือด! เพลิงไฟปทุมในเพลิงเหล่านั้นยังพุ่งใส่เยี่ยนจื่อเสา ทั่วทั้งบริเวณร้อนระอุ
“ไสหัวไปซะ!” เยี่ยนจื่อเสาไม่เกรงกลัวใดๆ เขาทำลายสัญลักษณ์ปทุมเหล่านั้นด้วยพลังจิตใจอย่างช่ำชอง ก่อนจะจู่โจมสตรีนางนั้นกลับด้วยเสียงคำรามทุ้มต่ำ
กรรร…
เสียงคำรามแปรเปลี่ยนแสงสีขาวที่แต่เดิมกระจัดกระจายอยู่รอบกายศิษย์สำนักชางอู๋กลายเป็นกรงเล็บแหลมคม มันพุ่งโจมตีใส่สตรีงดงามผู้นั้น ทำให้ม่านโปร่งแสงที่คลุมเกี้ยวขาดกระจุย
ไม่เพียงเท่านี้…
“ไสหัวไปซะ!”
ท่าโจมตีกลับด้วยมุทราปทุมที่สตรีงามนางนั้นปล่อยออกมาแตกสลายในทันที! กรงเล็บแหลมคมที่เยี่ยนจื่อเสาแปลงออกมากลับทรงพลังเช่นเดิม อีกเพียงพริบตาก็จะฉีกสตรีงดงามนางนั้นเป็นชิ้นๆ แล้ว
“บังอาจนัก!”
หยางเซ่าเหิงที่เพิ่งสถิตออกมาจากในเมืองตวาดเสียงใส่ ทันใดนั้นก็ปรากฏภาพลวงเทพมารดรแห่งประจิมทิศ มันเข้าขวางกรงเล็บแหลมคมของเยี่ยนจื่อเสาไว้ได้
จากนั้น…
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!”
เยี่ยนจื่อเสากระโดดขึ้นกลางอากาศ รอบกายแผ่ซ่านพลังวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์และทรงพลังออกมา ไม่เพียงทำลายภาพลวงเทพมารดรแห่งประจิมทิศทิ้ง ยังทำให้กรงเล็บแหลมคมสีขาวของเขาแข็งแกร่งขึ้น
ไม่เพียงเท่านี้…
“เจ้าคนสารเลวบังอาจหยามสำนักของข้า! ไสหัวออกมา!” ครั้นเยี่ยนจื่อเสาตวาดด้วยความเกรี้ยวกราดหญิงงามในเกี้ยวก็ถูกสาดเทลงมาบนพื้น!
“บ้าเอ๊ย!”
“สุดยอด!”
“เขาคือใคร” กลุ่มคนที่มุงดูจนตาลายไปหมดต่างตกใจกับความเก่งกาจของเยี่ยนจื่อเสา ไม่คิดว่าเขาจะจู่โจมสตรีลัทธิเซิ่งเหลียนลงมาจากเกี้ยวได้ในขณะที่หลิงหยางจวินก็กำลังลงมือ!?
“บัดซบ!” ชือปี้เหลียน ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิเซิ่งเหลียนที่ล้มลงบนพื้นโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ รอบกายนางมีเพลิงไฟลุกโชน มีแนวโน้มจะเกิดสงครามครั้งใหญ่แล้ว!
แม้แต่หยางเซ่าเหิงก็ตวาดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เยี่ยนจื่อเสา! กล้าดียังไงมาขัดระเบียบเมืองหลวงก่อนพิธีแต่งตั้งเจ็ดสำนัก!”
“สุนัขบ้าที่ไหนกัน คู่ควรต่อการใช้คำว่าระเบียบเมืองหลวงด้วยรึ” เยี่ยนจื่อเยี่ยเดินออกมาจากกลุ่มศิษย์สำนักอย่างโอหัง รังสีอำมหิตดุจน้ำค้างแข็งสั่นสะท้าน
“เยี่ยนจื่อเยี่ย” หยางเซ่าเหิงมองเยี่ยนจื่อเยี่ย “หากไม่ใช่เพราะข้าออกจากสำนักศึกษาแล้ว คนเช่นเจ้าคงไม่มีทางเข้าเทียนเหมินได้”
“ฮึ! เสียดายที่เจ้าไม่อยู่ มิเช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าคุกเข่าต่อหน้าข้าในวันคัดเลือกเข้าเทียนเหมิน!” เยี่ยนจื่อเยี่ยนโต้ตอบอย่างเย็นชา มาดสง่างามดั่งต้นสนเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากเหล่าผู้คลั่งไคล้!
“มารดามันเถอะ! ท่านนี้คือเยี่ยนจื่อเยี่ย คนของสำนักชางอู๋หรือ หล่อจังเลย! เหมือนจะสู้หลิวหยางจวินได้ด้วยนะ!”
“นั่นน่ะสิ! ดูท่าทางสง่าน่าเกรงขามและมั่นคงนั่นสิ ช่างถูกใจข้าจริงๆ! ถูกใจข้ายิ่งนัก!” สตรีนักฝึกฌานไม่น้อยต่างเคลิบเคลิ้ม คิดในใจว่าการที่พวกนางมาเฝ้าคอยเหยื่อชั้นดีหน้าประตูเมืองในช่วงนี้ ช่างเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!
ดูบุรุษชั้นยอดเหล่านี้สิ ช่างเย้ายวนใจยิ่งนัก!
หยางเซ่าเหิงที่ถูก ‘เหยียบ’ โมโห “เยี่ยนจื่อเสา! วอนหาที่ตาย!”
“หยุดพล่ามเสียที เตรียมตัวตายซะเถอะ!” เยี่ยนจื่อเยี่ยไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขาอยากจะคิดบัญชีกับสำนักคุนอู๋ตั้งแต่ที่รู้ว่าสำนักคุณอู๋เล่นสกปรกอย่างไรแล้ว!
แปะๆ!