ตอนที่ 343 เสี่ยวเป่าสุดน่ารักออกโรง! ดาบใหญ่เม่ยเอ๋อร์ซัดดอกปทุม!
เหล่านักฝึกฌานที่คุยเล่นกันชะงัก เมื่อหันไปมองจึงพบว่าผู้ที่พูดจาพิสดารนั่นคือชือปี้เหลียน พวกเขาพากันเหน็บแนม “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ชือคงกำลังคิดว่าอย่างน้อยก็เป็นชู้กับเจ้าสำนักน้อยหยาง อย่างไรก็ไม่ถูกลอบฆ่าเช่นนั้นรึ”
“ดูไม่ออกเลยว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ชือท่านนี้จะรักเดียวใจเดียว ไม่เหมือนกับข่าวที่ลือกันเลย ก็อย่างว่า เจ้าสำนักน้อยหยางเทียบกับเหล่าผู้อาวุโสลัทธิเซิ่งเหลียนแล้ว อย่างไรเขาก็หนุ่มแน่นกว่า”
เหล่านักฝึกฌานยังเดาะลิ้น ทำเอาชือปี้เหลียนที่ถูกเยาะเย้ยหน้าดำหน้าแดง “พวกเจ้าสามหาวนัก!”
“แหม พวกข้าสามหาวกว่านี้ได้อีกขอรับ ธิดาศักดิ์สิทธิ์ชืออยากลองดูหรือไม่” บุรุษนักฝึกฌานผู้กล้าหาญคนหนึ่งกล่าวยั่วยุ “รับรองได้ว่าท่านจะพอใจ”
“บัดซบ!” ชือปี้เหลียนเลือดขึ้นหน้า นางไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะไม่เข้าพรรคเข้าพวกกับนางแล้ว พวกเขาควรจะกล่าวหาเยี่ยนอวี๋ด้วยกันกับนางมิใช่หรือ!
เสียดาย คนไร้สมองในบรรดาเหล่านักฝึกฌานนั้นมีน้อยนัก ไม่ใช่ทุกคนจะถูกชือปี้เหลียนชักจูงง่ายๆ อีกทั้งแต่ไหนแต่ไรมาคนในภาคคกลางก็ดูถูกเผ่าจิ่วหลีมาตลอด นักฝึกฌานจงหยวนก็เช่นกัน
ทว่าวิชาลับมากมายของลัทธิเซิ่งเหลียนก็ทำให้ผู้คนยำเกรงไม่น้อย เหล่านักฝึกฌานแต่ละสำนักก็เพียงพูดให้สะใจเท่านั้น พวกเขาไม่ได้หาเรื่องชือปี้เหลียนต่อ
แต่ชือปี้เหลียนยังคงโมโหมาก “ไอ้ผู้ชายสารเลว!”
“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ อย่าหาว่าพวกข้าปากเสียเลย แต่ท่านก็พูดเกินไปจริงๆ นะขอรับ” ศิษย์ลัทธิเซิ่งเหลียนทนดูต่อไปไม่ไหว ในสัญญาแต่เดิมที่พวกเขาทำกับสำนักคุนอู๋ก็ไม่ได้บอกว่าต้องพูดแทนสำนักคุนอู๋เสียหน่อย
ตามหลักแล้วลัทธิเซิ่งเหลียนพวกเขาควรจะเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างทุกปีที่ผ่านมาจนกว่าจะทำภารกิจสำเร็จ! แต่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้ของพวกเขาไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงคอยทำเรื่องงี่เง่าอยู่ร่ำไป
“ทำไมรึ เจ้าคิดจะสั่งสอนข้า?” ชือปี้เหลียนถามกลับอย่างดุดัน
“มิบังอาจขอรับ ข้าน้อยแค่อยากเตือนท่าน เหล่าผู้อาวุโสลัทธิเซิ่งเหลียนของเราเข้าภาคกลางไม่ได้ บัดนี้ท่านเป็นผู้แบกภาระอันหนักอึ้งนั้นไว้ โปรดอย่าทำให้ความหวังของทั้งลัทธิต้องพังทลายลง”
“ไม่ต้องพูดมาก! ข้ารู้ดีว่ากำลังทำอะไร!”
“เช่นนั้นก็ดีขอรับ”
“ฮึ!” ชือปี้เหลียนแค่นเสียงอย่างเยือกเย็น ก่อนจะไปนั่งที่ตนเอง
ทว่าครั้นนางเพิ่งนั่งลงไปก็เห็นครอบครัวเยี่ยนอวี๋ที่เพิ่งเดินเข้ามา แววตานางฉายความริษยาทันที
“เนะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าผู้สวมรองเท้าที่ชุ่ยชุ่ยเย็บให้กำลังเดินอยู่ข้างหน้าสุดอย่างเริงร่า เขายังเดินทรงตัวได้ เมื่อผู้คนเห็นร่างจิ๋วกำลังเขย่งเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งก็ทำให้พวกเขารู้สึกหลงรัก!
“อุ๊ย เทพน้อยเดินเป็นแล้วหรือ! ข้าคิดว่าเขายังเดินไม่เป็นเลย น่ารักจริงๆ!”
“เดินไม่เป็นได้อย่างไร แม้แต่บินก็บินเป็นแล้ว เขาไม่เหมือนกับเด็กทั่วไปหรอกนะ! อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ท่าเดินเช่นนี้น่ารักจริงๆ!”
“นั่นน่ะสิ ใส่เสื้อสีแดงดูดีมาก! น่ารักจริงๆ หากข้ามีลูกน่ารักเช่นนี้ข้าคงละลายไปแล้ว! น่ารักที่สุดเลย”
นักฝึกฌานมากมายไม่เคยเจอเด็กน้อยที่เดินเป็นตั้งแต่ยังเล็กเช่นนี้ พวกเขาหลงรักเด็กน้อยเข้าอีกแล้ว เด็กน้อยยังดันฟังรู้เรื่องและยังเชิดใบหน้าน้อยๆ ขึ้นอย่างภูมิใจ เดินเตาะแตะไปข้างหน้า
“ช้าหน่อย” เยี่ยนอวี๋รู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้เด็กน้อยเดินเอง เพราะที่นี่คนพลุกพล่าน นางกลัวว่าเพียงคลาดสายตาไปเล็กน้อย เด็กน้อยก็จะหายไปในหมู่ฝูงชน
ทว่าเด็กน้อยเชื่อฟังมาก เมื่อท่านแม่ของเขาบอกให้เขาช้าลงหน่อย เขาก็เดินช้าลงแล้วหันกลับไปมองด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส เยี่ยนอวี๋จึงทำใจอุ้มเขากลับมาไม่ได้ เทียบกับเด็กน้อยที่เชื่อมซึมแล้ว นางชอบเด็กน้อยที่ร่าเริงเช่นนี้มากกว่า
“วางใจเถอะ ข้าคอยดูอยู่” หรงต้าซือมิ่งที่จูงมือภรรยาไม่กังวลแม้แต่น้อย ทว่าเยี่ยนชิงและบุตรชายทั้งสองของเขาเป็นห่วงมาก!
“อุ้มกลับมาเถอะ คนพลุกพล่านเกินไป!” เยี่ยนชิงมองหลานชายน้อยตาปริบๆ ทำท่าจะพุ่งตัวไปอุ้มเด็กน้อยตลอดเวลา
เยี่ยนจื่อเยี่ยและเยี่ยนจื่อเสาก็เป็นห่วง “นั่นน่ะสิ คนเยอะเกินไปจริงๆ”
“ไม่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจะเดินเอง เขายังต้องอวดรองเท้าคู่น้อยๆ ของเขาด้วย เขากำลังพยายามยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น ทำเอาเยี่ยนชิงตกใจใหญ่ “พอแล้ว ไม่ต้องยกเท้า! ตาเห็นแล้ว!”
แต่แล้ว ไม่รู้ลมจากที่ใดพัดผ่านใต้เท้าเด็กน้อย ทำเอาเขาตัวเซ ทำท่าจะล้มลงไป เยี่ยนชิงจึงพุ่งตัวออกไปทันที!
“เนะ!” เด็กน้อยบินกลับไปที่อ้อมอกของท่านพ่อแล้ว ทำเอาท่านตาของเขาตะครุบอากาศว่างเปล่า
เยี่ยนชิง “…”
“ฮี่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าหัวเราะ “ไม่…โดน!” ท่านตาจับไม่โดนเสี่ยวเป่า
“เจ้านี่มันร้ายกาจนัก!” เยี่ยนชิงหันกลับไปหยิกหลานชายน้อย ก่อนจะมองว่าที่ลูกเขยที่กำลังถอดรองเท้าให้เด็กน้อยด้วยแววตาซับซ้อน
“เจ้าสอนได้ดีจริงๆ” แค่ไม่กี่วันก็สอนหลานชายน้อยที่ยังไม่ครบขวบบินเป็นแล้ว!
“โห! บินเป็นจริงๆ ด้วย!” ฝูงชนพากันอุทาน!
“นั่นน่ะสิ ห้าวันก่อนเทพน้อยยังบินขึ้นไปหาปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนบนเวทีด้วย?”
“เหมือนจะเป็นเช่นนั้น! สุดยอดเลย! เป็นเทพจริงๆ ด้วย! สมแล้วที่เป็นลูกของต้าซือมิ่งและปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน พรสวรรค์ล้ำเลิศจริงๆ!” เหล่านักฝึกฌานแต่ละสำนักพากันเชยชม
ทำเอาชือปี้เหลียนที่คอยจับตาดูเด็กน้อยอับอายสีหน้าพลันเปลี่ยน นางเห็นครอบครัวนี้สุขสันต์ไม่ได้จริงๆ! ตานางร้อนผ่าว!
แต่แล้วไม่ว่าชือปี้เหลียนจะชอบหรือไม่ พวกเขาทั้งครอบครัวก็เข้านั่งประจำที่อย่างอบอุ่นชื่นมื่น ผู้คนที่อยู่รายล้อมต่างอิจฉา
“ฝ่าบาทเสด็จ…”
จนเมื่อเสียงประกาศดังขึ้นในศาล ทุกคนจึงละสายตาจากครอบครัวของเด็กน้อยน่ารักน่าชังคนนี้ “ฝ่าบาทมาด้วยหรือ”
“ติ้งซีอ๋อง แม่ทัพเฉิง…”
ติ้งซีอ๋องและเฉิงคั่วที่ตามฝ่าบาทมาก็เดินเข้าศาลพร้อมหยวนคังฮ่องเต้
“ถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระเจริญ”
“ถวายบังคมฝ่าบาท…”
ทุกคนก้มลงแสดงความเคารพหน้าศาลบรรพชนอย่างยิ่งใหญ่
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจับท่านพ่อของเขาไว้แน่น เขารู้ว่าฝ่าบาทก็คือคนที่ดุเขาครานั้น!
หรงอี้ลูบขนอ่อนน้อยๆ บนศีรษะของเขาและมองไปที่หยวนคังฮ่องเต้ ฝ่ายหลังดูเหมือนหายดีแล้ว อีกทั้งยังมีสภาพดีกว่าเมื่อห้าวันก่อนด้วย
เมื่อหยวนคังฮ่องเต้ขึ้นนั่งเก้าอี้มังกร เขาก็โบกแขนเสื้อกล่าว “ลุกขึ้น”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
เหล่ากองกำลังต่างๆ จึงทยอยกันลุกขึ้น
หยวนคังฮ่องเต้ทักทายต้าซือมิ่งก่อนคนแรก “ต้าซือมิ่ง ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน เหตุใดจึงไม่ขึ้นมานั่งเล่า”
“มิเป็นไร ที่นี่ก็ไม่เลว” หรงอี้นั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เยี่ยนอวี๋ที่อยู่ข้างกายเขาก็ถูกเขาดึงให้นั่งลง
หยวนคังฮ่องเต้ก็มิได้พูดอะไร เพียงแค่ส่งสัญญาณให้ติ้งซีอ๋องประกาศเริ่มการแข่งขัน
ติ้งซีอ๋องลุกขึ้นทันที “ฝ่าบาทเสด็จมาด้วยตนเองเพราะหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายดังเช่นครั้งที่แล้ว หวังว่าสำนักที่เข้าร่วมการแข่งขันสุดท้ายจะยึดมั่นในแนวคิดการแลกเปลี่ยนกันฉันท์มิตรและสร้างความปรองดอง”
“สมควรเป็นเช่นนั้น” แต่ละสำนักขานตอบ
ติ้งซีอ๋องจึงเริ่มประกาศกติตาแข่งขัน “รอบสุดท้าย ทุกสำนักจะต้องส่งผู้หลอมโอสถ ผู้ฝึกสัตว์อสูร วรยุทธ์ นักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ออกมาแข่งขันทั้งหมดห้ารอบ หากผู้ท้าชนะผู้หลอมโอสถ ผู้ฝึกสัตว์อสูรและวรยุทธ์ สามประเภทนี้จะได้หนึ่งคะแนน หากชนะนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์จะได้สองคะแนน หากแพ้จะถูกหักหนึ่งและสองคะแนนตามประเภท ทุกสำนักจะมีสิทธิ์ท้าห้าครั้ง แต่ต้องท้าสำนักที่ไม่ซ้ำกัน หลังจากสิ้นสุดการประลองแล้ว เจ็ดสำนักที่ได้คะแนนสูงสุดจะถูกแต่งตั้งเป็นมหาสำนักพิทักษ์ต้าซย่า คลังหลวงจะเป็นผู้ส่งกำลังพลที่ใช้ในการฝึกฝนให้แต่ละสำนักในอีกเจ็ดปีต่อจากนี้ เพื่อเป็นรางวัลแก่มหาสำนักพิทักษ์ต้าซย่า”
สิ้นเสียงติ้งซีอ๋อง เหล่าเจ้าสำนักแต่ละสำนักก็แสดงความขอบคุณตามมารยาท
หลังจากติ้งซีอ๋องประกาศกฎกติกาให้เจ้าสำนักแต่ละสำนักรับทราบแล้ว เขายังย้ำเตือนว่า “กติกาของการแข่งขันรอบสุดท้ายต่างจากกติกาของรอบที่สอง กล่าวคือสามารถสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งได้เพียงแบบเดียว และไม่อนุญาตให้ท้าสำนักที่ถูกท้าไปแล้วสามครั้ง ตามกติกาของการแข่งขันรอบสุดท้าย หลังจากสำนักใดสำนักหนึ่งถูกท้าไปสามครั้ง สำนักนั้นสามารถเลือกเองได้ว่าจะรับคำท้าหรือไม่ ในขณะเดียวกันก็สิทธิ์ปฏิเสธคำท้าสามครั้งต่อเนื่อง ทุกสำนักห้ามกลั่นแกล้งหรือยั่วยุสำนักนั้น มิเช่นนั้นจะถือว่าหมิ่นแคลนราชสำนัก ห้ามเข้าร่วมพิธีแต่งตั้งเจ็ดสำนักในอีกร้อยปีข้างหน้า หวังว่าทุกท่านจะควบคุมศิษย์สำนักของตนให้ดี”
“รับทราบ!” เจ้าสำนักแต่ละสำนักขานตอบ
ส่วนลัทธิเซิ่งเหลียนที่ไม่มีเจ้าสำนักมาด้วยได้แต่หวังเพียงว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาอย่าพูดจาพล่อยๆ อีก ถึงแม้การเข้าร่วมการแข่งขันหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญของลัทธิเซิ่งเหลียนก็ตาม เพราะถึงอย่างไรทรัพยากรที่ราชสำนักให้ลัทธิเซิ่งเหลียนก็ไม่เคยดีอยู่แล้ว
ทว่าติ้งซีอ๋องเพิ่งจะประกาศเริ่มการแข่งขันเสร็จ ในฐานะที่เยี่ยนชิงเป็นตัวแทนสำนักที่เข้ามาแทนที่สำนักคุนอู๋ เขาจึงได้สิทธิ์ท้าประลองเป็นคนแรก เขาประกาศกร้าวทันที “ศิษย์สำนักข้าเม่ยเอ๋อร์ขอท้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ลัทธิเซิ่งเหลียน”
“เอ่อ…”
อึก
ทุกสำนักต่างจุดเทียนไว้อาลัยในใจให้ชือปี้เหลียนแล้ว! คนปากร้ายถึงเวลาต้องชดใช้กรรมแล้ว
เม่ยเอ๋อร์ลับมีดพลางจ้องชือปี้เหลียน นางรอวันนี้มานานมากแล้ว! นางเข้าร่วมสำนักชางอู๋เพียงเพราะสิ่งนี้