ตอนที่ 394 ค้อนจิ๋วปกป้องแม่! ครอบครัวสุดแสบ!
“โหหห”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าอุทานอย่างตะลึง ดวงตาของเขาเปล่งประกายแสงระยิบระยับ อีกทั้งยังลูบเกราะสีทองงดงามของท่านแม่พลางร้อง ว้าว ไม่หยุด
ส่วนลูกไก่สีเหลืองที่อยู่ข้างๆ ก็ได้แสดงให้เห็นว่าสำนวนแข็งทื่อดังไก่ไม้เป็นอย่างไร…
ตี้อั้นเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเท่าไร มันเพิ่งรู้ว่ามันดูถูกเทพธิดาท่านนี้เกินไปมากเพียงใด! พลังการต่อสู้ของเทพธิดาเก่งกาจทะลุฟ้าเชียว! โอ้ สวรรค์!
ทำให้อสูรระดับกลางตายทั้งบางได้ด้วยเสียงคำรามเพียงเสียงเดียวเป็นเช่นไร ตอนนี้ตี้อั้นได้รู้แล้ว มหาอสุรกายที่ล้อมเข้ามาจากขุมนรกเองก็รู้แล้ว ครานี้พวกมันจึงเกรงกลัวไม่กล้าโผล่ออกมาอีก
ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางใช้จังหวะนี้รวบตัวเด็กน้อยด้วยแสงสีรุ้งชั้นหนึ่งก่อนจะจูบเขาเบาๆ “เสี่ยวเป่าอยู่กับท่านพ่อของเจ้าก่อนนะ แม่ไปจัดการเหล่าวายร้ายก่อน”
“ขอรับ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ครั้งนี้เขาไม่ได้บอกว่าอยากไปด้วย แต่กลับจูบท่านแม่กลับและพูดว่า “เป่าช่วยดู!” ปกป้องท่านแม่!
“เด็กดี” เยี่ยนอวี๋จูบเด็กน้อยอีกครั้ง นางคิดว่าเด็กน้อยหมายถึงจะช่วยนางดูแลท่านพ่อ แต่นางไม่รู้ว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าหมายถึงจะดูแลนาง
เมื่อเยี่ยนอวี๋วางเด็กน้อยให้ลอยบนอากาศ มหาอสุรกายเหล่านั้นก็ทำท่าจะจู่โจมอีกครั้ง ถึงแม้พวกมันรู้จักเกรงกลัวแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าความหวาดกลัวเพียงเล็กน้อยนั่นไม่สามารถระงับนิสัยเหี้ยมเกรียมและพลังสังหารของพวกมันได้นานนัก มิหนำซ้ำยังมี ‘ต้าซือมิ่ง’ หัวแดงคอยกระตุ้นอยู่อีกด้วย
เยี่ยนอวี๋วางเด็กน้อยลงแล้วหายตัววับจากไป ทันใดนั้น…
อ๊าก!
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นแทบจะพร้อมกันในทันที! เพราะว่ามหาอสุรกายที่จู่โจมอยู่แนวหน้า ไม่ว่าจะเป็นจอมมารระดับกลางหรือระดับจอมมารต่างจบสิ้นชีวิตกันหมด
กระทั่งจอมมารระดับกลางเหล่านั้นยังไม่ทันได้กรีดร้องแม้เพียงน้อยด้วยซ้ำ มีเพียงมหาอสุรกายระดับจอมมารเท่านั้นที่ยังพอมี ‘เวลา’ กรีดร้อง ทำให้ตนเองไม่เสียชื่อที่เป็นมหาอสุรกายระดับจอมมาร
“ว้าววว”
ลูกไก่สีเหลืองที่แต่เดิมคิดจะเข้าไปช่วย มันยังไม่ทันได้บินไปเลย มหาอสุรกายฝูงใหญ่ก็ถูกฆ่าทิ้งหมดแล้ว ไม่มีมหาอสุรกายตนใดที่สามารถฝ่าวงล้อมการต่อสู้ของเยี่ยนอวี๋ได้ มหาอสุรกายนับไม่ถ้วนไม่ว่ามันจะดุร้ายเพียงใด ไม่ว่าพลังการต่อสู้จะแข็งแกร่งเพียงไหน ล้วนไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากการฆ่าล้างของปฐมราชินีเยี่ยนได้ พวกมันเอาชีวิตมาทิ้งทั้งนั้น…
“สุดยอด!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดูอย่างดีอกดีใจจนลืมความเศร้าเรื่องที่ไม่มีผมบนศีรษะไปแล้ว เขากำลังปรบมือให้ท่านแม่ของตน แปะๆ
อ๊าก! อ๊อก!…
ทว่าหลังจากที่มหาอสุรกายนับไม่ถ้วนล้มลงแล้วก็มีมหาอสุรกายโผล่มาใหม่อีกมากมาย
ขุมนรกแห่งความมืดไร้ขอบเขต มหาอสุรกายไร้จุดสิ้นสุด แต่พลังการต่อสู้ของเยี่ยนอวี๋กลับน่าทึ่งยิ่งกว่า!
…
“แม่เจ้าโว้ย!” ตี้อั้นไม่รู้ว่าจะบรรยายพลังการต่อสู้ของเทพธิดาท่านนี้อย่างไรดีแล้ว เอาเป็นว่ามันรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เพราะว่าตอนนี้เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชาแล้ว ยังไม่มีมหาอสุรกายสักตนหลบหลีกเยี่ยนอวี๋ที่โถมเข้าใส่พวกมันได้เลย
ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ แม้แต่พิกซีที่อยู่ข้างบนก็รับรู้ได้ แม้มันมองไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่มันก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเหล่ามหาอสุรกาย
เห็นได้ว่าม่านสกัดกั้นของต้าซือมิ่งเก็บเสียงได้ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก…
ทว่าพิกซีก็ฉงน “มหาอสุรกายในขุมนรกแห่งความมืดเป็นอะไรกันไปหมดนะ หรือว่าถูกจักรพรรดิอสูรสังหารหมู่ไปแล้ว” เมื่อคิดได้เช่นนี้ พิกซีที่คิดว่าอาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่ได้รู้เลยว่าคนที่ลงมือสังหารหมู่คือปฐมราชินีเยี่ยน! ปฐมราชินีหยวนชูแห่งตำหนักไท่ชางคนนั้น
ถึงอย่างไรปฐมราชินีเยี่ยนก็ยังไม่ได้ใช้พลังของตนเอง นางใช้พลังของลูกน้องของตนเอง ในฐานะที่เป็นเจ้าแห่งอสูรขุนเขาและท้องทะเล ตราบใดที่ร่างกายของนางแบกรับไหว นางก็สามารถแบกรับพลังทั้งหมดของอสูรโบราณแห่งขุนเขาและท้องทะเลไว้ในร่างกายนางได้ คล้ายๆ กับวิชาอัญเชิญ แต่นางไม่ต้องอัญเชิญ นางสามารถใช้ได้เลยทันที! และการใช้เช่นนี้ยังไม่กระทบต่อพลังการต่อสู้ของร่างจริงของเหล่าอสูรโบราณขุนเขาและท้องทะเลด้วย
ตั้งแต่อดีตจนถึงบัดนี้ ไม่มีผู้ใดให้เหตุผลได้ว่าเป็นเพราะอะไร ช่างแปลกประหลาดเสียจริง! แต่เยี่ยนอวี๋ทำได้จริงๆ เพราะเดิมทีแล้วนางก็คือสิ่งอัศจรรย์ที่กำเนิดขึ้นจากธรรมชาติ
…
และในขณะที่เยี่ยนอวี๋กำลังสู้รบกับฝูงอสุรกายนั้น เนื่องจากขุมนรกแห่งความมืดเริ่มกลับคืนสู่ความปกติ แดนมืดทั้งแดนก็ค่อยๆ กลับคืนสู่ความสงบ พื้นดินที่แตกแยกก็ค่อยๆ ผสานเข้าหากัน
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ก็นำพามาซึ่งภูมิทัศน์ใหม่และพายุมิติที่ยังคงสั่นสะเทือนความมั่นคงของแดนมืดทั้งแดน เผ่าอสูรจำนวนไม่น้อยเริ่มยื้อแย่งดินแดนอีกครั้งเพราะลักษณะทางภูมิประเทศที่เปลี่ยนไป
อย่างเช่นแต่เดิมอสูรทุกตัวใช้แม่น้ำสายหนึ่งเป็นเส้นแบ่ง ตอนนี้แม่น้ำเปลี่ยนสายแล้ว เช่นนั้นก็ย่อมมีข้ออ้างเพื่อแย่งชิงกันแล้ว! เมื่อเรื่องนี้แพร่เข้าไปในวังจักรพรรดิอสูร พวกมันก็เข้าต่อสู้แย่งชิงดินแดนกันอย่างดุเดือด! ทำให้ปีศาจแฝงฝันและคิเมียร่าต้องใช้พลังกดดันอยู่ครู่ใหญ่กว่าการจารจลในเมืองจักรพรรดิอสูรจะสงบลง ทำเอาคิเมียราอดแขวะไม่ได้ว่า “ไอ้พวกไม่มีสมอง เอาแต่ใช้กำลัง!”
“แต่ก่อนเจ้าก็เป็นเช่นนี้มิใช่หรือ” ปีศาจแฝงฝันโต้กลับ
ก่อนที่คิเมียราจะหลุดพ้นจาก ‘ความป่าเถื่อน’ มันเคยเป็นอสูรที่กระหายเลือดและชอบการต่อสู้ที่สุดในบรรดาสามตนนี้! ถึงอย่างไรสติปัญญาของมันก็ต่ำกว่า ปีศาจแฝงฝันนั้นยังถือว่าเป็นพวก ‘ผู้มีปัญญา’ อยู่บ้าง
คิเมียรากลับพูดว่า “เมื่อก่อนข้าก็โง่ จักรพรรดิอสูรเป็นผู้เปลี่ยนแปลงข้า”
การยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ทำให้ปีศาจแฝงฝันอับจนคำพูด จะว่าไปแล้วความซื่อก็ดีเช่นนี้ ไม่เก็บปัญหาเรื่องศักดิ์ศรีหน้าตามาคิดให้ปวดหัว
ปีศาจแฝงฝันที่ไม่อาจดำเนินบทสนทนาต่อไปได้ก็เปลี่ยนเรื่องคุย “เจ้าเฝ้าเมืองจักรพรรดิอสูร ข้าออกไปดูเอง”
“ข้าไปดีกว่า!” คิเมียร่ากล่าว “จะจัดการกับไอ้โง่ข้างบนนั่น หมัดของข้าเป็นเครื่องต่อกรได้ดีที่สุด เจ้าไม่ได้หรอก อ่อนแอเกินไป ตอนเจ้าอยู่ พวกมันฟังเจ้า แต่พอเจ้าไปก็กลับไปเป็นเช่นเดิมอีก”
ปีศาจแฝงฝันอยากจะบอกว่ามนต์เสน่ห์ของมันคงอยู่ได้ตลอดชีวิต! แต่ในเมื่อคิเมียราอยากไป นางก็จะไม่ยื้อแย่ง “ก็ดี เจ้าไปเถอะ ข้าเฝ้าที่นี่เอง”
ทว่าปีศาจแฝงฝันยังไม่ทันพูดจบ คิเมียราก็หายไปแล้ว ทำเอาปีศาจแฝงฝันอดแขวะไม่ได้ “ไหนว่าพวกมันเป็นพวกโง่ไง เจ้าเองก็ชอบอัดพวกมันนี่…”
ปีศาจแฝงฝันที่พึมพำเสียงเบาจึงควบคุมดูแลความมั่นคงในเมืองจักรพรรดิอสูร โดยเฉพาะความมั่นคงของกำลังทหาร นางสัมผัสได้ว่าพลังงานสีดำที่ปะทุออกมาจากรอยแตกร้าวบนพื้นดินสร้างความฮึกเหิมกับเผ่ามารเป็นอย่างมาก ทำให้ทุกตนอยากจะทำสงคราม
ดังนั้นตอนนี้อารมณ์ของทุกคนจึงเดือดพล่านเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะมีพลังอันแข็งแกร่งของจักรพรรดิอสูรหลงเหลืออยู่ พวกมันคงฆ่าฟันกันจนเลือดไหลเป็นสายน้ำแล้ว ทว่าแม้ไม่ได้มีการต่อสู้กันในวงกว้าง แต่ก็ต้องเผชิญกับการสูญเสียพื้นที่บางส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในขณะเดียวกันก็มีอสูรน้อยตนหนึ่งเข้ามารายงานอย่างหวาดวิตก “รายงานขอรับ! เจ้าเมืองเมืองรองปะทะกับท่านเมาโรแล้ว ท่านเมาโรจะสังหารเขาขอรับ!”
“ไอ้เจ้าเมาโรนี่!” ปีศาจแฝงฝันก่นด่าอย่างโมโหก่อนจะหายวับเป็นแสงสีม่วงไปทางเมืองรอง นางเห็นเมาโรกำลังอัดไคโดเจ้าเมืองแห่งเมืองรองตามคาด!
“เมาโร! ไคโด!” ปีศาจแฝงฝันตวาดให้เมาโรและไคโดหยุดสู้กันด้วยเสียงแหบแห้ง ทั้งสองสงบสติอารมณ์ลงในทันใดและแหงนมองปีศาจแฝงฝันด้วยความเลื่อมใส
“เหตุใดจึงสู้กัน” ปีศาจแฝงฝันถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ไคโดรีบตอบอย่างสัตย์ซื่อ “เมาโรจะมาแย่งอาวุธสงครามของปฐมราชินีหยวนชูที่เพิ่งปรากฏขึ้นในเมืองของข้า!”
“ปฐมราชินีหยวนชูรึ” ปีศาจแฝงฝันเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ “ส่งมาให้ข้า”
ไคโดที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอมนำออกมาแม้จะถูกซ้อมจนหัวแตกเลือดไหล บัดนี้มันกลับนำหินสีดำก้อนหนึ่งออกมายื่นให้ปีศาจแฝงฝัน
เมาโรเองก็ไม่ได้คัดค้าน เพราะพวกมันพ่ายแพ้ต่อความงามและเสน่ห์ของปีศาจแฝงฝัน อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นลูกน้องที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนาง พวกมันจึงยินยอมแต่โดยดี
แต่ปีศาจแฝงฝันที่ได้รับอาวุธสงครามของปฐมราชินีหยวนชูที่พวกเขาว่ากันกลับไม่รู้สึกว่าในหินสีดำก้อนเล็กขนาดเท่าไข่ไก่ก้อนนี้จะมีอะไรผิดแปลก นางจึงทำได้เพียงเก็บมันไว้ชั่วคราว เพื่อนำกลับไปมอบให้จักรพรรดิอสูรแล้วตอนนั้นค่อยสอบถามรายละเอียดอีกที
เพียงแต่ว่าปีศาจแฝงฝันเพิ่งจะเก็บหินสีดำ เมืองจักรพรรดิอสูรก็สั่นไหวอีกครั้ง! แม้จะไม่ได้รุนแรง แต่ก็ทำให้เหล่ามารตระหนก!
ในขณะเดียวกัน…
ในขุมนรกแห่งความมืด
โฮก!
เสียงคำรามดุร้ายและป่าเถื่อนดังขึ้นจากร่างของต้าซือมิ่งหัวแดงที่ถูกผนึกไว้ ทำเอาเยี่ยนเสี่ยวเป่าสะดุ้งโหยงก่อนจะหันไปมอง “อ้ะเนะ?”
ขณะที่ลูกไก่สีเหลืองหันไป มันก็พบว่าแม้นายท่านจะมีเสียงคำรามออกมา แต่เขาไม่ได้ขยับปาก ร่างกายก็ไม่ได้ขยับ ดวงตาก็ไม่ได้ลืมขึ้นมาเลย “เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“ ‘เขา’ กำลังอัญเชิญเทพมาร” เยี่ยนอวี๋รับรู้ทุกอย่าง เพราะว่าเหล่ามหาอสุรกายที่แต่เดิมโถมเข้าใส่นางไม่หยุด บัดนี้ล่าถอยกันไปหมดแล้วและในเบื้องลึกของขุมนรกแห่งความมืดนั่นเอง
โฮกกก…
เสียงคำรามดุดันลากยาวดังขึ้น จากนั้น… แทบจะในชั่วพริบตานั้นเอง!
ฟิ้ว!
ฟิ้ว!…
มหาอสุรกายระดับเทพมารสิบตนที่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งกว่าจอมมารก็ล้อมพวกเยี่ยนอวี๋ไว้แล้ว และยังจ้องมองต้าซือมิ่งด้วยสายตาดุดัน
จากนั้นลูกไก่สีเหลืองยังไม่ทันเห็นรูปร่างของเหล่ามหาอสุรกายได้ชัดเจน พวกมันทั้งสิบตนก็พุ่งเข้าใส่ลวดลายศักดิ์สิทธิ์ที่หน่วงเหนี่ยวต้าซือมิ่งหัวแดงไว้แล้ว
“ออกไป!”
เยี่ยนอวี๋ตวาดใส่ด้วยเสียงอันสง่า นางกลายเป็นร่างเงากระโดดถีบมหาอสุรกายระดับเทพมารตนหนึ่งกระเด็นไปโดนมหาอสุรกายที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เทพมารสองสามตนกระเด็นออกไปพร้อมกัน
ครั้นนางซัดฝ่ามือออกไป! พลังซีหวังหมู่และเปลวเพลิงจิ่วเฟิ่งอันโหดเหี้ยมก็ทำลายเทพมารที่เหลืออีกหกเจ็ดตนที่ใกล้เข้ามาทันที
โฮก!
จู่ๆ ก็มีมหาอสุรกายตนหนึ่งกระโดดออกมาจากเบื้องลึกของขุมนรกแห่งความมืด มันปรากฏตัวเหนือศีรษะของเยี่ยนอวี๋อย่างฉับพลัน! จากนั้นก็กระโจนไปทางเยี่ยนอวี๋ที่กำลังต่อสู้อยู่
ความเร็วปานนั้นและโอกาสจู่โจมอันดีเช่นนั้น ทำให้เยี่ยนอวี๋ไม่สามารถโจมตีกลับขึ้นไปได้ทัน ตอนนี้นางคงต้องพึ่งเกราะศีรษะคุ้มกันไว้แล้ว ทว่า…
“อ้ะเนะ!” เสียงเล็กอ่อนเยาว์ของเด็กน้อยดังขึ้น! ค้อนจิ๋วของเขา ค้อนจิ๋วสีดำอันนั้นของเขาพลันทุบลงไปบนร่างของเทพมารตนนั้นแล้ว จากนั้น…