ตอนที่ 407 จิ่วอิงกินฮ่องเต้ชั่วแล้ว? เปิดตัวไม่เล่นตามแผน!
“เร็วใช้ได้” ต้าซือมิ่งที่ลงมาพร้อมภรรยาหรี่ปรือลงเล็กน้อย เขาเองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายหลงเหลือที่ไม่ปกติอยู่ในรอยประทับภาพม้วนขุนเขาและท้องทะเล และผู้ที่ทิ้งกลิ่นอายนี้ไว้ก็คือเทพผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังฮ่องเต้หยวนคัง เพียงแต่ว่ากลิ่นอายนี้คลุมเครือมาก ไม่ได้ต่างจากกลิ่นอายของเทพทั่วไปนัก ทำให้มิอาจแยกแยะได้โดยง่าย เห็นได้ว่าเทพองค์นี้ระวังตัวเป็นอย่างดี
นอกจากนั้น เยี่ยนอวี๋ยังรู้สึกได้ทันทีว่าเทพองค์นี้ไม่ได้ระวังตัวแค่ธรรมดา นอกจากเขาจะทิ้งกลิ่นอายเพียงเล็กน้อยของตนไว้ในภาพม้วนขุนเขาและท้องทะเลแล้วก็ไม่มีกลิ่นอายอื่นๆ อีกเลย
ไม่เพียงเท่านี้…
ต้าซือมิ่งผู้มีความสามารถเหนือธรรมดายังสามารถรับรู้ถึงรายละเอียดยิบย่อยมากมาย “ฮ่องเต้หยวนคังไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงแล้ว เมื่อไม่นานนี้เขาไปเมืองหมิงเถียว แต่เนื่องจากเมืองหมิงเถียวถูกสำนักเนี่ยผานตีแตก เขาจึงเปลี่ยนไปอานอี้ เสียดายถูกจิ่วอิงดักรอ จากนั้นเขาก็หายตัวไปกะทันหัน”
“หายตัวไป?” เยี่ยนอวี๋รู้ว่าอนุสติของชายคนนี้ในตอนนี้เพียงพอที่จะครอบคลุมแผ่นดินทั้งต้าซย่าไว้ และสามารถจับกลิ่นอายที่เขาต้องการจากในนั้นได้อย่างละเอียด
ทว่าปัญหาคือ ฮ่องเต้หยวนคังหายไปด้วยวิธีใด ทำให้หรงอี้ถึงกับสัมผัสไม่ได้ คงไม่ได้ถูกจิ่วอิงกินไปแล้วหรอกนะ
ต้าซือมิ่งเองก็ขมวดคิ้วเรียวยาวของตน เห็นได้ชัดว่ากำลังรู้สึกกังวลใจ เพราะการระเบิดตนเองของกู้ปิ่งคุนในครานั้น แม้จะถูกจิ่วอิงขัดขวางไว้ แต่การลงมือของจิ่วอิงก็ทำให้ร่องรอยของการลงมือของเทพองค์นั้นหายไปเช่นกัน
เยี่ยนอวี๋รู้ได้จากท่าทีของชายคนนี้ว่าเทพองค์นั้นระวังตัวมากจริงๆ นางจึงไม่ใส่ใจนัก “ไม่รีบ ในเมื่อเขาลงมาแล้ว ก็คงต้องทำอะไรสักอย่าง ส่วนพวกเราย่อมไม่ปล่อยให้เขาทำสำเร็จแน่นอน”
“อืม” ต้าซือมิ่งตอบ อนุสติของเขากลับแผ่ออกทั่วทั้งแผ่นดินต้าซย่าเพื่อจับกลิ่นอายของฮ่องเต้หยวนคัง ป้องกันไม่ให้เขาก่อเรื่อง
ทว่า ‘ฮ่องเต้’ ในบัดนี้ซ่อนตัวได้อย่างแนบเนียนมาก เขาไม่ได้แผ่กลิ่นอายของฮ่องเต้หยวนคังออกไปแม้แต่น้อย แม้แต่กลิ่นอายของเฉิงคั่วและคนอื่นๆ ก็ถูกอำพรางไว้หมดแล้ว
อีกทั้งในตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในอาณาเขตต้าซย่า แต่ไปอยู่ในหมู่บ้านชนเผ่าเล็กๆ ในเขตเฉาหูที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งห่างจากพรมแดนต้าซย่าออกมาอีกระยะหนึ่ง
ดังนั้นต้าซือมิ่งในบัดนี้จึงสัมผัสอะไรไม่ได้เลย ทว่าเขายังคงแผ่ญาณสัมผัสออกไปเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็พาภรรยาและลูกรวมถึงลูกไก่ไปหาอีจี้จิ่ว
…
ในเวลาเดียวกัน จิ่วอิงกลับมาถึงสำนักชางอู๋แล้ว
สองพ่อลูกอินสวินอี้กำลังประชุมเรื่องแม่ทัพเฉิงคั่วกับเยี่ยนชิงและบุตรทั้งสองของเขา
“ตั้งแต่ที่เมืองชางอู๋แจ้งเรื่องด่วนไป ตอนนี้ผ่านไปสิบวันแล้ว ตามที่ประมุขหอราชทัณฑ์เขียนจดหมายมารายงาน พวกเขาออกเดินทางตั้งแต่สิบวันก่อนแล้ว แต่จนถึงบัดนี้ยังไม่พบร่องรอยใดๆ ราวกับระเหยไปเฉยๆ ต้องมีปัญหาแน่ๆ!” เยี่ยนจื่อเยี่ยมั่นใจ
อินหลิวเฟิงพยักหน้า “ใช่แล้ว ตอนแรกพวกเราคิดว่าที่กองทัพไม่มีข่าวสารเป็นเพราะดินแดนต้าซย่าเกิดความโกลาหล ข่าวสารทุกประเภทส่งถึงกันยาก แต่ตอนนี้คิดดูแล้วกองทัพนี้อาจจะใช้สิ่งนี้เพื่อปิดหูปิดตาผู้คน บรรลุจุดประสงค์ที่ซ่อนเร้นไว้”
“สายลับทั้งหมดของข้าก็ไม่มีข่าวจากกองทัพนี้เลย ไม่! ไม่สิ…” อินสวินอี้ที่คิดถึงประเด็นสำคัญก็เคร่งขรึมลง “ควรจะพูดว่า บางทีสายลับที่พบแหล่งปรากฏตัวสุดท้ายของกองทัพนี้ก็คือสายลับที่ขาดการติดต่อหรือเสียชีวิตไปด้วยเหตุไม่คาดฝัน”
“นี่คือปัญหาที่ใหญ่ที่สุด!” เยี่ยนชิงแววตาเคร่งขรึม “ดูท่ากษัตริย์ต้าซย่าท่านนี้ของพวกเรา อันที่จริงเกิดปีเถาะ! ขุดโพรงกระต่ายไว้มากมายเช่นนี้! ช่างหลบซ่อนเก่งเสียจริง!”
“ทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้เดิมเป็นการแหกกฎสวรรค์อยู่แล้ว อยากจะมีชีวิตยืนยาวย่อมต้องเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ให้มาก ข้ากลัวว่าเขาจะซ่อนตัวทำเรื่องมิดีอีก” อินหลิวเฟิงคิดว่าฮ่องเต้หยวนคังคนนี้ต้องไม่ปล่อยให้ได้อยู่อย่างสงบแน่นอน
จิ่วอิงที่ฟังถึงตรงนี้ มันก็หมดความอดทน มันถามเพียงว่า “สรุปว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“…ไม่รู้” พ่อลูกทั้งสองครอบครัวล้วนไม่ทราบ เยี่ยนจื่อเสาคือคนที่รู้สึกสับสนมากที่สุดในนั้น เขางงงันตั้งแต่ต้น
ครานี้เองจิ่วอิงอยากจะ… ด่า แต่จู่ๆ มันก็หันไปมองทางทิศเหนือ เพราะว่ามันสัมผัสถึงกลิ่นอายของต้าซือมิ่งกำลังสถิตลงมา! อีกทั้งต้าซือมิ่งคนนี้ยังแข็งแกร่งขึ้นมากๆ! อุแว้!
ในขณะเดียวกัน…
ครอบครัวเยี่ยนอวี๋ปรากฏต่อหน้าทุกคนดัง วิ้ง พ่อลูกทั้งห้าที่กำลังประชุมกันอยู่นั้นก็ตกตะลึงไป โดยเฉพาะเยี่ยนชิง แต่เดิมเขาคิดว่าบุตรสาวสุดที่รักของเขาคงต้องจากไปหนึ่งเดือนเป็นอย่างน้อย เพราะปัญหาของว่าที่ลูกเขยคนนั้นฟังดูซับซ้อนและร้ายแรงมาก แต่แล้วทั้งครอบครัวกลับปรากฏตัวเช่นนี้ รู้สึกเหมือนฝันไปเลย…
อินหลิวเฟิงพึมพำอย่างไม่รู้ตัว “ข้าคิดว่าพวกเจ้าจะเปิดตัวตอนสุดท้ายซึ่งเป็นตอนที่สำคัญที่สุดเสียอีก เพราะบทละครก็เขียนกันเช่นนี้ พระเอกที่ยอดเยี่ยมเข้ามาช่วยประชาชนที่ตกอยู่ในภัยพิบัติในช่วงจังหวะความเป็นความตาย”
ไม่ผิดที่อินหลิวเฟิงจะคิดเช่นนี้ เพราะถึงอย่างไรหลังจากที่ผ่านพ้นเรื่องราวมากมาย เยี่ยนอวี๋และต้าซือมิ่งก็กลายเป็นตัวเอกของต้าซย่าไปโดยปริยาย พวกเขาเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ทั้งแผ่นดินต้าซย่าอยู่รอดได้
ทว่าเยี่ยนอวี๋พวกเขาก็ปรากฏตัวแล้ว แต่…
“เดี๋ยวนะ นี่คือเสี่ยวเป่าหรือ” หลังจากที่เยี่ยนชิงมองดูบุตรสาวแล้ว เขาก็พบว่าเจ้าตัวน้อยผอมลงและมองไปที่ต้าซือมิ่งด้วยสายตาตำหนิเหมือนกับที่หรงอี้คิดไว้ก่อนหน้านี้ เขาเริ่มสงสัยว่าหรงอี้ทารุณเด็กน้อย เพราะถึงอย่างไรเจ้าตัวน้อยก็ผอมลงไปเยอะมาก รู้สึกราวกับเป็นบาปหนักนัก!
ดังนั้นหลังจากที่ทุกคนดึงสติกลับมาจากความตะลึงได้ก็รีบถามว่า “เสี่ยวเป่าเป็นอะไรไปหรือ?!”
“ไม่เป็นอะไร” เยี่ยนอวี่พูดได้เพียงว่า “พวกท่านก็คิดเสียว่าเขาถูกย่อจนเหลือเพียงแก่นแท้เถิด”
พ่อลูกทั้งสองครอบครัวสีหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม แบบนี้ก็ได้หรือ
ทว่าเยี่ยนอวี๋คิดเช่นนั้นจริงๆ “เสี่ยวเป่าสบายดี ดีกว่าเมื่อก่อนด้วย”
“ไม่ได้ ข้าขอดูหน่อย” เยี่ยนชิงทำท่าจะอุ้มเด็กน้อยอย่างเป็นกังวล จากนั้นเขาก็พบว่า ทุกครั้งที่เขาต้องการอุ้มเด็กน้อยออกมาจากอ้อมแขนของว่าที่ลูกเขย เด็กน้อยมักจะส่งเสียงพึมพำและกอดท่านพ่อของเขาไว้แน่น…
“ก็ได้” เยี่ยนชิงทำอะไรไม่ได้ แต่เขาก็รับรู้จากแรงของเด็กน้อยว่าแม้เจ้าตัวน้อยจะตัวเล็กลง แต่เขามีแรงมากขึ้นกว่าเดิม คงจะถูกย่อจนเหลือเพียงแก่นแท้จริงๆ
เพียงแต่ว่าเยี่ยนชิงเพิ่งจะคิดเช่นนี้ ทางทิศเหนือของสำนักชางอู๋ บริเวณตำแหน่งของโยวตูก็เกิดเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว?!
นี่มัน…