ตอนที่ 414 งานมงคลสมรสสำนักชางอู๋! ต้าซือมิ่งผมสีฟ้าปรากฏตัว!
การตอบสนองของเยี่ยนชิงมีเพียงความเงียบงันอันยาวนาน
เงียบเสียจนเยี่ยนอวี๋รู้สึกเสียใจที่เอ่ยเรื่องนี้เร็วเกินไป นางเป็นห่วงว่าท่านพ่อเจ้าน้ำตาของนางจะร้องไห้ ทว่าเยี่ยนชิงไม่ได้ร้อง เขาเพียงรู้สึกเศร้าโศกที่ทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว ท้ายที่สุดบุตรสาวสุดที่รักก็ต้องจากตนเองไป ตนจึงพลันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“ท่านพ่อ?” เยี่ยนอวี๋เรียกเขาเบาๆ อย่างเป็นกังวล
เยี่ยนเสี่ยวเป่ายังลงไปยืนบนพื้น เดินเตาะแตะเข้าไปหาท่านตาและกอดขาของท่านตาไว้ “ตา?”
ดวงตาปานเสือของเขาอ่อนโยนลงในทันใดก่อนจะอุ้มหลานชายน้อยขึ้นมา “ต้องพาเสี่ยวเป่าไปด้วยหรือ”
“ใช่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าขานตอบเองก่อนแล้ว
“แล้วก็ข้าด้วย!” ลูกไก่บินขึ้นมาบอกว่ามันจะไปด้วย
เยี่ยนจื่อเสามองลูกไก่ตัวน้อยที่บินได้อย่างพินิจพิเคราะห์ “จะว่าไปแล้ว แม้จะไม่ได้ยินเป็นครั้งแรก แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าไก่ที่พูดได้ดูแปลกจังเลย!”
“เพราะว่าเจ้าไม่เคยเปิดหูเปิดตาไง!” ลูกไก่กล่าวดูแคลนเยี่ยนจื่อเสา
เยี่ยนจื่อเยี่ยเอ่ยถามว่า “คิดไว้ว่าจะไปเมื่อไหร่หรือ”
เยี่ยนอวี๋กรพริบตาสองสามที นางไม่คิดว่าท่านพ่อและพี่ชายจะมีท่าทีเหมือนรู้อยู่แต่แรกแล้ว เพราะพวกเขาดูไม่ตกใจเลยและไม่มีทีท่าอาวรณ์ด้วย
เยี่ยนจื่อเยี่ยที่ดูออกว่าเยี่ยนอวี๋คิดอะไรก็ถอนหายใจและอดกล่าวอย่างเอ็นดูไม่ได้ว่า “อวี๋เอ๋อร์เจ้าคนซื่อบื้อ เจ้าคิดว่าพี่และท่านพ่อโง่หรือ สิ่งที่เจ้าและว่าที่น้องเขยทำ มีเรื่องใดที่ธรรมดาบ้าง ความสามารถของพวกเจ้ายังแข็งแกร่งกว่าเทพเสียอีก”
“นั่นน่ะสิ แม้พี่ไม่ค่อยมีความรู้ และยังอ่านหนังสือน้อย แต่ก็รู้สถานการณ์ของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์และน้องเขยไม่มากก็น้อย พวกเจ้าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ ดังนั้นเรื่องที่พวกเจ้าจะไปสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ข้า พี่ใหญ่และท่านพ่อคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว” เยี่ยนจื่อเสาก็พูดบ้าง
ตั้งแต่ตอนที่เยี่ยนอวี๋ไปแดนมืดวิญญาณอสูร พ่อลูกตระกูลเยี่ยนก็คุยเรื่องนี้กันตลอดคืน และเห็นพ้องตรงกันว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของพวกเขาคงกลายเป็นเทพไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะหนทางสู่เทพปิดตัวไปนานแล้ว เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของพวกเขาคงเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นเทพแล้ว
ทว่าแม้ว่าวิถีแห่งเทพจะปิดลงแล้วก็มิอาจขัดขวางเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ผู้โดดเด่นและสามีไม่ธรรมดาของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ได้ ดังนั้นเรื่องที่พวกเขาทั้งสามต้องจากสำนักชางอู๋ กระทั่งต้าซย่าโลกมนุษย์แห่งนี้ พวกเขาก็รู้อยู่แก่ใจตั้งแต่แรกแล้ว
เพียงแต่ว่าเรื่องถึงบัดนี้ย่อมรู้สึกอาวรณ์เป็นธรรมดา เยี่ยนชิงที่อุ้มหลานชายน้อยไว้ข่มความอาวรณ์และความเศร้าโศกไว้ในใจ เสนอขึ้นว่า “หากเป็นไปได้ ค่อยไปหลังจากเสร็จพิธีแต่งงานเถอะ”
ไม่ว่าอย่างไร เยี่ยนชิงหวังว่าจะได้ร่วมเป็นสักขีพยานในงานแต่งของบุตรสาวและลูกเขย ได้เห็นทั้งครอบครัวสุขสันต์ เช่นนั้นไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เขาก็ทำให้ภรรยาสุดที่รักของเขาวางใจได้แล้ว
“เจ้าค่ะ” เยี่ยนอวี๋ก็คิดเช่นนี้ แม้เรื่องของเสี่ยวเป่าจะด่วน แต่ก็ไม่รีบถึงขนาดต้องแก้ไขทันที
“ดี!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าปรบมืออวบอ้วนของตน “แม่! พ่อนอนกับเสี่ยวเป่า!”
เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวน้อยยังจำ ‘สัญญา’ ที่ท่านพ่อให้ไว้ เขาเข้าใจว่าการแต่งงานหมายถึงท่านพ่อและท่านแม่ของเขานอนกับเขาได้แล้ว แค่คิดก็มีความสุขแล้ว! เยี่ยนเสี่ยวเป่ารู้สึกดีใจราวกับมีดอกไม้เบ่งบานในใจแล้ว “คิกๆ”
เยี่ยนอวี๋หมดคำพูด นางขึ้นไปหยิกแก้มนุ่มนิ่มของเด็กน้อย “เจ้านี่นะ!” ไม่รู้ว่าถูกท่านพ่อของเจ้าล้างสมองไปเท่าไร หลงทางไปหมดแล้ว
“ฮี่ๆ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจับมือท่านแม่ของนางพลางเรียกท่านพ่อ “พ่อ! จ๊อกๆ! จะ จะกินข้าวอร่อยๆ! ไม่ ไม่กินขนม”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กินขนมไหน่เกาไปหลายมื้อก็ไม่อยากกินขนมไหน่เกาอีกแล้ว เขาคิดถึงข้าวแสนอร่อยเช่นเนื้อสับ ไข่ตุ๋น และข้าวต้มปลาของเขาแล้ว!
ทว่าคำพูดของเด็กน้อยทำให้เยี่ยนชิงเข้าใจผิด “ตั้งแต่ที่พวกเจ้าไปให้เสี่ยวเป่ากินแค่ขนมไหน่เกาหรือ มิน่าเล่าเขาจึงผอมแห้งเช่นนี้!”
“?” เยี่ยนเสี่ยวเป่างุนงง เพราะที่เขาผอมไม่ได้เกี่ยวอะไรกับขนมไหน่เกา
เยี่ยนอวี๋ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี “ท่านพ่อ ไม่ใช่แบบนั้นนะเจ้าคะ”
“แล้วต่อไปพวกเจ้าไปสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็จะไม่มีเวลาทำอาหารให้เสี่ยวเป่าหรือ” เยี่ยนชิงมองต้าซือมิ่งด้วยแววตาจริงจัง
แต่ต้าซือมิ่งยังไม่ทันปริปาก เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็จับท่านตาของเขาไว้ “เกาเกาชอบ! เป่าชอบ! ก็ ก็แค่ตอนนี้ไม่กิน ห้าม ห้ามว่าพ่อเป่า!”
เยี่ยนชิง “…”
เขาไม่รู้ว่าจะดีใจกับหลานชายน้อยที่พูดเก่งแล้วหรือควรกลุ้มใจกับหลานชายน้อยที่ปกป้องท่านพ่อของเขาอีกแล้ว! ถึงกับว่าไม่ได้เลยสักคำ
ทว่าต้าซือมิ่งผู้ฉลาดทางอารมณ์ก็ตอบว่า “ท่านพ่อตาคิดมากไปแล้วขอรับ อาหารของเสี่ยวเป่า ข้าเตรียมให้ทุกครั้ง แต่การไปแดนมืดครั้งนี้ ให้เขากินขนมไหน่เกามากเกินไปจริงๆ ต่อไปจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว”
“เจ้ารู้ว่าต้องระวังก็ดี ถึงอย่างไรการเลี้ยงลูกสักคนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย” เยี่ยนชิงพูดพลางบีบขาของหลานชาย ยังคงรู้สึกสงสารหลานชายน้อยที่ผ่ายผอมลงอยู่ดี “ไม่รู้ว่าจะกลับมาอ้วนเมื่อไหร่”
“ผม…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถอนหายใจเช่นกันก็ลูบศีรษะตนเอง ไม่รู้ว่าผมของตนจะงอกกลับมาเมื่อไร ทำเอาเขากลัดกลุ้มจนใบหน้าน้อยๆ ของเขาปรากฏความโศกเศร้าเล็กน้อย
เยี่ยนจื่อเสาที่บังเอิญเห็นท่าทีของเจ้าตัวน้อยก็อุทานขึ้นมาว่า “ไม่พูดข้าก็คงไม่รู้ เสี่ยวเป่า! หัวของเจ้ากลับไปโล้นอีกแล้ว! น่ารักดีนะ มานี่! ขอลุงจับหน่อย!”
“ออกไป!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามุดเข้าไปในอ้อมอกของท่านตาอย่างโมโห เขายังโก่งก้นไปทางลุงรองของเขา แสดงท่าทีรังเกียจสุดฤทธิ์ ทำเอาเยี่ยนชิงขบขัน “สม!” เจ้าลูกชายบัดซบคนนี้วอนโดนตบสักที!
เยี่ยนจื่อเยี่ยก็หัวเราะ ทว่าเขาก็ลุกขึ้นยืนพูดว่า “เช่นนั้นข้าแจ้งคนในสำนักก่อน และให้พ่อลูกโยวตูอ๋องอยู่ร่วมพิธี งานแต่งจัดที่สำนักชางอู๋เถอะ น้องเขยคิดว่าอย่างไร”
“ได้ ข้าจะเรียกหลานชังมาช่วย” หรงอี้ไม่คัดค้านแต่อย่างใด
แม้เยี่ยนจื่อเยี่ยรู้ว่าเขาไม่มีความเห็นใดๆ แต่ก็อดรู้สึกใจหายกับความตรงไปตรงมาของเขาไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนจะไม่สนใจสายตาผู้อื่นเช่นต้าซือมิ่ง เขาสนใจแต่จะได้แต่งงานกับใครเท่านั้น
แต่การที่เยี่ยนจื่อเยี่ยเสนอให้จัดงานในสำนักชางอู๋ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องการให้น้องเขยคนนี้แต่งเข้าสำนักชางอู๋ เขาเพียงแค่คิดว่าบัดนี้เมืองหลวงบรรยากาศเต็มไปด้วยความอัปมงคล ไม่เหมาะที่จะจัดงานมงคลสมรส อีกทั้งท่านพ่อของเขารักน้องสาวเช่นนี้ หากเป็นไปได้ย่อมหวังให้น้องสาวแต่งงานในสำนักชางอู๋ ดังนั้นในเมื่อน้องเขยไม่สนใจเรื่องนี้ เช่นนั้นเขาจะจัดพิธีแต่งงานตามที่ท่านพ่อของเขาชอบ จะต้องให้น้องสาวมีความสุขที่สุดในวันแต่งงาน!
…
ในขณะที่สำนักชางอู๋เริ่มจัดเตรียมงานสมรสของเยี่ยนอวี๋และต้าซือมิ่ง ณ ดินแดนลี้ลับบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เสียงหอบหายใจอ่อนรวยรินดังไม่หยุด ซึ่งรู้ได้ว่าเจ้าของของเสียงเสียงนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส หากไม่ใช่เพราะปราณโลหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายเขาและการขับเคลื่อนของพลังปราณถูกกลิ่นอายโหดเหี้ยมที่แผ่ซ่านออกมาอย่างต่อเนื่องจากแดนลับกลืนกิน ตำแหน่งของเขาคงถูกเปิดโปงแล้ว
“ให้ตายเถอะ…” เขาคับแค้นใจยิ่งนัก แต่ก็ทำได้เพียงคับแค้นใจ หลังจากที่เขาพักครู่หนึ่งแล้วก็อดมองเข้าไปในส่วนลึกของแดนลับไม่ได้ และในที่นั้น…
ใต้ต้นอิงสีเลือดมีชายผมฟ้าเสื้อขาวคนหนึ่ง ผมของเขามีสีฟ้าดุจน้ำทะเล มันพลิ้วไหวเบาๆ ภายใต้ลมที่โชยพัดจากแดนลับ รอบกายเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเงียบสงบและลึกลับไร้ที่สิ้นสุด
ทว่าความเงียบสงบเช่นนี้กลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่พร้อมจะระเบิด! ทำให้รู้สึกถึงภัยอันตรายอันน่าหวาดหวั่น แต่ก็เงียบสงบจนอ่อนโยน สร้างความรู้สึกย้อนแย้งอย่างรุนแรง
สิ่งที่กล่าวมานี้ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ หากเยี่ยนอวี๋อยู่ที่นี่ นางจะเห็นว่าชายหนุ่มผมสีฟ้าในชุดขาวคนนี้มีหน้าตาเหมือนกับหรงอี้ผู้ชายของนางเช่นกัน!