ตอนที่ 433 ข้าบอกให้เจ้าคุกเข่า! ทั้งครอบครัวของเจ้าก็ต้องคุกเข่า!
ผู้ดูแลตำหนักอี้หยางตะโกนด้วยความโมโห! และยังซัดฝ่ามือใส่จิ่วอิง แต่แล้ว…
ซู่!
ซู่ๆ!
ต้นไม้โบราณไป๋เฟิงที่งอกเงยขึ้นมาเองก็ป้องกันการโจมตีของผู้ดูแลตำหนักอี้หยางไว้ทั้งหมดแล้ว ไม่ปล่อยให้ผู้อื่นลงมือเลย
“เอ่อ…”
เหล่าทวยเทพเมืองไป๋เฟิงที่ดึงสติกลับมาได้เล็กน้อยก็งงงัน! เพราะต้นไม้โบราณไป๋เฟิงต้องปกป้องคนของตนเองสิ! ท่านเทพอี้หยางไม่ใช่คนของตนเองรึ!
“เป็นไปได้อย่างไร…” ท่านเทพผิงเฉิงที่ถูกกระแทกจนหน้ามืดตาลายก็งงงันเช่นกัน เพราะเยี่ยนอวี๋ผู้ที่เขาคิดว่าเป็นปีศาจต้นไม้ไม่ได้เคลื่อนไหวเลย!
หรือพูดได้ว่า ต้นไม้โบราณไป๋เฟิงปกป้องตนเองอัตโนมัติ แต่ว่า…คนที่มาคือคนของตนเองนี่!
อย่าว่าแต่ท่านเทพผิงเฉิงที่งุนงงเลย เหล่าทวยเทพที่ติดตามอี้หยางมาล้วนงงงัน!
มีเพียงท่านเทพอี้หยาง เนื่องจากนางพุ่งความสนใจไปที่ศพของเยี่ยนชื่อเฟิง นางจึงไม่ได้งงงันไปกับพวกเขาด้วย นางพุ่งตัวลงไปหาเยี่ยนชื่อเฟิงแล้ว “ชื่อเฟิง!”
“ซู่” ต้นไม้โบราณไป๋เฟิงที่กวาดล้างอีกครั้ง มันดึงเหง้าไม้ขนาดยักษ์ออกมาตวัดลงไปที่ท่านเทพอี้หยาง
ทว่าเห็นได้ชัดว่าความสามารถของท่านเทพอี้หยางแข็งแกร่งกว่าท่านเทพผิงเฉิงมาก ขณะที่นางปัดแขนออกไป แสงก็สว่างเจิดจ้า ทำให้รากไม้ของไป๋เฟิงล่าถอยทันที
ฟิ้ว!
ครั้นท่านเทพอี้หยางกำลังจะหายตัวลงไปข้างล่าง
ซู่!
ต้นไม้โบราณไป๋เฟิงที่ดึงรากไม้ขนาดใหญ่กว่าเดิมออกมาไล่ตามไป มันระเบิดพลังที่น่าสะพรึงกว่าเดิมออกมา อีกเพียงพริบตาก็จะซัดท่านเทพอี้หยางลอยออกไปแล้ว
“บัดซบ!” เทพต้นไม้ที่ถูกองค์หญิงเจ็ดเรียกตัวมาก็ปล่อยพลังแสงสีเขียวไปทางต้นไม้โบราณไป๋เฟิงเพื่อยับยั้ง ‘การก่อจลาจล’ ของต้นไม้โบราณไป๋เฟิงไว้
“ชื่อเฟิง!” ท่านเทพอี้หยางจึงหายตัวลงไปอย่างรวดเร็ว กอดเยี่ยนชื่อเฟิงที่ตายจนตายกว่านี้ไม่ได้อีกไว้ในอ้อมอก “ชื่อเฟิง! ชื่อเฟิง! แม่มาแล้ว ลูกตื่นสิ!”
“…” เยี่ยนชื่อเฟิงที่ไร้ซึ่งชีพจรแล้วก็ไม่สามารถตอบสนองใดๆ ได้
ท่านเทพอี้หยางจับร่างเย็นเฉียบของบุตรชายไว้ นางรู้สึกได้เช่นกันว่าบุตรชายคนนี้ตายแล้ว ส่วนพลังจิตที่นางทิ้งไว้ในร่างบุตรชายกลับสมบูรณ์ดี เกรงว่าเป็นเพราะบุตรชายจากไปเร็วเกินเหตุ… เร็วจนพลังจิตที่นางทิ้งไว้ยังไม่ทันรับรู้ถึงอันตรายชีวิต! ดังนั้นนอกจากอาการใจสั่นก่อนหน้านี้ ก็ไม่สามารถรับรู้อย่างอื่นได้เลย!
“ชื่อเฟิง…” มือที่สั่นระริกของท่านเทพอี้หยางกุมดวงตาที่เปื้อนเลือดของเยี่ยนชื่อเฟิงไว้ นางจินตนาการได้ว่าลูกต้องตายตาไม่หลับ แต่เขาไม่มีดวงตาแล้ว นางไม่เห็นกระทั่งสายตาก่อนจากไปของลูก
“ชื่อเฟิง!” ท่านเทพอี้หยางกอดศพเย็นยะเยือกของบุตรชายสุดที่รักไว้แน่น ปล่อยโฮออกมาอย่างมิอาจกลั้นไว้ได้ ไม่ว่าบุตรคนนี้ของนางจะไร้ซึ่งความก้าวหน้าและทำให้นางผิดหวังเพียงใด แต่เขาก็เป็นบุตรชายที่นางให้กำเนิดด้วยเลือดเนื้อของตนเอง! หลายปีที่ผ่านมานี้ เพราะนางกลัวว่านิสัยของบุตรชายจะไปยั่วยุเทพที่ไม่สมควรมีเรื่องด้วย นางจึง ‘ส่ง’ เขามายังเมืองชายแดนเล็กๆ นางคิดไว้ว่าในเมืองไป๋เฟิงเมืองเล็กๆแห่งนี้ ไม่ว่าลูกจะก่อปัญหาอะไรก็ไม่ทำให้เทพเหล่านั้นเดือดร้อน
เช่นนั้นนางก็จะได้ช่วยจัดการปัญหาทุกสิ่งของลูกได้ง่ายดาย! และทำให้เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขตามปรารถนาตลอดไป นางไม่ต้องการให้เขาก้าวหน้า ไม่ต้องการ! แต่ว่า…
“ทำไม!” ท่านเทพอี้หยางไม่เข้าใจ สิ่งที่นางของ่ายดายเช่นนี้ ไยจึงมิอาจได้สิ่งที่ต้องการ สิ่งที่นางขอถือว่าง่ายมากแล้วมิใช่หรือ
ทว่าเยี่ยนอวี๋ที่อ่านความคิดของท่านเทพอี้หยางออก นางก็กวาดตามองท่านเทพวัยกลางคนองค์นี้ และไล่รากไม้ไป๋เฟิงที่เตรียมจะตวัดลงมาอีกครั้งกลับไป นางดูออกว่าท่านเทพท่านนี้รักบุตรชายมาก น่าเสียดาย…
“มีลูกแต่ไม่อบรมเป็นความผิดของมารดา เจ้าคิดว่าเมืองไป๋เฟิงเล็กๆ แห่งนี้จะไม่ปรากฏเทพที่เขาไม่ควรมีเรื่องด้วย แต่เคยคิดที่จะสอนให้เขาปฏิบัติตัวเป็นเทพที่ดี ไม่ก่อปัญหาหรือไม่” เยี่ยนอวี๋ผู้รู้จักหัวอกของมารดาดีก็พูดปลอบนาง แม้เยี่ยนชื่อเฟิงไม่เอาไหน แต่ความเจ็บปวดที่สูญเสียบุตรชายของท่านเทพอี้หยางในบัดนี้ เยี่ยนอวี๋ก็เห็นว่าเป็นคนละเรื่อง นางเป็นคนรู้จักแยกแยะมาแต่ไหนแต่ไร
แต่จะทำอย่างไรได้ ท่านเทพอี้หยางไม่รับไว้ นางมองไปตามเสียง เมื่อเห็นหน้าตาของเยี่ยนอวี๋ นางก็รู้ทันทีว่าเหตุใดบุตรชายของนางจึงหาเรื่องผู้อื่น ทว่า…
“นังสารเลว! ในเมื่อเจ้ามีใบหน้างดงามเช่นนี้ ก็ไม่ควรโอ้อวดให้บุตรชายข้าเห็น บัดนี้เจ้าฆ่าบุตรข้า กลับยังบอกว่าข้าสอนบุตรไม่ดีอีกหรือ”
ท่านเทพอี้หยางพูดขู่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้น “แม้บุตรข้ามีปัญหาจริง แต่หากพวกเจ้าไม่หาเรื่องเขา เขาจะทำผิดได้อย่างไร พวกเจ้ากลับไม่เพียงทำให้เขาตาบอด ยังเอาชีวิตเขาไปอย่างโหดร้ายเช่นนี้!”
“ฮ่า!” อินหลิวเฟิงที่ฟังถึงตรงนี้ก็รู้สึกขบขัน “ตามที่เจ้าพูด กูไหน่ไนของพวกเราเกิดมาสวยเป็นความผิดของนางด้วยหรือ เพียงเพราะว่าบุตรชายของเจ้ามีปัญหา กูไหน่ไนของเราไปไหนมาไหนต้องหลบๆ ซ่อนๆ มิเช่นนั้นเป็นความคิดของกูไหน่ไนของเรารึ”
“ใช่แล้ว!” ท่านเทพอี้หยางคิดเช่นนี้ “พวกเจ้ารู้ว่าเขาเจ้าชู้ยังมาหาเรื่องเขา ก็คือความผิดของพวกเจ้า! พวกเจ้ายังฆ่าเขา ข้าจะฆ่าพวกเจ้า เลือดต้องล้างด้วยเลือด!”
“ถุย!” อินหลิวเฟิงอยากจะหัวเราะ “ใครจะไปรู้ว่าเขาลามกเจ้าชู้หรือไม่ เขาคือใครกัน บิดาเทียนตี้หรือหยวนสื่อเทียนจุน มารดาใครจะต้องรู้จักนิสัยของเขารึ”
“เจ้า…” ท่านเทพอี้หยางสูดลมหายใจเข้าลึก “ตัวข้าไม่ถือสากับเทพเถื่อนตัวกระจ้อยหรอก องค์หญิงเจ็ด! ท่านโปรดช่วยข้าด้วย!”
ตี้เซินที่ถูก ‘ขานเรียก’ กลับมิได้เอ่ยปากพูดอะไร ในความเป็นจริงแล้วตั้งแต่ที่มาถึงจนถึงบัดนี้ นางมิได้เอ่ยอะไรเลย เพียงแค่สำรวจกลุ่มคนเยี่ยนอวี๋อย่างสนอกสนใจ แม้แต่ท่านเทพอี้หยางพูดอะไรไป นางก็ไม่ได้ฟัง จึงย่อมไม่ได้ฟังคำขอร้องของท่านเทพอี้หยางเช่นกัน บัดนี้นางกำลังมองสำรวจต้าซือมิ่งและเด็กน้อยที่เขาอุ้มไว้อย่างใจจดใจจ่อ
“องค์หญิงเจ็ด ต้นไป๋เฟิงต้นนี้ผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ” เทพต้นไม้ผูเอ้อตัว ผู้เข้ามาช่วยเหลือจำเป็นต้องเตือนองค์หญิงเจ็ดที่ใจลอยตรงหน้าท่านนี้ “องค์หญิงเจ็ด ท่านระวังตัวด้วย”
“หืม?” ตี้เซินที่ดึงสติกลับมาได้เล็กน้อยก็เลิกคิ้วถามว่า “ผิดปกติอย่างไร”
“ยังไม่แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ แต่ความสามารถของมันไม่ใช่ต้นไม้พิทักษ์ไป๋เฟิงธรรมดาๆ แล้ว” ผูเอ้อตัวกล่าวอย่างมั่นใจ ใบหน้าที่เขียวเหมือนใบไม้กลายเป็นสีเขียวดำเคร่งขรึมอย่างหาดูได้ยาก
ตี้เซินชะงักเล็กน้อย “กลายพันธุ์รึ”
“เป็นไปได้พ่ะย่ะค่ะ” ผูเอ้อตัวมิอาจยืนยันได้
ในขณะเดียวกัน ท่านเทพอี้หยางที่ไม่ได้รับการตอบสนองก็โขกศีรษะลงพื้นเสียงดังลั่น “องค์หญิงเจ็ด ท่านโปรดช่วยอี้หยางด้วยเพคะ ชื่อเฟิงจะเลวร้ายเพียงใด เขาก็เป็นหลานชายของเทียนอ๋อง จะปล่อยให้เทพเถื่อนโอหังเช่นนี้มิได้!”
ท่านเทพผิงเฉิงที่เพิ่งได้สติกลับมาจากความตกตะลึงและอาการเวียนศีรษะได้ยินดังนั้นก็รีบขอร้องวิงวอนตาม “องค์หญิงเจ็ดโปรดช่วยด้วยพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมจะเลวร้ายเพียงใด ก็เป็นถึงเจ้าเมืองผิงเฉิง แต่กลับถูกดูหมิ่นเช่นนี้…”
ท่านเทพผิงเฉิงเอ่ยคำที่เหลือไม่ออกแล้ว เพราะจิ่วอิงเคลื่อนไหวอีกแล้ว
วืด จิ่วอิงเหวี่ยงหางขึ้น มันสะบัดหางเล่นอีกครั้ง!
“โอ๊ย!”
“ช่วยด้วย!”
“องค์หญิงเจ็ดช่วยด้วยยย”
เหล่ากองทัพสวรรค์ที่ได้ยินว่าผู้ที่มาคือองค์หญิงเจ็ดต่างแหกปากร้องขอความช่วยเหลือ
เยี่ยนเสี่ยวเป่ามอง ‘องค์หญิงเจ็ด’ บนท้องฟ้า ก่อนจะมองจิ่วอิงที่อยู่ไม่ไกล เขาปรบมืออย่างตื่นเต้นดีใจ “ว้าววว อิงเก่ง!”
“แน่นอน!” จิ่วอิงเชิดหน้าทั้งเก้าขึ้น มันสะบัดหางเล่นให้เสี่ยวเป่าดูโดยไม่สนใจว่าผู้ที่มาคือใคร เหวี่ยงจนเกิดเสียงดัง ตุบๆ เข้าจังหวะกันเป็นอย่างดี
“คิกๆ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายื่นมือออกไปหาจิ่วอิงอย่างหวั่นไหว “พ่อ! ไป! ไปอิงอิง!”
ต้าซือมิ่งลูบเด็กน้อย ครั้นกำลังจะตามใจเขา องค์หญิงเจ็ดท่านนั้นกลับปริปากพูดขึ้นว่า “เข่นฆ่าเจ้าเมืองไป๋เฟิง ทุบตีเจ้าเมืองผิงเฉิง สบประมาทกองทัพสวรรค์ ทำให้ต้นไม้โบราณไป๋เฟิงกลายพันธ์ จุ๊ๆ! พวกเจ้าเก่งไม่เบาเลยนี่”
“องค์หญิงโปรดเจ็ดช่วยด้วยเพคะ!” ท่านเทพอี้หยางโขกศีรษะอีกครั้ง นางไม่เชื่อว่ากลุ่มเทพเถื่อนที่ทำความผิดมากมายเช่นนี้จะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ถึงแม้ความสามารถของพวกเขาจะน่าทึ่งจริงๆ แต่ผู้ที่มาคือองค์หญิงเจ็ด! บุตรสาวโดยแท้เพียงหนึ่งเดียวของเทียนตี้และเทียนโฮ่ว!
ในเมื่อองค์หญิงเจ็ดมาแล้ว ย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไว้เช่นนี้แน่ ดังนั้นนางจึงพยักหน้าพูดว่า “แจ้งชื่อของพวกเจ้ามา ไปตำหนักสวรรค์พร้อมข้า”
เยี่ยนอวี๋ไม่ชินกับการเงยหน้ามองผู้อื่น แต่ด้วยสถานะของฝ่ายตรงข้าม นางจึงมิได้ลงมือทันที เพียงแค่กล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าอยากเข้ามายุ่งเรื่องนี้ เช่นนั้นก็ลงมาพูด”
“ฮึ! กล้าดีนัก!” ท่านเทพอี้หยางหยันเหยียดมองเยี่ยนอวี๋ นางคิดไปถึงจุดจบอันน่าสลดของนังสารเลวคนนี้แล้ว! คนที่กล้าพูดจาเช่นนี้กับองค์หญิงเจ็ดไม่มีทางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้! ตัดความยุ่งยากไปได้สบาย
ส่วนตี้เซินองค์หญิงเจ็ด นางก็ทำได้สมกับชื่อผู้รับมือยาก รอบกายนางแผ่ซ่านพลังเทพออกมา จากน้ำเสียงใจลอยกลายเป็นน้ำเสียงเย้ยหยัน “เจ้าจะให้ข้าลงไปพูดกับเจ้า? เจ้าน่ะหรือ คู่ควรด้วยรึ!”
“ลงมา” เยี่ยนอวี๋ตอบเพียงสองคำ และปล่อยพลังกดดันศักดิ์สิทธิ์ไปหาตี้เซิน
ทันใดนั้น…
ตุบ!
องค์หญิงเจ็ดตี้เซินก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้าและคุกเข่าลงบนพื้นภายใต้สายตาไม่อยากจะเชื่อของทุกคน