ตอนที่ 482 สวรรค์พิโรธ! เทียนโฮ่วระเบิด!
ซีเหอสะดุ้งตื่นจากการสลบไสล สีหน้านางซีดเผือดราวกับกระดาษ เหงื่อไหลท่วมศีรษะเพราะนางฝันว่าเยี่ยนอวี๋กลับมา ฝันว่าเยี่ยนอวี๋และเหล่าขุนเขาและท้องทะเลเหยียบศีรษะของนางจนจมดิน
“เหนียงเหนียง ทรงตื่นแล้วหรือเพคะ!” หลิงเย่ว์โล่งอก เพราะว่าซีเหอตื่นเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งทำให้ตำหนักสวรรค์เสถียรยิ่งขึ้น
ทว่าซีเหอกลับใจเต้นระรัว หนังตาก็กระตุกไม่หยุด! ในฐานะที่เป็นมหาเทพ นางรู้ดีว่าสภาพการณ์ของตนเองผิดปกติ นางถามทันทีว่า “สถานการณ์สวรรค์ชั้นเก้าเป็นอย่างไรบ้าง เกิดอะไรขึ้นหรือไม่”
หลิงเย่ว์สีหน้าไม่สู้ดีนักเพราะนางต้องการให้ซีเหอพักผ่อนมากกว่านี้ ถึงอย่างไรสายฟ้าหลากสีนั่นก็ทำให้นางบาดเจ็บหนัก หากไม่ดูแลรักษาทันทีอาจจะสร้างความเสียหายที่มิอาจชดเชยได้
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่!” ซีเหอกลับเค้นถาม
หลิงเย่ว์คุกเข่าลงทันที “องค์หญิงเจ็ดยังไม่กลับมาเพคะ หม่อมฉันสั่งคนไปเร่งแล้ว แต่องค์หญิงเจ็ดก็ไม่ยอม…กลับมา”
“เรื่องแค่นี้เองหรือ…” ซีเหอโล่งอก “เซินเซินคงคิดว่าข้าไม่เป็นอะไร นางน่ะมีเหตุผลของนาง ประเดี๋ยวก็บอกว่านางไม่ใช่หมอวิเศษวิโสอะไร ประเดี๋ยวก็บอกว่านางมาแล้วก็ได้แต่อยู่เฉยๆ ช่วยอะไรไม่ได้”
“เหนียงเหนียงไม่ทรงกริ้วก็ดีแล้วเพคะ” หลิงเย่ว์ถอนหายใจโล่งอก นางกลัวว่าเหนียงเหนียงของพวกนางจะบันดาลโทสะทำให้ชีพจรและหัวใจที่เพิ่งฟื้นฟูกลับมาได้อย่างยากลำบากจะระเบิดออกมาอีกครา เกรงว่าต่อไปคงไม่ใช่เพียงไม่สามารถเลื่อนขั้นตบะ แต่ยังจะตกขั้นอีกด้วย
หากเป็นเช่นนั้น… หลิงเย่ว์ไม่กล้าคิดต่อไป สุดท้ายนางจึงไม่ได้รายงานเรื่องที่เมืองเซวียนหยวนมารายงาน รวมถึงรายงานด่วนจากเมืองต้าจ้างฟู และคำร้องขอความช่วยเหลือของเมืองเทพสุริยันจันทราให้ซีเหอทราบ
ทว่าหลิงเย่ว์ไม่รายงานก็ใช่ว่าเรื่องภายนอกจะ ‘หยุด’ ลง
โดยเฉพาะ…
ครืน!
สายฟ้าที่ฟาดลงมาพร้อมเสียงฟ้าร้องสั่นสะเทือนไม่หยุดยังคงทำให้ซีเหอรู้สึกไม่วางใจ “เหตุใดยังมีสายฟ้า มหาเทพอัสนีทำอะไรอยู่! ไปบอกเขาสียว่าข้าไม่อยากได้ยินเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าใดๆ อีก!”
“เพคะ! หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้” หลิงเย่ว์รีบสั่งลูกน้องต่อทันที ส่วนตนเองนั้นก็ไม่กล้าจากเหนียงเหนียงไปแม้แต่ก้าวเดียวเพราะกลัวว่านางฟ้าตำหนักอื่นจะปิดปากไม่อยู่ ปล่อยให้ข่าวรั่วไหลออกไป ทว่าต่อให้หลิงเย่ว์จะเข้มงวดอย่างไร สายฟ้าอันน่าสะพรึงของจักรวาลที่มหาเทพอัสนีไม่สามารถควบคุมได้ยังคงไม่สามารถยับยั้งได้!
ผ่านไปเพียงไม่นาน…ซีเหอก็มองหลิงเย่ว์อย่างสงบ กล่าวว่า “บอกมาเถิด เกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้ารับไหว”
หลิงเย่ว์คุกเข่าลงพื้นเสียงดัง ตุบ สีหน้านางซีดเผือด นางฝืนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ได้แต่รายงานอย่างตรงไปตรงมา
ซีเหอเพียงสูดลมหายใจเข้าลึกไม่ได้กระอักเลือดแต่อย่างใด “หมายความว่ามั่นใจได้ว่าปฐมราชินีเกิดใหม่แล้วจริงๆ เทพซีหวังหมู่ เทพอัสนีก็ออกมาด้วยแล้ว ทั้งพวกเขายังบุกเข้าไปในตระกูลฝั่งมารดาของข้าแล้วด้วย”
“เป็นเช่นนั้นเพคะ หม่อมฉันคิดปิดบังเรื่องสำคัญ ไม่สมควรเลยจริงๆ เหนียงเหนียงโปรดลงโทษเพคะ” หลิงเย่ว์โขกศีรษะลงบนพื้น รู้ว่าครั้งนี้นางทำเกินไปจริงๆ
“เจ้าไม่สมควรกระทำเช่นนี้จริงๆ” ซีเหอเองก็ตำหนิ “เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ เจ้าก็คิดว่าข้าจะรับไม่ไหวรึ”
“หม่อมฉันสมควรตาย!” หลิงเย่ว์โขกศีรษะไม่หยุด ไม่กล้าขอร้องให้ไว้ชีวิต
ซีเหอสงบอารมณ์ลง “วันหลังค่อยตัดสินโทษเจ้า ตอนนี้รีบแจ้งตระกูลสุริยันจันทราว่าข้าจะไปหาเดี๋ยวนี้! ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่านางคือปฐมราชินีหยวนชูจริงๆ หรือไม่!”
“เหนียงเหนียงโปรดอย่าไปเพคะ!” หลิงเย่ว์เกลี้ยกล่อมอย่างตรงไปตรงมา “เหนียงเหนียงท่านห้ามปรากฏตัวเด็ดขาด ตำหนักสวรรค์จะไม่มีท่านอยู่ไม่ได้แม้เพียงเสี้ยวนาที! หากท่านเป็นกังวล ขอให้เทียนจุนใช้กระจกวิเศษเฮ่าเทียนช่วยก็ได้ ให้ท่านเหมือนกับได้ไปเมืองเทพสุริยันจันทราเป็นพอ”
“…ก็ได้” ซีเหอรับฟัง เพราะว่านางยังอยากไปลองเชิงหยวนสื่อเทียนจุนอีกครา นางจึงเปลี่ยนอาภรณ์ จากนั้นก็เดินทางไปยังตำหนักหยวนสื่อเทียนจุนอีกครั้ง
ในระหว่างนั้นเอง เสียงฟ้าร้องก็ยังคงดังระงมอย่างต่อเนื่อง!
สวรรค์ชั้นเก้าที่มืดมน แม้แต่จักรวาลทั้งหมดที่สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ต่างก็รู้สึกว่าสวรรค์กำลังพิโรธ!
ในประวัติศาสตร์ยุคหลังคงต้องมีบันทึกว่า ‘เทียนหยวนเก้าสิบล้านปี ปฐมราชินีหยวนชูร่วงหล่นและเกิดใหม่ กลับสู่สวรรค์เก้าชั้นฟ้า ทราบข่าวเหล่าขุนเขาและท้องทะเลประสบวิกฤตก็ทรงโกรธกริ้ว! สายฟ้าผ่าและเสียงฟ้าร้องกัมปนาทไม่หยุด เหล่าเทพ คน ผี มาร และอสูรล้วนแตกตื่น’
…
ผ่านไปครึ่งวัน เยี่ยนอวี๋ก็มาถึงเมืองสุริยันจันทรา เมืองทั้งเมืองตั้งค่ายกลป้องกันระดับสูงสุดราวกับดวงอาทิตย์ที่กำลังแผดเผาอย่างบ้าคลั่ง!
ในความเป็นจริง เมืองสุริยันจันทราเป็นดวงอาทิตย์ขนาดยักษ์ดวงหนึ่งจึงมีอากาศร้อนตลอดปี! อุณหภูมิก็สูงมาก ดังนั้นตระกูลสุริยันจันทราจึงเป็นที่รู้จักกันดีในนามตระกูลขุนศึกที่มีร่างกายแข็งแกร่งที่สุดในเผ่าเทพ
เมืองสุริยันจันทราเป็นเมืองที่เทพชั้นผู้น้อยธรรมดาไม่กล้ามา เพราะกลัวว่าร่างกายตนจะหลอมละลาย แต่เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าเห็นลูกไฟขนาดใหญ่ เขาก็เริ่มส่งเสียง ว้าว ไม่หยุด “ใหญ่! เผ็ดๆ! เป่าไม่ชอบ”
“แล้วเจ้ายัง ‘ว้าว’ ไม่หยุดอีกรึ” ต้าซือมิ่งที่ไม่เข้าใจเด็กน้อยรวบตัวเขาไว้ ดวงตาวิเศษของเขามองเห็นเหล่าเทพสุริยันจันทราด้านในผ่านดวงอาทิตย์ขนาดยักษ์แล้ว
มองเพียงปราดเดียวต้าซือมิ่งก็เอ่ยว่า “ทั้งตระกูลนับได้สองแสนสามหมื่นเก้าพันแปดร้อยหกสิบเจ็ดนาย รุ่งเรืองมากทีเดียว”
“จวินโฮ่วสายตาเฉียบแหลมนัก” เทพอัสนีชื่นชม จากนั้นมันก็ต้องชื่นชมจิ่วอิงยิ่งกว่า
เพราะว่าจิ่วอิงในบัดนี้กำลังประกาศกร้าวไม่หยุดว่า “ลูกหลานตระกูลสุริยันจันทราฟังให้ดี! สิ่งที่พวกเจ้ากระทำต่อเหล่าขุนเขาและท้องทะเล ปฐมราชินีหยวนชูล่วงรู้หมดแล้ว! ตอนนี้ให้เวลาพวกเจ้าล้างคอให้สะอาด รอคอยปฐมราชินีมาบั่นมัน!”
“ลูกหลานตระกูลสุริยันจันทราฟังให้ดี!…”
หลังจากจิ่วอิงประกาศไปสามคราและหยุดพักไปสามลมหายใจ มันก็ประกาศวนเป็นจังหวะต่อไป นอกจากจะประกาศไปทั่วทุกมุมของเมืองสุริยันจันทราแล้วยังประกาศด้วยข้อความ จังหวะและน้ำเสียงเดิมด้วย!
“ยอมเขาแล้วจริงๆ!” ซีหวังหมู่อึ้ง ฉางซีที่ถูกมันมัดไว้ที่หางร้องไห้จนจะตายแล้ว! นางอยากจะร้องขอชีวิต น่าเสียดายที่ส่งเสียงไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
ส่วนตี้เซินที่ถูกจิ่วอิงมัดไว้ก็เงียบมาตลอดทาง ถึงอย่างไรเสียทั้งสามทัศน์ของเขาก็ถูกเยี่ยนอวี๋ทำลายจนแหลกละเอียดไปแล้ว… ทว่า…
วิ้ง!
เหนือเมืองสุริยันจันทรา กระจกลึกลับและโปร่งใสบานหนึ่งถูกเปิดออกดึงดูดให้เยี่ยนอวี๋มองขึ้นไป นางย่อมรู้ว่ากระจกตรงหน้าบานนี้ถูกส่องด้วยกระจกวิเศษเฮ่าเทียน นางยกยิ้มอย่างเย็นชา! แววตาปรากฏไอสังหาร
ในขณะเดียวกัน ซีเหอก็ปรากฏขึ้นในกระจกเฮ่าเทียน นางจึงมองเห็นเยี่ยนอวี๋ได้อย่างแจ่มชัด “ปฐมราชินีหยวนชู…”