ตอนที่ 541 ต้าซือมิ่ง คนโหดเส้นใหญ่!
แครก!
ปราสาทศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใจกลางของปราสาทแอตแลนร้าวออกเป็นทาง เหล่าผู้น้อยใหญ่แตกตื่นในทันใด นี่คือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่ที่ก่อตั้งแอตแลนมา แม้แต่จักรพรรดิผู้ก่อตั้งแอตแลนที่ต่อสู้กับสำนักแสงธรรมแห่งแอตแลนเพื่อแย่งชิงอำนาจปกครองจักรวาล ปราสาทแอตแลนก็ไม่เคยได้รับความเสียหายเช่นนี้
ดังนั้นแม้ปราสาทอันศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งของปราสาทแอตแลนจะแตกร้าวเป็นรอยเพียงเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดความโกลาหล ถึงอย่างไรทั่วทั้งราชสำนักก็ตื่นตระหนกกันหมดแล้ว
สายตาของจักรพรรดิแอตแลนขรึมลง “หรง ดูท่าก่อนหน้านี้ข้าจะดูแคลนเจ้าเกินไป”
ต้าซือมิ่งสีทองไม่ได้ตอบอะไร เขายังคงแผ่ซ่านแสงสีทองอย่างต่อเนื่อง และยังปกคลุมภรรยาและลูกที่อยู่ข้างกายไว้ไม่ให้ผู้อื่นดู
“อ้ะเนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าหันไปมองท่านพ่อ
เยี่ยนอวี๋จูบเด็กน้อยพลางถาม “ไม่กลัวแล้วหรือ”
“มี พ่อ!” เด็กน้อยที่หัวเราะเริงร่าชี้ไปที่ท่านพ่อของเขา ทำท่าจะปีนไปหาท่านพ่อแล้ว
เดิมที่เยี่ยนอวี๋กลัวว่าทำเช่นนี้จะรบกวนต้าซือมิ่งจึงห้ามเด็กน้อยไว้ ทว่าแม้ต้าซือมิ่งผมสีทองไม่ได้ลืมตา แต่ก็รับเด็กน้อยไปแล้ว
“พ่อ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าซบเข้าไปในอ้อมอกของท่านพ่ออย่างมีความสุข ดูไม่กลัวแล้วจริงๆ ยังพูดกับท่านพ่อว่า “เป่า เป่าเห็นพ่อสีดำ!”
เยี่ยนอวี๋ประหลาดใจ “พ่อผมสีดำหรือ”
“ใช่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าและยังทำหน้ามุ่ย พูดอย่างโมโหว่า “เอาแต่นอน ไม่สนใจเป่า น่าโมโห!” เรียกก็ไม่สนใจ เอาแต่นอน เป่าเสียใจ
“แล้วมีคนอยู่ข้างกายเขาหรือไม่” เยี่ยนอวี๋ถาม
“คน?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าแสดงแววตาเต็มไปด้วยคำถาม “เป่าไม่ได้คิด”
ประโยคนี้หมายความว่า ข้าไม่ได้คิดอย่างอื่น คิดแต่ท่านพ่อ เห็นแต่ท่านพ่อ
เยี่ยนอวี๋เข้าใจและเดาได้ว่า อย่างน้อยต้าซือมิ่งผมสีดำก็ยังไม่ถูกลวนลาม มิเช่นนั้นแม้เด็กน้อยจะคิดถึงเพียงท่านพ่อ เขาก็ต้องเห็นมือหรือคนบนตัวท่านพ่อด้วย
การคาดเดานี้ทำให้เยี่ยนอวี๋สบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่นางยังคงถามขึ้นอีกว่า “แล้วเสี่ยวเป่ารู้หรือไม่ว่าพ่อคนนั้นอยู่ที่ไหน”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากะพริบตาปริบ ตอบอย่างรู้สึกผิดและหงุดหงิดว่า “เป่า ยังไม่ได้คิด ก็ตกใจตื่น โทษเขา!”
ขณะที่พูด เยี่ยนเสี่ยวเป่ายังชี้ไปที่จักรพรรดิแอตแลน
จักรพรรดิแอตแลนในขณะนี้เห็นได้ชัดว่าอยู่ในอารมณ์ปกติ ถึงอย่างไรในขณะที่เยี่ยนอวี๋คุยกับลูกของนาง กลุ่มคนของจักรพรรดิก็ปรึกษากัน ผู้เฒ่าที่มีฟันสีทองเต็มปากพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฝ่าบาท หรง เทพแห่งกรมความมืดเกรงว่าจะมีพลังทำลายเมืองแห่งนภาจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น” ท่านกู้ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาและตัวแทนของผู้มีปัญญาก็กล่าวว่า “หรง เทพแห่งกรมความมืดมีพลังความสามารถเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนจะหายตัวไปแล้ว บัดนี้เขากลับมาพร้อมกับปฐมราชินี เหมือนติดปีกให้เสือ ไม่สิ ควรเปรียบเทียบอย่างไรดี เหมือนเสือสองตัวจับมือกันมากกว่า ก่อนหน้านี้ไม่นาน หรงเพียงแค่ปล่อยหมัดก็ทำลายแนวปกป้องปราสาทศักดิ์สิทธิ์แตกละเอียด จากนั้นปฐมราชินีเยี่ยนชักกระบี่ออกมาทำลายการป้องกันปราสาทได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากที่สูญเสียการป้องกันปราสาทศักดิ์สิทธิ์ ปราสาทแอตแลน เมืองแห่งนภาก็อ่อนแอลงกว่าครึ่งและกำลังจะถูกทำลายล้างอีก”
“ฝ่าบาท! เปิดศึกกับพวกเขาเถอะ!” บุรุษหนวดสีแดงปลดปล่อยแสงอัสนีรอบกาย ตั้งท่าพร้อมสู้รบ
ชายผู้มีแขนข้างเดียวที่ยืนอยู่ข้างบุรุษหนวดสีแดงก็ปลดปล่อยพลังต่อสู้อันแข็งแกร่งออกมาเช่นกัน
ทว่า ท่านกู้กลับพูดขึ้นว่า “แต่ผลจาการต่อสู้ที่นี่ อย่างไรปราสาทแอตแลนก็ต้องถูกทำลาย”
“เช่นนี้ไม่ได้! เช่นนั้นก็ไม่ได้! บังอาจถามกู้จื่อเฟิง ท่านคิดว่าต้องทำอย่างไร!” เจ้าชายหูเฮ่อขึ้นเสียง “พวกเขาฆ่าเคธี่ เอเลน่าก็ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้… โทษเหล่านี้ เพียงพอที่จะให้พวกเขาตายเป็นพันครั้ง”
“หุบปาก!” หูจวิ้นตำหนิโอรสคนโต ในขณะเดียวกันก็เห็นด้วยกับสิ่งที่กู้จื่อเฟิงพูด “เปิดศึกกันที่นี่ย่อมไม่ดีสำหรับแอตแลนของเราจริงๆ หูเฮ่อในฐานะที่เจ้าเป็นทายาท ปกครองแนวป้องกันปราสาทศักดิ์สิทธิ์ของปราสาทแอตแลน แต่กลับปล่อยให้ผู้อื่นทำลายจนเละเหมือนเต้าหู้ สมควรรับผิดชอบ”
“ท่านพ่อ…” หูเฮ่ออยากจะแก้ตัว แต่หูจวิ้นไม่อยากฟัง เขาเอ่ยขึ้นกับเยี่ยนอวี๋ในทันทีว่า “ปฐมราชินีหยวนชู ข้าคิดว่าเราคุยกันได้ อย่างเช่นเจ้ารู้หรือไม่ว่าสามีของเจ้าคือใคร เจ้ารู้หรือไม่หากปล่อยให้เขาทำลายปราสาทแอตแลนจะทำให้ตัวเขาตกอยู่ในอันตรายอย่างไร”
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้สนใจ นางกำลังสัมผัส ‘วิธีการ’ ทำลายของสามีผมสีทองท่านนี้ รับรู้ได้ว่าเขาผสานรวมพลังและกลิ่นอายเข้าไปในเมืองแอตแลนแล้ว ที่บอกว่าจะทำลายเมืองแอตแลน อันที่จริงก็เป็นการถือโอกาสค้นหาตนเอง ฉลาดไม่เบาและกระตือรือร้นดี
เยี่ยนอวี๋ไม่กลัวสิ่งอื่นใดนอกจาก ‘จิตสำนึกของร่างพลัง’ นี้จะปฏิเสธร่างเดิม ไม่ยอมผสานรวม ตอนนี้ดูแล้ว ‘จิตสำนึกของร่างพลัง’ สีทองคนนี้คงจะมีความคิดต่างจากร่างพลังอื่น
หารู้ไม่ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะนาง ต้าซือมิ่งผมสีทองอยากจะรวมร่างอย่างอดใจรอไม่ไหว หลักๆ เป็นเพราะอยากจะได้ความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับนาง นอกจากนี้เพราะรู้สึกขยะแขยง กลัวว่า ‘ตนเอง’ จะแปดเปื้อน… แค่คิดก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว ดังนั้น…
แครก!
แกนกลางของพื้นดินแอตแลนแยกออกจากกัน
จักรพรรดิหูจวิ้นสีหน้าเคร่งขรึม “ปฐมราชินี หรือว่าเจ้าต้องการต่อสู้กันจนล้มตายกันทั้งสองฝ่าย”
“ข้าบอกแล้วว่าไม่มีอะไรต้องคุย นอกจากพวกเจ้าส่ง… ร่างแยกของสามีข้าคืนมา” เยี่ยนอวี๋พูด
“ร่างแยก?” หูจวิ้นขมวดคิ้ว
กู้จื่อเฟิงจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น หูจวิ้นกวาดมองเอเลน่าทันที
เอเลน่าในบัดนี้ นาง… เปลื้องผ้าบนตัวของตนเองหมดแล้วและกำลังกอดขาเตียง…
ภาพเช่นนั้น… ไม่ดูคงไม่รู้ เมื่อเห็นก็ทำเอาจักรพรรดิแอตแลนตกใจ “เกิดอะไรขึ้น”
“เป็นเพราะจอมโจรกลุ่มนี้ทั้งนั้น! ทำให้เอเลน่าต้องอับอายถึงเพียงนี้ ท่านพ่อ! จะปล่อยไว้ไม่ได้ ฆ่าพวกเขาทิ้งเถอะ!” ดวงตาของหูเฮ่อปรากฎเส้นเลือดฝอย บุตรสาวของตนถูกย่ำยีเช่นนี้ เขาไม่ใช่คนเลือดเย็นเสียทีเดียว ยังรู้จักโมโห ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอับอายมาก
ทว่าเฟรดผู้พิทักษ์ที่ถือดาบวิเศษเล่มใหญ่ เขากลับระบุชัดว่า “สภาพขององค์หญิงเหมือนกับว่าเป็นเพราะทานยาสวาทศักดิ์สิทธิ์”
ในฐานะที่เป็นผู้คิดค้น ‘ยาสวาทศักดิ์สิทธิ์’ เฟรดย่อมรู้จักยาที่ตนเองคิดค้นได้ดี อีกทั้งยังพูดตามความจริง
“ดูท่าคนของปฐมราชินีเยี่ยนไม่ได้พูดโกหก” กู้จื่อเฟิงจึงพูดขึ้นจากด้านข้าง
จักรพรรดิแอตแลนมองหูเฮ่อทันที ฝ่ายหลังหน้าดำจนกลายเป็นสีตับหมู ดูย่ำแย่ยิ่งนัก เรื่องถึงบัดนี้ เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่พระชายาลาซิน่าพูดก่อนหน้านี้ไม่ใช่ความจริง
จักรพรรดิแอตแลนจำเป็นต้องอดกลั้นอารมณ์อยากจะสั่งสอนบุตร เอ่ยขึ้นอีกคราว่า “ปฐมราชินีเยี่ยน เรื่องนี้ข้าเองก็เพิ่งรู้ เช่นนี้ดีหรือไม่ พวกเราขอคุยกันก่อน หลังจากหนึ่งวัน แอตแลนของเราจะให้คำตอบที่พึงพอใจแก่เจ้า”
“ฮึ!” อินหลิวเฟิงพ่นลมหายใจออกมาทางจมูก “พี่ชายอาวุโสท่านนี้ คิดจะหลอกลวงใครกัน หนึ่งวันเพียงพอที่จะให้พวกเจ้าซ่อมแซมแนวป้องกัน ซ่อมแซมปราสาทและเตรียมการต่อสู้พวกเราได้แล้ว”
การตอกกลับอย่างเฉียบแหลมเช่นนี้ ทำให้เซ่าเฮ่าพยักหน้าด้วยสัญชาติญาณ รู้สึกว่านี่ถึงจะเป็นวิหคทมิฬ
แต่แล้ว… จักรพรรดิแอตแลนกลับรับปากว่า “ข้าหูจวิ้นสาบานต่อแสงสว่าง ข้าต้องการช่วยเหลือพวกเจ้าหาร่างแยกของหรงอย่างจริงใจ หากคำใดเป็นเท็จ ข้าหูจวิ้นล่มจมทั้งตระกูลสายเลือด มิอาจรับพลังจากแสงสว่างได้อีกตลอดไป”
เมื่อเขาลั่นวาจาเช่นนี้… เยี่ยนอวี๋ยังไม่ทันตอบ
“ข้าคัดค้าน!”
เสียงสตรีหยิ่งผยองเสียงหนึ่งดังเข้ามาในปราสาทจากด้านนอก
จากนั้น สตรีที่ดูภูมิฐานสวมชุดสีขาวหรูหรา คาดเข็มขัดสีทองอร่าม มีผมสีทองประดับด้วยขนนกงดงามก็เดินออกมาจากด้านหลังของจักรพรรดิแอตแลน
เมื่อนางปรากฏตัวขึ้น เทพผู้พิทักษ์ทั้งแปดก็ถอยไปสองข้าง แยกเป็นทางเดินให้นางและยังคำนับอย่างนอบน้อม “จักรพรรดินีเฟรย์”
“อืม” จักรพรรดินีเฟรย์ที่พยักหน้าอย่างเย่อหยิ่งย่อมคือพระมเหสีของจักรพรรดิแอตแลน หูจวิ้น มีความสามารถไม่ธรรมดา มีระดับตบะเท่ากับเทพผู้พิทักษ์
ทว่าเมื่อนางเข้ามาก็มองเยี่ยนอวี๋อย่างเหยียดหยามและไม่เป็นมิตรผ่านแสงสีทองของต้าซือมิ่ง แม้จะเห็นไม่ชัดเท่าไรนัก แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการแสดงสีหน้าดูแคลน “เจ้าก็คือปฐมราชินีที่มาจากจักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าคนนั้นหรือ”
เยี่ยนอวี๋เลิกคิ้วเล็กน้อย ยังไม่ทันตอบ จักรพรรดินีเฟรย์ก็มองไปยังต้าซือมิ่ง “หรง เทพแห่งกรมความมืด ในฐานะที่เจ้าเป็นคนของแอตแลน หากบังอาจทำลายเมืองแห่งท้องนภาย่อมต้องถูกกลืนกินกลับ เจ้าคงไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้แน่ นอกจากนี้ไม่ว่าเจ้าและปฐมราชินีคนนี้จะมีความสัมพันธ์เช่นไร แต่ในเมื่อเจ้ามีสัญญาหมั้นหมายกับเอเลน่า เจ้าก็ต้องจัดงานสมรสตามหมั้นหมาย หยุดกระโดดไปมาเหมือนตั๊กแตนเสียที ไร้ประโยชน์!”