ตอนที่ 548 สองต้าซือมิ่งหลอมผสาน
เยี่ยนอวี๋สลัดมือออกทันที รอบกายนางแผ่ซ่านแสงสีม่วงจางๆ ไม่ใช่ผู้ที่มิคาเอลจะจับได้ง่ายๆ ดังนั้นเยี่ยนอวี๋จึงเหินเข้าไปในห้องได้อย่างราบรื่น ส่วนที่ว่า ‘จะทำให้เขาตาย’ อะไรนั่น เยี่ยนอวี๋ย่อมไม่เชื่อ สามีของนางเป็นอย่างไรนางจะไม่รู้หรือ ในเมื่อมาถึงแล้วย่อมไม่มีผลกระทบใดๆ
“พ่อ” หลังจากที่เด็กน้อยโบกมือเปิดประตูเข้าไปก็ส่งเสียงเรียกอย่างหน่อมแน้ม
แต่ว่า… เมื่อเยี่ยนอวี๋เดินเข้าไปก็พบว่า ในห้องไม่มีคนอีกแล้ว?
นี่มัน…
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เปล่งแสงงงงัน “พ่อ?”
พ่อผมสีดำของเขาล่ะ ทำไมหายไปอีกแล้ว? ทำไมไม่รอเป่าเลย?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เด็กน้อยก็เบะปาก น้ำตาไหลลงมา “พ่อ”
เพียงเสียงเรียก ‘พ่อ’ คำเดียวดังก้องจนเทพทั้งเมืองได้ยิน เทพไม่น้อยพากันตื่นตกใจ
จักรพรรดิหูจวิ้น เทพพิทักษ์ทั้งแปดและกู้จื่อเฟิงที่เฝ้ารอความเคลื่อนไหว พวกเขาก็มองไปยังกรมแสงสว่างที่ซ่อนอยู่ในความว่างเปล่าและเปล่งแสงเจิดจ้ากว่าเดิมออกมานานแล้ว
ใช่แล้ว กรมแสงสว่างต่างจากกรมความมืด มันไม่มีอยู่จริงในสายตาของเทพสามัญ มีเพียงผู้บรรลุตบะระดับหนึ่งจึงสามารถมองเห็นวิหารที่เกิดขึ้นท่ามกลางแสงสว่างเหนือท้องฟ้าเมืองแอตแลน แม้มันจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่าปราสาทแอตแลน แต่ก็เก่าแก่และลี้ลับ
ว่ากันว่าในกรมแสงสว่างแห่งนี้มีอสูรเทพแห่งแสงสว่างตนหนึ่งหลับใหลอยู่ มันมีเรือนร่างขาวบริสุทธิ์ราวกับว่าเป็นร่างจริงของแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์ มันสามารถรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของแหล่งกำเนิดของแสง แข็งแกร่งมิอาจคาดเดาได้ และเรื่องนี้ย่อมเป็นเรื่องจริง
“หวังเพียงว่ากรมความมืดของเราจะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้กรมแสงสว่างอ่อนแอลงได้ จะได้ไม่เสียเปล่าที่ข้าลดตัวลงเพื่อเขา ทั้งยกเลิกงานสมรสและขอโทษ นอกจากนี้ยังสังเวยชีวิตของเคธี่และเอเลน่าไปด้วย” หูจวิ้นพึมพำ
เหล่าเทพพิทักษ์และกู้จื่อเฟิงที่ได้ยินเงียบงัน แม้พวกเขาอยากจะพูดว่า ‘ได้แน่นอน’ แต่ความแข็งแกร่งของอสูรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง จักรพรรดิผู้ก่อตั้งแอตแลนในครานั้นยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถทำให้เชื่องหรือกำจัดได้เลย
หรง ต้าซือมิ่งแห่งกรมความมืดในบัดนี้ แม้เหมือนกับว่าจะได้รับพลังไม่ธรรมดา แต่จะทำได้ถึงระดับที่พวกเขาคาดคิดไว้หรือไม่ยังคงพูดได้ยาก
ทว่า… “จะรอเฉยๆ เช่นนี้ไม่ได้” กู้จื่อเฟิงกล่าว
จักรพรรดิหูจวิ้นพยักหน้า “จื่อเฟิงมีความคิดเห็นอย่างไร”
“เมื่อไม่นานมานี้ ข้าน้อยใช้วิชาทำนาย เข้าใจแล้วว่าเหตุใดปฐมราชินีเยี่ยนท่านนี้จึงมองข้าน้อยต่างออกไป บางทีข้าน้อยอาจจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้” กู้จื่อเฟิงตอบ
จักรพรรดิหูจวิ้นมองไปที่ชายข้างกายด้วยความตกใจเล็กน้อย “เจ้ามีวิธีแล้วหรือ”
“ยังต้องการความร่วมมือของฝ่าบาท บางทีอาจจะทำให้ฝ่าบาทสมปรารถนาได้ในคืนนี้” กู้จื่อเฟิงเว้นจังหวะ
หูจวิ้นตื่นเต้น “จริงหรือ”
“มั่นใจห้าส่วน” กู้จื่อเฟิงตอบตามตรง
หูจวิ้นพึงพอใจมาก “พอแล้ว หากครั้งนี้สามารถทำสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นเทพพิทักษ์ ปกครองดินแดนจักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้า”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท แต่รอให้สำเร็จก่อนค่อยตัดสินใจเถิด” กู้จื่อเฟิงพูดจบก็เปิดเผยแผนการของตนให้กับพรรคพวก
จากนั้น จักรพรรดิหูจวิ้นและเทพผู้พิทักษ์ของเขาล้วนได้รับ ‘ภารกิจ’ ต่างมุ่งไปทางกรมแสงสว่างด้วยความรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน… ต้าซือมิ่งผมสีทองที่เหินเข้าไปในห้องแล้วเช่นกัน เขาก็ชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด “หายไปอีกแล้วหรือ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่โศกเศร้าได้ยินดังนั้นก็ยื่นมือให้ท่านพ่อเขา “ไม่เจอ โกรธ”
ต้าซือมิ่งรับเด็กน้อยไว้และลูบหลังปลอบโยน “เขาอยู่” ตามความเชื่อมโยงของตนและ ‘ตนเอง’ คนนั้น เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายอยู่ในกรมแสงสว่าง ไม่ผิดแน่นอน
อันที่จริงเยี่ยนอวี๋ก็มั่นใจมาก สามีผมสีดำของนางอยู่ที่นี่เมื่อครู่นี้แน่นอน มิเช่นนั้นมิคาเอลที่ตามเข้ามาคงไม่แสดงสีหน้าตกใจ
เห็นได้ชัดว่าแม้แต่มิคาเอลเองก็ไม่รู้เรื่องการหายไปของสามีผมสีดำคนนั้นของนาง เว้นแต่ทักษะการเล่นละครของมิคาเอลสามารถโกหกตัวนางเองได้ มิเช่นนั้นเยี่ยนอวี๋ต้องดูออกว่าปฏิกิริยาของมิคาเอลเป็นจริงหรือเท็จ
“อยู่ที่ไหน” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองท่านพ่ออย่างไม่เข้าใจ หมอกแสงสีขาวที่ล้อมรอบร่างน้อยๆ ของเขาก็สลายไปหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าปฏิกิริยาสะท้อนทางสายเลือดหายไปแล้ว
มิคาเอลในครานี้เพิ่งตื่นจากอาการตกใจ “เจ้าทั้งสามคงกลับไปได้แล้วสินะ ข้าคิดว่าพวกเจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าราชสำนักกำลังรอพวกเจ้าเข่นฆ่ากับข้า พวกเขารอรับผลประโยชน์ ดังนั้นอันที่จริงความตั้งใจเดิมของข้าไม่อยากต่อสู้กับและหวังว่าพวกเจ้าจะไม่บีบคั้นข้ามากเกินไป มิเช่นนั้นข้าคงต้องทำทุกวิถีทาง หรง เจ้าน่าจะรู้ดีที่สุด สองกรมใหญ่ ความมืดและแสงสว่างไม่เคยเป็นปรปักษ์ต่อกัน ข้าไม่เคยคิดมุ่งร้ายต่อเจ้า”
“เช่นนั้นก็ส่งสามีของข้าคืนมา” เยี่ยนอวี๋พูดทันที “หากไม่คืน ข้าไม่เชื่อ”
“ปฐมราชินีเยี่ยน เจ้าไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างข้าและหรง โปรดอย่าใช้ตรรกะง่ายๆ มาประเมินความจริงในสิ่งที่ข้าพูด” มิคาเอลกล่าวอย่างจริงจัง
ทว่าต้าซือมิ่งก็พูดขึ้นทันทีว่า “ข้าและเจ้าไม่มีความข้องเกี่ยวใดๆ กรมความมืดก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรมแสงสว่าง เจ้าไม่คืนข้าจะหาเอง”
คำพูดเช่นนี้… มิคาเอลกลับไม่โต้ตอบ นางเพียงแค่มองต้าซือมิ่งผมสีทองเงียบๆ “หากเจ้ายืนกรานเช่นนั้นเจ้าก็ไปหาเถอะ ข้าไม่ขวางเจ้าหรอก”
มิคาเอลที่เป็นเช่นนั้นกลับทำให้เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วแน่น
ถึงอย่างไรนอกจากนี้แล้ว เยี่ยนอวี๋ยังพบว่าผู้แข็งแกร่งระดับเทียนอ๋องทั้งสิบองค์นั้นยังไม่มา แม้แต่พลังลี้ลับที่แต่เดิมทำท่าจะตื่นก็กลับไปสงบแล้ว เหมือนกับว่ามิคาเอลไม่เกรงกลัวเพราะมีคนหนุนหลัง? เพียงเพราะพวกเขาหาต้าซือมิ่งผมสีดำไม่เจอ นางจึงวางใจได้เช่นนี้หรือ
เยี่ยนอวี๋รู้สึกว่าเรื่องนี้พิกล มีลับลมคมใน ทำให้นางมองไปที่ต้าซือมิ่งผมสีทองด้วยสัญชาติญาณ นางก็พบว่าฝ่ายหลังเองก็กำลังขมวดคิ้ว รู้ว่าในนี้มีบางอย่างผิดปกติจริงๆ
ทว่าต้าซือมิ่งจับมือนางไว้และจูงนางออกจากห้อง ส่งกระแสจิตสัมผัสไปทั่วทั้งกรมแสงสว่าง เพื่อจับกลิ่นอายของ ‘ตนเอง’
ทว่าเขาก็พบอย่างรวดเร็วว่า…ทั่วทั้งกรมแห่งแสงสว่าง เหมือนกับว่าจะมีกลิ่นอายของ ‘ตนเอง’ แม้จะบางเบามาก แม้เขาจะจับกลิ่นได้ยากมาก แต่มันก็มีอยู่จริงๆ
เรื่องนี้ทำให้เขาขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม และทำให้เขาหลับตาลงเพื่อเพ่งสมาธิยิ่งขึ้น สัมผัสการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยอย่างทั่วถึง แต่แล้ว… ขณะที่เขากำลังทำเช่นนี้ ร่างของเขาก็กำลังสลายไป และเหมือนกับว่าเขาจะไม่รู้สึกตัว แต่เยี่ยนอวี๋และเด็กน้อยสังเกตเห็นแล้ว “สามี”
“พ่อ?”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่รีบโผกอดท่านพ่อรูปงามคิดจะคว้าท่านพ่อไว้ ไม่ให้พ่อคนนี้ของเขาหนีไปด้วย ทว่ามิคาเอลที่เดินออกมาจากในห้องกลับยิ้มจางๆ พูดขึ้นว่า “ไม่มีประโยชน์หรอก พวกเจ้าขวางเขาไว้ไม่ได้ เขาไม่ใช่ของพวกเจ้า เขาเป็นของแสงสว่าง เป็นของแอตแลน เป็นของข้า”
ประโยคนี้เพียงพอที่จะทำให้เยี่ยนอวี๋รู้ว่ามิคาเอลทำอะไรกับสามีของนางลงไป สีหน้านางพลันเปลี่ยนเล็กน้อย หมอกสีม่วงหม่นไหลออกจากร่างกายนางไม่หยุด
มิคาเอลกลับสงบนิ่งกว่าเดิม “ไม่มีประโยชน์หรอก”
ทว่า… นางเพิ่งพูดจบ