ตอนที่ 623 ร่วมบำเพ็ญพร้อมกัน ไม่นึกเลยว่าคือกุ่ยหมู่
ซู่…
ใบไม้สีเขียวขจีงอกเงยท่ามกลางแสงสีขาวของเด็กน้อยและยังแผ่ซ่านจิตวิญญาณพิเศษอันทรงพลังออกมา? และพลังเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าผสานเข้าไปในอนุสติและร่างกายของท่านพ่อเขาด้วยการ ‘กระตุ้น’ ของเจ้าตัวน้อย ขณะที่ผสานเข้าไป ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เยี่ยนอวี๋รู้สึกเหลือเชื่อ
เมื่อแสงสีเขียวรูปใบไม้ของเยี่ยนเสี่ยวเป่าเหล่านี้ผสานเข้าไปในร่างกายของต้าซือมิ่ง เส้นลมปราณและอวัยวะที่ปริแตกอีกครั้งก็กำลังได้รับการฟื้นฟู มันเห็นผลในทันทีทันใด
ไม่เพียงเท่านี้…
“อ้ะเนะ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ส่งแสงสีเขียวเข้าไปในอนุสติของท่านพ่ออย่างต่อเนื่อง เขายังช่วยท่านพ่อของเขารวบรวมสติเรียก ‘พ่อน้อย’ ตัวน้อยๆ ออกมา ทำเอาเขาดีใจมาก
ทว่าต้าซือมิ่งไม่ได้ให้ตนตัวน้อยๆ ‘ทำงาน’ เขาเรียกมันกลับไปในหว่างคิ้วและปรับลมปราณของตนท่ามกลางแสงสีเขียวที่เด็กน้อยแผ่ซ่านออกมา
เยี่ยนอวี๋โล่งอก ในขณะเดียวกันก็มองเด็กน้อยอย่างไม่อยากจะเชื่อ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าลูกชายตัวน้อยของนางจะปลุกพลังฟื้นคืนชีพที่สืบทอดจากนางขณะที่ยังมีอายุน้อยเช่นนี้
มิหนำซ้ำ… เยี่ยนอวี๋สัมผัสได้ว่าวิชาฟื้นคืนชีพของเด็กน้อยมีอิทธิฤทธิ์แข็งแกร่งกว่าของนาง
เยี่ยนอวี๋เชื่อว่าเมื่อวันเวลาผ่านไป ความสำเร็จของเด็กน้อยคงจะอยู่เหนือนาง
ส่วนในบัดนี้ เยี่ยนอวี๋รู้ว่าที่เด็กน้อยสามารถรักษาท่านพ่อของเขาได้น่าจะเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับสายเลือด ถึงอย่างไรสองพ่อลูกในบัดนี้ก็กำลังหายใจพร้อมกัน รู้สึกเหมือนกับผสานเป็นหนึ่ง นี่คือปฏิกิริยาสะท้อนที่สืบทอดทางสายเลือดสำหรับสองพ่อลูกเท่านั้น
และการสืบทอดอันมหัศจรรย์นี้ทำให้อินหลิวเฟิงที่ได้เห็นเป็นครั้งแรกตะลึงทันที “แม่เจ้า นี่ข้าเห็นอะไรนี่”
“มันเป็นพลังที่ทรงพลังอย่างมาก และฉลาดปราดเปรียว เหมือนกับพลังของต้นไม้แห่งชีวิตในตำนานของแอตแลนมาก” กู้จื่อเฟิงพูดถึงใจความสำคัญของพลังวิเศษที่ตื่นในตัวเด็กน้อยในยามนี้
ต้องรู้ว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่านอกจากจะสืบทอดพรสวรรค์วิชาฟื้นคืนชีพจากท่านแม่ของเขา เขายังกัดต้นไม้แห่งชีวิตเข้าไป ดังนั้นพลังวิเศษวิชาฟื้นคืนชีพของเจ้าตัวน้อยย่อมมีอิทธิฤทธิ์มากกว่าท่านแม่ของเขา เขาชนะตั้งแต่พรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดและการพัฒนาพลังหลังจากนั้น
ทว่า… กู้จื่อเฟิงมีคำถาม “เหตุใดก่อนหน้านี้ท่านเสี่ยวเป่าจึงไม่ได้ใช้พลังวิเศษ” หากเขาจำไม่ผิด ตอนนั้นท่านเสี่ยวเป่าเอาแต่ร้องไห้ ใช้พลังไม่เป็นเลย
“คงจะเป็นเพราะตั้งแต่ที่เข้ามาที่นี่ เสี่ยวเป่าพูดไม่ได้ ต้องใช้ความคิดสื่อสาร” เยี่ยนอวี๋คิดว่าเป็นเช่นนี้ ถึงอย่างไรเด็กน้อยของนางยังเล็ก เห็นท่านพ่อเป็นอะไรไป ย่อมเป็นห่วงเป็นธรรมดาและตกใจร้องไห้ ก่อนหน้านี้พูดได้ เด็กน้อยสามารถสื่อความกังวลและหวาดกลัวของตนออกมา ตอนนี้พูดไม่ได้ เขาจึงต้องใช้ความคิด กลับกลายเป็นว่าจับพลัดจับผลูเปิดใช้งานพลังวิเศษได้
แต่ว่า… อินหลิวเฟิงจำเป็นต้องเอ่ยขึ้นว่า “เหมือนกับว่าเสี่ยวเป่าจะตัวเล็กลง พวกเจ้าสังเกตเห็นหรือไม่”
“เห็นแล้ว” เยี่ยนอวี๋รู้สึกหมดคำจะพูด
ต้าซือมิ่งหยุดรับพลังที่เด็กน้อยส่งมากลางคัน เขาคงได้ยินหรือรับรู้ว่าเด็กน้อยที่กว่าจะอ้วนท้วมกลับมาได้หดเล็กลงไปอีกแล้ว
“อ้ะเนะ…” เจ้าตัวน้อยที่อยู่ในสถานะ ‘พลีชีพ’ เขาดึงดันจะส่งต่อไป น่าเสียดายที่ท่านพ่อเขาไม่รับแล้ว เขาจับผมของท่านพ่ออย่างร้อนรนใจ
ต้าซือมิ่งที่ยังคงหลับตาปรับลมปราณ เขาก็รวบตัวเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมอก รอบกายแผ่ซ่านแสงสีม่วงเจิดจรัสออกมา ตกอยู่ในสภาวะพ่อลูกร่วมบำเพ็ญต่อไปตามความถี่ในการส่งพลังของเด็กน้อย
เด็กน้อยที่ ‘กระสับกระส่าย’ ก็สงบลง ค่อยๆ อิงแผ่นอกของท่านพ่อเงียบๆ ดวงตากลมโตกลับกะพริบอยู่เช่นนั้น ไม่รู้ว่ากำลังมองอะไร
…
ในขณะเดียวกัน… ณ วังกุ่ยหมู่ในยมโลก
“กุ่ยหมู่?” ผีหน้าตาอัปลักษณ์ตนหนึ่งกำลังเรียกสตรีสวมชุดสีดำและผ้าคลุมหน้าสีดำโปร่งที่นั่งอยู่บนตำแหน่งประธานในตำหนัก
เห็นได้ชัดว่าสตรีนางนี้เพิ่งจะเรียกสติคืนได้ “ข้ามีธุระด่วน พวกเจ้ากลับไปก่อน”
“นี่…” ผีทุกตัวที่กำลังคุกเข่าในห้องโถงงงงวย เพราะสิ่งที่พวกเขาจะรายงานก็เป็นเรื่องด่วนเช่นกันนี่
แต่จะทำอย่างไรได้ กุ่ยหมู่ลุกขึ้นและจากไปแล้ว เหลือเพียงผีสางในห้องโถงที่ยังงุนงง “กุ่ยหมู่เป็นอะไรไปหรือ”
“ไม่รู้สิ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เกิดเรื่องวุ่นวายมากเกินไป วิญญาณเร่ร่อนและผีร้ายมีมากเป็นพิเศษ ยมราชก็ควบคุมไม่อยู่ กุ่ยหมู่คงรำคาญจะตายแล้ว”
“ก็อาจจะเป็นไปได้ ถึงอย่างไรตั้งแต่ที่สวรรค์เก้าชั้นฟ้ามั่นคงแล้ว วิญญาณเร่ร่อนและผีร้ายก็น้อยมาก ล้านปีที่ผ่านมารวมกันยังไม่มากเท่าช่วงนี้…”
เหล่าผีสางวิพากวิจารณ์ล้วนคิดว่ากุ่ยหมู่คงคำราญจึงไม่ได้รบกวน เตรียมจะกลับไปก่อนค่อยมาขอคำชี้แนะใหม่ ถึงอย่างไรก็ใช่ว่าจะรอไม่ได้เลย
หารู้ไม่ว่ากุ่ยหมู่ของพวกเขาไม่ได้กระวนกระวายใจเพราะวิญญาณเร่ร่อนและผีร้าย แต่เพราะต้าซือมิ่ง
เพราะว่า… สตรีที่ต้าซือมิ่งมองเห็นไม่ชัด อันที่จริงก็คือนาง กุ่ยหมู่
กุ่ยหมู่ท่านนี้เหมือนกับรับรู้ได้ว่าต้าซือมิ่งมา ‘เยี่ยมเยียน’ นาง ถึงอย่างไร เจี่ยนชิว กุ่ยหมู่ที่ร่วมปกครองยมโลกกับพญายมก็เป็นหนึ่งในเหล่าทวยเทพแรกเริ่ม เพียงแค่กำเนิดช้ากว่าเทียนตี้และบรรพบุรุษหงเหมิงเล็กน้อย พวกเขากำเนิดขึ้นในยุคเดียวกันกับเหล่าเทพอสูรขุนเขาและท้องทะเล
ตามหลักแล้ว เมื่อเทียนตี้มีราชโองการ เจี่ยนชิวควรจะไปยังตำหนักสวรรค์ร่วมแสดงความยินดีกับการกลับมาของเยี่ยนอวี๋ เทพผู้สร้างท่านนี้ แต่นางไม่ได้ไป เทียนตี้ก็ไม่ได้ลงโทษ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่ได้ถามให้มากความ เพราะว่าในสามภพ กุ่ยหมู่เป็นบุคคลที่พิเศษมากท่านหนึ่ง ไม่มีผู้ใดในสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากล่าวถึงนาง ไม่มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับนางในโลกมนุษย์ แต่นางมีอิทธิพลในยมโลกเป็นอย่างมาก เพียงแต่ว่า กุ่ยหมู่ที่กลับไปห้องนอนของตนเอง เห็นได้ชัดว่ารู้สึกตระหนก และยังพึมพำกับตนเองว่า “เมื่อครู่นี้เขากำลัง ‘ดู’ ข้าอยู่แน่ๆ”
ขณะที่พูด กุ่ยหมู่ก็เดินไปยังเตียงนอนของตนก่อนจะกดปุ่มเปิดปิด จากนั้น…
วิ้ง
ด้านหลังของเตียงกุ่ยหมู่ปรากฏทางเดินที่ทอดยาวท่ามกลางความมืดมิดไปสู่ความมืดนิรันดร์
กุ่ยหมู่เดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล กลับกลายเป็นเดินเข้าไปในห้องลับ กุ่ยหมู่สงบอารมณ์ลงเมื่อเดินมาถึงที่นี่ “เป็นไปไม่ได้ สภาพของเขาในตอนนี้ต้องเห็นข้าไม่ชัดแน่นอน ส่วนต่อไปนั้น…”
กุ่ยหมู่ที่จู่ๆ หันไปมองผนังด้านหนึ่งของห้องลับ สิ่งที่นางเห็นคือภาพวาดคนรูปหนึ่ง และบุคคลในภาพวาดรูปนี้…