ตอนที่ 678 ความจริงเกี่ยวกับการทรยศของจักรพรรดิทั้งห้า อวี๋เอ๋อร์คนงามพบพ่อแม่สามี
จางอวิ๋นเมิ่งยังคงถามอย่างเป็นกังวลว่า “ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
“ดูจากใบหน้ายิ้มแย้มของนายน้อยแล้วน่าจะไม่เป็นอะไรขอรับ” หมาป่ายักษ์เฟนเลย์ที่คอยสังเกตการณ์กล่าว
จางอวิ๋นเมิ่งกลับยังคงถามอย่างไม่เข้าใจว่า “เสี่ยวเป่าหลับไปแล้ว หากกำลังฝันหวานแล้วยิ้มก็คงเป็นเรื่องปกติหรือไม่”
หมาป่ายักษ์เฟนเลย์อยากจะบอกว่านายน้อยไม่ได้ ‘หลับ’ ปกติ ทว่าด้วยนิสัยความเป็นหมาป่าที่เฉียบแหลมของมัน หูของมันตั้งชันขึ้นในทันที “ระวัง”
แทบจะในเวลาเดียวกัน ซีหวังหมู่ เม่ยเอ๋อร์และเทพอัสนีตึงเครียดถึงขีดสุด เห็นได้ชัดว่าพวกเขารับรู้ถึงอันตรายที่มาจากความว่างเปล่าแล้ว
ทว่ากลิ่นอายอันตรายนี้เพิ่งจะปรากฏก็หายไป…
หมาป่ายักษ์เฟนเลย์ประหลาดใจ แต่ยังคงระมัดระวังตัวต่อไป ถึงอย่างไรกลิ่นอายเมื่อครู่นี้ก็อันตรายมากจริงๆ เป็นกลิ่นอายที่ทำให้มันรู้สึกว่ามิอาจเอาชนะได้
“ฮ่า” เด็กน้อยหัวเราะจนตื่นอีกครั้ง เสียงหัวเราะเบาๆ ของเขาทำให้บรรยากาศในตำหนักผ่อนคลายลง จากนั้นเด็กน้อยที่ลืมตาขึ้น เขาก็พบว่าไม่มีอะไรในมือของเขาเลย
“อ้ะเนะ?”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่มองมืออวบอ้วนของตนเองอย่างงุนงง เขาก็ตะลึงงัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าตัวน้อยที่คิดว่าตนเองฝันไปอีกแล้ว เขาก็เบ้ปากทำท่าจะร้องไห้
จางอวิ๋นเมิ่งรีบเข้ามาอุ้มเจ้าตัวน้อยไว้ “เป็นอะไรไปหรือจ๊ะ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ขยี้ตารู้สึกเสียใจมาก คิดว่ากระบี่น้อยของตนเองหายไปแล้ว
ทว่าเขาเพิ่งคิดเสร็จ กระบี่น้อยสีเขียวก็ปรากฏขึ้นดัง ‘วิ้ง’ อยู่ตรงหน้าเขา
“อ้ะ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีใจ เขาจับกระบี่น้อยสีเขียวไว้ “ไม่ใช่ ฝัน ความ จริง พ่อ พ่อ…”
ต้าซือมิ่งและเยี่ยนอวี๋ในครานี้ พวกเขาก็ ‘กลับ’ มาแล้ว แต่ยังคงอยู่ในจิตเหนือสำนึกของต้าซือมิ่ง ต้าซือมิ่งยังรู้สึกงงงวยเล็กน้อย “ข้าคิดว่าพวกเขาจะลงมือที่นี่”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น” แต่เดิมเยี่ยนอวี๋ก็กังวลว่าทวยเทพบรรพกาลทั้งห้าในครานั้นจะร่วงหล่นมาลงมือกับสหายของนาง เห็นทีครานี้นางคงมองพวกเขาชั่วร้ายเกินไป ทว่าไม่ว่าอย่างไร ไม่มีก็ดีแล้ว…
หารู้ไม่ว่า แต่เดิมไท่เฮ่าพวกเขาก็คิดจะทำเช่นนี้ แต่สุดท้าย… ไท่เฮ่าเปลี่ยนแผน เขาเรียกเจ้าแม่หนี่ว์วาและจักรพรรดิเปลวเพลิงกลับไปแล้ว
เทพสององค์ที่คิดว่าไท่เฮ่าพวกเขาทั้งสามถูกจู่โจมย่อมกลับมาไปอย่างรวดเร็ว ทว่ากลับพบว่าไม่มีศัตรูจู่โจม
“ไท่เฮ่า เกิดอะไรขึ้นหรือ” จักรพรรดิเปลวเพลิงไม่เข้าใจ
เจ้าแม่หนี่ว์วาก็ไม่ค่อยเข้าใจ “เมื่อครู่นี้เราเห็นพวกเขาแล้ว ร่างพลังวิญญาณเจ้าแซ่หรงและปฐมราชินีเยี่ยนยังไม่กลับไปจริงๆ เหตุใดจึงเรียกพวกเรากลับมาเล่า”
“นั่นน่ะสิ พลาดโอกาสอันดีไปเสียเปล่า” จักรพรรดิเปลวเพลิงเองก็งุนงง
หารู้ไม่ว่า หากไม่ใช่เพราะพวกเขาหนีกลับมาทัน พวกเขาคงตายไม่ก็ถูกจับแน่ๆ
“ข้าคิดว่าไม่เหมาะสมนัก เมื่อครู่นี้ข้าร้อนใจไปเล็กน้อย” ไท่เฮ่าอธิบาย “ด้วยความสามารถของซีหวังหมู่ พวกเจ้าอาจจะไม่สามารถโจมตีนางได้ในคราเดียวขณะที่พวกเขาบาดเจ็บเช่นนี้”
“แต่ว่า…”
“หากไม่สามารถโจมตีได้ในคราเดียว ปฐมราชินีกลับมาได้ทุกเมื่อ ร่างพลังวิญญาณของพวกเขาไปมารวดเร็ว พวกเจ้าอาจจะลงมือไม่ทัน” หลังจากไท่เฮ่าสงบอารมณ์ลงแล้ว ในที่สุดเขาก็คิดว่าแผนการเมื่อครู่นี้เขาตัดสินใจบุ่มบ่ามเกินไป ดังนั้นเขาจึงเรียกเจ้าแม่หนี่ว์วาและจักรพรรดิเปลวเพลิงกลับมา
แม้จะเป็นเช่นนี้ จักรพรรดิเปลวเพลิงยังคงรู้สึกเสียดาย “อีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อครู่นี้ควรลองโจมตีสักตั้ง”
“ไม่ ท่านพี่พูดถูก” เจ้าแม่หนี่ว์วากลับเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกบางอย่างได้ว่า “จังหวะที่เราจากไป พวกเขาก็กลับไปแล้ว หากเราลงมือตอนนั้น นอกจากจะไม่สามารถชนะได้แล้ว เกรงว่ายังกลับมาไม่ได้ด้วย”
จักรพรรดิเปลวเพลิงชะงักเล็กน้อย เขาเองก็สัมผัสถึงความเคลื่อนไหวของปราสาทผีแล้วจึงคาดเดาได้ว่าหากพวกเขาไม่ได้กลับมา เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสให้กลับมาแล้ว อย่างน้อยเจ้าแซ่หรงคนนั้นก็จับพวกเขาสองคนไว้ที่นั่นแน่นอน
“ให้ตายเถอะ” จักรพรรดิเปลวเพลิงสบถอย่างเกรี้ยวกราด “ตอนนี้ควรทำอย่างไร”
“พวกเราพ่ายแพ้ให้ครั้งแล้วครั้งเล่า มิอาจบุ่มบ่ามโจมตีกลับ ต้องตั้งใจคิดให้ดีว่าจะพลิกสถานการณ์ในยามนี้อย่างไรแล้วก็จวนซวีต้องได้รับการรักษา มิเช่นนั้น…” คำพูดที่เหลือไท่เฮ่ายังไม่ทันพูด แต่ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่ต้องพูดถึงจวนซวี อาการของเซวียนหยวนก็ย่ำแย่เช่นกัน
เจ้าแม่หนี่ว์วาและจักรพรรดิเปลวเพลิงจึงพาพวกเขาทั้งสามกลับไปที่รังเก่าที่แท้จริงของพวกเขาอย่างไม่ลังเล ปราสาทผีเป็นเพียงหนึ่งในที่รวมตัวของพวกเขาเท่านั้น
เรื่องนี้… หรงอี้ที่ตื่นขึ้นมาเอ่ยขึ้นว่า “ที่แห่งนี้เป็นเพียงหนึ่งในที่รวมตัวของพวกเขา ไม่ใช่รังเก่า รังเก่าของพวกเขาอยู่ในส่วนลึกยิ่งกว่าในหลุมศพ เป็นถ้ำธรรมชาติแห่งความมืดนิรันดร์”
“ท่านรู้ได้อย่างไร” อินหลิวเฟิงงุนงงและประลาดใจ “จะว่าไปแล้ว เมื่อครู่นี้ท่านทั้งสองทำการใหญ่อะไรมาหรือ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซีหวังหมู่ก็เดินเข้ามาและยังจับนายท่านของมันเบาๆ “ท่านไปจัดการพวกเขามาหรือ”
“ใคร” เทพอัสนีได้ยินดังนั้นก็คิดว่าซีหวังหมู่รู้ในสิ่งที่มันไม่รู้ มันจึงมองปฐมราชินีเยี่ยนอย่างอยากรู้อยากเห็น
เยี่ยนอวี๋ “…”
อย่างที่ว่านางมักจะคิดว่าตนเองไม่ได้มีลูกน้อง แต่มีลูกมากกว่า
ซีหวังหมู่ยังเชิดหน้าขึ้นอย่างได้ใจและเหลือบตามองเทพอัสนีท่าทีเหมือนกับกำลังบอกว่า ‘ข้ารู้ทุกอย่าง แต่เจ้าไม่รู้สักอย่าง’
“นายท่าน…” เทพอัสนีทำหน้าน่าเวทนา
เม่ยเอ๋อร์ก็กำลังมองเยี่ยนอวี๋…
เยี่ยนอวี๋เหยียบหางที่ชี้ขึ้นมาของซีหวังหมู่ทันที พูดขึ้นว่า “ไท่เฮ่า เจ้าแม่หนี่ว์วา เซวียนหยวน เทพกสิกรรมและจวนซวี”
ชื่อคุ้นหูทั้งห้าชื่อนี้ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์เงียบ
ซีหวังหมู่เกาศีรษะ คิดในใจว่า พูดไม่ได้ไม่ใช่หรือ
“เกิดอะไรขึ้น” กู้จื่อเฟิงยังคงเป็นคนแรกที่ดึงสติกลับมาได้ “บรรพกาลทั้งห้าท่านนี้ไม่ใช่… ท่านจำผิดหรือไม่ หรือว่าพวกเขาต้องอาคมไปแล้ว”
“แม้จะไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็คือพวกเขาจริงๆ อีกทั้งพวกเขายังมีสติดีมากด้วย” เยี่ยนอวี๋จำเป็นต้องพูดว่านี่คือส่วนที่นางไม่เข้าใจที่สุด นางเองก็ใช่ว่าไม่เคยสงสัยว่าเทพทั้งห้าองค์นี้ต้องอาคมไปแล้ว แต่เมื่อปะทะกับพวกเขาเมื่อครู่นี้ นางมั่นใจมากว่าพวกเขาไม่ได้ต้องอาคม คือพวกเขาคนเดิม
“นี่มัน…”
กู้จื่อเฟิงไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว
อินหลิวเฟิงอดถามไม่ได้ว่า “พูดเช่นนี้หมายความว่าเบื้องหลังของกุ่ยหมู่คือพวกเขา จุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไร แย่งต้าซือมิ่งไปจากกูไหน่ไนหรือ”
คำพูดนี้… ทำให้ซีหวังหมู่อดเหน็บแนมไม่ได้ว่า “อย่าหาว่าข้าพูดมากเลย จวินโฮ่วท่านมีเสน่ห์จริงๆ นายท่านท่านพูดมาตรงๆ เถอะ เพราะว่าหนี่ว์วาชอบจวินโฮ่ว ไท่เฮ่าพวกเขาจึงคิดจะช่วยนางชิงรักหรือ”
เมื่อสิ้นเสียง…
ต้าซือมิ่งพูดไม่ออก เขาตบศีรษะซีหวังหมู่ทีหนึ่งอย่างที่ภรรยาของเขาเคยทำ “คิดแต่เรื่องไร้สาระทั้งวัน”
“ไม่ใช่หรอกหรือ” ซีหวังหมู่ยังเถียง “จวินโฮ่ว อย่าหาว่าข้าพูดมากเลย ต่อไปท่านสวมผ้าคลุมหน้าทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกดีหรือไม่ ปิดบังใบหน้างดงามของท่านไว้เสียหน่อย”
“เห็นด้วย” เทพอัสนีพยักหน้าอย่างจริงจัง
ต้าซือมิ่งรู้สึกจุกพูดไม่ออก ได้แต่หรี่ตามองภรรยาบอกให้นางสั่งสอนลูกน้อง
เยี่ยนอวี๋ลูบลูกน้องทั้งสองและอดหัวเราะไม่ได้ก่อนจะตอบว่า “รูปร่างของจวินโฮ่วพวกเจ้า แม้จะปกปิดหน้าไปก็ล่อผึ้งล่อแมลงมาได้อยู่ดีมิใช่หรือ”
พรวด เอ้อร์เหมาอดหัวเราะไม่ได้ เฮ้อ คุณหนูใหญ่ที่จู่ๆ ขี้เล่นขึ้นมาน่ารักจริงๆ เลย…
ทว่าซีหวังหมู่กลับจริงจังมาก “นั่นน่ะสิ เช่นนั้นทำอย่างไรดี ขังไว้แล้วดูแลให้ดี ดีหรือไม่?”
“พอแล้ว” เยี่ยนอวี๋ที่จับซีหวังหมู่เบาๆ ก็ยิ้มพูดว่า “ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับจวินโฮ่วของพวกเจ้าจริงๆ แล้วก็หากเจอเรื่องเช่นนี้จะโทษจวินโฮ่วพวกเจ้าที่มีหน้าตาดีไม่ได้”
“แล้ว…” ซีหวังหมู่อยากจะพูดต่อ
อินหลิวเฟิงกลับไม่ให้พวกเขาพูดต่อแล้ว “แล้วไม่ใช่เพราะต้าซือมิ่งเป็นที่หมายตา แล้วเป็นเพราะอะไรหรือ”
“ข้าเองก็อยากถาม” เยี่ยนอวี๋พูดพลางมองไปที่สามีที่อยู่ข้างกาย “เจ้าหลอมกระบี่ชิงหยวนไปแล้ว มีเบาะแสอะไรบ้างหรือไม่”
ต้าซือมิ่งลังเลเล็กน้อยที่จะพยักหน้า “อาจจะ ยังคงเกี่ยวกับข้า”
“อะไรนะ?” เอ้อร์เหมาตกใจ “ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิฝูซีชอบท่านหรอกนะ”
เพียะ อินหลิวเฟิงกดศีรษะลูกน้องจอมทึ่มคนนี้ไว้ทันที “ต้าซือมิ่งเชิญท่านพูดต่อ อย่าสนเจ้าคนโง่เสียสติคนนี้เลย”
ต้าซือมิ่งจึงพูดต่อไปว่า “เท่าที่ข้าทำนาย เกี่ยวข้องกับอักษรบิดเบี้ยวเหล่านั้น”
เยี่ยนอวี๋หันไปมองเขาอย่างจริงจัง นัยน์ตาประกายความหวัง
หรงอี้ที่เว้นจังหวะเล็กน้อย เขาก็จับมือของภรรยาค่อยๆ พูดขึ้นว่า “ในความทรงจำบางส่วนที่ข้าฟื้นฟูได้ ‘เห็น’ พวกเขาศึกษาอักษรศักดิ์สิทธิ์กับโลงศพเหล่านั้น และสุดท้ายก็รู้แจ้งถึงอักษรศักดิ์สิทธิ์ที่บิดเบี้ยวนั่น”
“ต้องอาคมหรือ” เยี่ยนอวี๋หรี่ตาลงเล็กน้อย นัยน์ตาปรากฏแสงประกาย เห็นได้ว่าอันที่จริงนางอยากได้ยินคำตอบนี้มาก เพราะว่านี่ก็หมายความว่าการกระทำของไท่เฮ่าพวกเขาอาจจะไม่ได้มาจากเจตนาที่แท้จริงของพวกเขา
ทว่าหรงอี้ส่ายศีรษะ “อย่างน้อยพวกเขาก็เริ่มศึกษาอักษรศักดิ์สิทธิ์หลังจากมีความคิดทรยศเจ้า และเนื่องจากอักษรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ผนึกร่างพลังทำลายล้างของข้าไว้จึงส่งผลเสียกับพวกเขาไม่มากก็น้อย ดังนั้น…”
คำพูดที่เหลือเขาไม่ได้พูดต่อ แต่ทุกคนเข้าใจแล้ว
“ดังนั้นความตั้งใจเดิมของพวกเขาเพียงแค่ไม่อยากให้ข้ากุมจักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจริงๆ หรือ” เยี่ยนอวี๋มองสามีของตนเอง อยากรู้คำตอบที่แน่ชัดมาก
หรงอี้ไม่ได้พยักหน้า เพียงแค่กอดนางเข้ามา “ข้าจะให้เจ้าถามกับปากตนเอง ตอนนี้พวกเราได้แต่คาดเดาไปเอง จับพวกเขาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน”
“จับอย่างไร” ซีหวังหมู่กระปรี้กระเปร่าทันที
“ข้าเดาว่าหลังจากที่พวกเขากลับรังเก่าแล้ว ต้องวางแผนว่าจะฆ่าพวกเราให้ตายอย่างไรแน่นอน กระทั่งอาจจะวางกับดักไว้ในรังเก่า” หรงอี้ตอบอย่างรู้ดี
กู้จื่อเฟิงพูดต่อว่า “เช่นนั้น ตอนนี้ก็ต้องรอดูว่า ‘กับดัก’ ของฝ่ายไหนดีกว่ากัน”
“ใช่แล้ว” หรงอี้พยักหน้า “พวกเขารู้ว่าข้ารู้รังเก่าของพวกเขาแล้ว อีกทั้งยังมีกระบี่ชิงหยวนช่วยเหลือ ย่อมต้องรู้จักถ้ำมืดนิรันดร์นั้นเป็นอย่างดี พวกเขาต้องระวังตัวมากแน่นอน”
ทว่า… จู่ๆ กู้จื่อเฟิงก็เอ่ยขึ้นว่า “จะว่าไปแล้ว เมื่อครู่นี้พวกเขาเหมือนกับว่าคิดจะลอบโจมตีพวกเราด้วย”
“จริงหรือ” เยี่ยนอวี๋ประหลาดใจ “แต่สุดท้ายไม่ได้ลงมือ?”
เฟนเลย์เริ่มพูดเหน็บว่า “ใช่แล้ว ไม่ทันเผยหน้าก็หนีไปแล้ว ไม่รู้ว่าเล่นตลกอะไร หรือว่าเป็นเพราะตกใจกับความน่าเกรงขามของข้าเฟนเลย์นะ”
“คงจะเป็นเพราะสงบสติอารมณ์ได้” หรงอี้ไม่ประหลาดใจเท่าไรนัก “พวกเขาลงมือได้อย่างเด็ดขาดและตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดเมื่อเสียเปรียบ อีกทั้งยังเชื่อใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างมาก สามารถเสียสละชีวิตแทนกันได้”
“มารดามันเถอะ” ซีหวังหมู่ก่นด่า รู้สึกอึดอัดมาก
เพราะว่าคำพูดของหรงอี้ทำให้มันคิดถึงพวกเขาทั้งห้าในอดีตอีกครั้ง และพวกเขาในครานั้นก็เป็นเช่นนี้จริงๆ ดังนั้น คือพวกเขาจริงๆ ด้วย…
เทพทั้งห้าเป็นสหายสนิทที่เคยสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ กระทั่งฝากฝังเทพรุ่นหลังให้ได้
บัดนี้… กลายเป็นศัตรูไปแล้ว
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ซีหวังหมู่เสียใจมาก “ข้ายอมไปสู้ที่แอตแลนดีกว่าเป็นเช่นนี้”
เยี่ยนอวี๋รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน นางยอมเผชิญกับศัตรูที่ไม่รู้จักดีกว่าเผชิญกับการทรยศของมิตรสหาย
แต่ต้าซือมิ่งกลับบีบมือของภรรยาราวกับกำลังคิดอะไร…
เยี่ยนอวี๋เห็นสีหน้าครุ่นคิดของเขาเหมือนกับกำลังสับสนจึงสั่งให้ทุกคนพักผ่อนอยู่ที่เดิมและค่อยหารือแผนการโจมตีเทพทั้งห้าอีกครั้ง
เมื่อทุกคนแยกย้ายไปแล้ว เยี่ยนอวี๋จึงถามขึ้นว่า “สามีเป็นอะไรไปหรือ”
ต้าซือมิ่งที่กอดภรรยาไว้แน่น เขาก็รู้สึกเสียใจ “ยังคงจำไม่ได้”
“?” เยี่ยนอวี๋ที่ชะงักไปครู่หนึ่งก็… เข้าใจแล้ว
ทว่า… สีหน้าของเยี่ยนอวี๋กลับจริงจังขึ้น “หรือว่าร่างพลังของเจ้ายังกลับมาไม่หมด”
“น่าจะหมดแล้ว บางทีอาจจะสมบูรณ์หลังจากนอนหลับสักตื่น” หรงอี้ที่อธิบายขึ้นยังคงลูบคลำคอขาวเนียนของภรรยา
สีหน้าของเยี่ยนอวี๋จึงผ่อนคลายลง “แล้วนอกจากเรื่องของพวกเราแล้ว เรื่องอื่นเจ้าจำได้หมดแล้วหรือ อย่างเช่น เจ้ามาจากไหน”
พรวด ต้าซือมิ่งที่โพล่งหัวเราะออกมาทำให้เยี่ยนอวี๋เงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจทันที “หัวเราะอะไร”
หรงอี้จูบภรรยาเบาๆ “อยากรู้เรื่องนี้นานแล้วใช่หรือไม่ แต่กลับเก็บไว้จนถึงตอนนี้”
เยี่ยนอวี๋จับอะไรบางอย่างได้ “ดังนั้นเจ้ารู้มาตลอด แต่ไม่ยอมบอกข้าหรือ”
เยี่ยนอวี๋ที่ต่อยต้าซือมิ่งทีหนึ่ง นางโมโหเล็กน้อย นางคิดว่าคนๆ นี้จำไม่ได้แม้แต่ตนเองจึงไม่เคยเอ่ยถึง นางจึงไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านั้น
สุดท้าย… เด็กน้อยที่พบว่าท่านพ่อถูกต่อยก็บินเข้ามาแล้ว “อ้ะเนะ?”
เยี่ยนอวี๋อุ้มเด็กน้อยไว้ทันทีและกัดมืออวบอ้วนน้อยๆ ของเด็กน้อยไว้ “แม่ต่อยพ่อเจ้าไม่ได้หรือ” สองพ่อลูกคู่นี้กลายเป็นพวกเดียวกันไปแล้ว
แต่แล้วเด็กน้อยต่อยท่านพ่อเขาทีหนึ่งทันที บอกว่า “เป่า ช่วย แม่”
พรวด เยี่ยนอวี๋หัวเราะทันที จะละลายไปกับความน่ารักของเด็กน้อยคนนี้แล้วจริงๆ
ต้าซือมิ่งรวบตัวภรรยาและเด็กน้อยเข้ามา ยิ้มเล็กน้อยพูดว่า “ไม่เชิงว่ารู้ว่าตลอด แต่ก็จำได้นานแล้วจริงๆ แต่เดิมทีข้าคิดว่าเมื่อข้ารวบรวมร่างพลังกลับมาทั้งหมดและพวกเจ้าสองแม่ลูกกลับไปแล้วจะค่อยบอกพวกเจ้า”
“ที่ไหน” เยี่ยนอวี๋อยากรู้มาก สวรรค์เก้าชั้นฟ้า แอตแลนหรือเทียนอวี่ นางควบคุมทุกๆ ที่ไว้แล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าสามีคนนี้ของนางไม่ได้มาจากมหาจักรวาลทั้งสามแห่งนี้
ดังนั้น…
“ที่ที่ไกลแสนไกล เขาพระสุเมรุ” ต้าซือมิ่งที่เอ่ยชื่อเขาแห่งหนึ่งขึ้น น้ำเสียงเจือความคิดถึง
แต่ว่า… ในขณะเดียวกันเขาก็ขมวดคิ้วขึ้น เพราะเขารู้สึกถึงแรงสั่นไหวจากส่วนลึกของวิญญาณและส่วนลึกของจักรวาลหลังจากที่พูดชื่อที่อยู่ของตนเอง?
นี่มัน…