ตอนที่ 698 กลับบ้าน
หรงอี้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนในดวงตาหลับตาลงทันที
“อ้ะเนะ”
เจ้าตัวน้อยจับดวงตาของท่านพ่อเขาราวกับรับรู้ได้
เยี่ยนอวี๋เขย่งเท้าขึ้นโอบสามีของนางไว้และแตะหน้าผากของนางลงบนหน้าผากของสามี
เพียงแค่ครู่หนึ่ง…
วิ้ง
เยี่ยนอวี๋เห็นดวงตาสีขาวหมอกคู่นั้น นางเบิกตากว้างทันที แต่นางไม่เห็นภาพอื่นใดนอกจาก ‘ดวงตาสีขาว’ คู่นี้เลย
นอกจากนางจะไม่เห็นแล้ว ต้าซือมิ่งเองก็ไม่เห็น ทว่าความปวดแสบปวดร้อนในดวงตาของเขาก็ค่อยๆบรรเทาลง ‘ดวงตาสีขาว’ คู่นั้นหายไปจาก ‘ตรงหน้า’ เขาแล้ว
ทว่าแรงสั่นสะเทือนในหลุมศพรุนแรงขึ้นกว่าเดิมจนสิบสองเทพขุนเขาแทบจะต้านทานไม่ไหวแล้ว
“นิ่ง”
ยังคงเป็นเทียนตี้ที่แสดงบารมีจักรพรรดิออกมาได้ทันกาล ทำให้การระเบิดในหลุมศพหยุดนิ่งลง
“เทียนตี้?”
หยวนสื่อเทียนจุนที่สะบัดแส้จามรีกลับมา เขาก็ตกใจกับเทียนตี้ที่อยู่กับเยี่ยนอวี๋ แสดงว่าเทียนตี้เข้าไปด้วยตนเองตั้งแต่ตอนที่เขารอเทียนตี้อยู่แล้วหรือ
เทียนตี้ที่ได้ยินเสียงของหยวนสื่อเทียนจุน เขาก็ตะโกนขึ้นว่า “ยืนนิ่งอยู่ทำไม รีบมาช่วยสิ”
“พ่ะย่ะค่ะ” หยวนสื่อเทียนจุนที่นานๆ ทีจะตกอยู่ในภวังค์จึงรีบสร้างค่ายกลทันที
เมื่อมีพวกเขาสองคนคอยช่วยเหลือ เยี่ยนอวี๋จึงเบนความสนใจมาถามสามีว่า “สามี เจ้าเป็นอะไรอีกแล้วหรือ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็ถามด้วย “นั่นน่ะสิ เป็น อะไรขอรับ”
ต้าซือมิ่งที่กำลังลูบไล้ระหว่างคิ้วด้วยนิ้วเรียวยาว อันที่จริงเขาเองก็ไม่รู้ ตอบเพียงว่า “ทำที่นี่ให้เสถียรให้ได้ก่อน กลับบ้านแล้วค่อยว่ากัน”
“แต่ว่า…” เยี่ยนอวี๋ค่อนข้างเป็นห่วง
แต่ต้าซือมิ่งโอบภรรยาไว้แล้ว “ตอนนี้ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจ ถือโอกาสตอนที่ข้ายังมีสติ เรามาผนึกที่นี่ก่อนดีกว่า อย่าปล่อยให้ไอมรณะแดนมืดนิรันดร์เล็ดลอดออกไป”
เยี่ยนอวี๋รู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ต้องทำและยังรู้ดีว่าหากปล่อยให้สิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญาข้างในนั้นออกมา สำหรับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแล้วย่อมต้องกลายเป็นความโกลาหลที่ไม่น้อยไปกว่ามหาสงครามเทพและมาร
ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วนางได้แต่พยักหน้ากล่าว “ได้ เช่นนั้นเจ้าดูแลเสี่ยวเป่าให้ดี ข้าและเทียนตี้พวกเขาจะร่วมมือกันผนึกพื้นที่แห่งนี้ไว้”
“ช่วย” เยี่ยนเสี่ยวเป่าบอกว่าเป่าช่วยได้
เยี่ยนอวี๋มองเด็กน้อยน่ารักน่าชัง นางยื่นมือไปหยิกแก้มที่กลมขึ้นไม่น้อย “เจ้าน่ะ ช่วยแม่ดูแลพ่อเจ้าที่นี่ให้ดีก็พอ”
“ขอรับ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าคิดว่านี่คือภารกิจใหม่จึงพูดอย่างจริงจังว่า “แม่… วางใจ…”
เยี่ยนอวี๋อดจูบเด็กน้อยไม่ได้ “เช่นนั้นก็ฝากเสี่ยวเป่าด้วยนะ”
“ฮี่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ้มตาหยีบอกว่า “ขอรับ”
เยี่ยนอวี๋จึงผละออกจากเด็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้าจูบสามีรูปงามของนางก่อนจะไปช่วยเทียนตี้และหยวนสื่อเทียนจุน
เมื่ออินหลิวเฟิงเห็นภาพนี้ก็อดคิดถึงก่อนหน้านี้ไม่ได้ ก่อนหน้านี้ที่เมืองโยวตู ต้าซือมิ่งต้องพยายามเพียงใด กว่าจะได้รอยจูบของกูไหน่ไน แต่ทุกวันนี้…
“รอจนกว่าท้องฟ้าเปิดย่อมเห็นดวงจันทร์” อินหลิวเฟิงส่ายศีรษะทอดถอนใจ
เอ้อร์เหมาไม่เข้าใจ “นายน้อย ชุนซิ่นจวินตกลงปลงใจกับท่านแล้วหรือ”
“ไสหัวไปไกลๆ” อินหลิวเฟิงรู้สึกว่าสักวันหนึ่งตนเองต้องโมโหลูกน้องโง่เขลาคนนี้จนตายแน่ๆ เหตุใดจึงคิดแต่จะจับคู่เขากับผู้ชายคนหนึ่งนะ จะว่าไปแล้วเขาเองก็ไม่เคยเลียบเคียงหนุ่มรูปงามคนใดเสียหน่อย นั่นไม่ใช่ทางของเขา
ขณะที่กำลังคิดเช่นนี้ นายน้อยอินยังเหลือบมองกู้จื่อเฟิงอย่างไม่รู้ตัว ฝ่ายหลังกำลังมองมาทางนี้เพราะคำพูดของเอ้อร์เหมาจึงเห็นสายตาที่แฝงไปด้วย ‘เจตนาร้าย’ ของนายน้อยอินพอดิบพอดี แววตาเขาจึงเคร่งขรึมลงในทันใด
อินหลิวเฟิง “…” ?
นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน โดนปรักปรำชัดๆ
นายน้อยที่อยากจะร้องไห้กำลังจะอธิบายอะไร
ทว่าต้าซือมิ่งเรียกชื่อแล้ว “กู้จื่อเฟิง หลิวเฟิง แล้วก็เอ้อร์เหมา ซีซี ยมราช พวกเจ้ามานี่”
อินหลิวเฟิงเดินขึ้นหน้าด้วยสีหน้าจริงจังทันที “ต้าซือมิ่ง มีอะไรหรือ”
ซีหวังหมู่เกาศีรษะอย่างประหม่า
แม้แต่เทพอัสนียังลอยลงมาจากตัวของเด็กน้อยและไปยืนพร้อมกับทุกคนแล้ว แม้ต้าซือมิ่งจะไม่ได้เรียกมันก็ตาม แต่มันก็ทำตามสัญชาติญาณ
เพราะว่าต้าซือมิ่งในบัดนี้แผ่ซ่านรัศมีผู้เหนือกว่าที่มิอาจมองเห็นได้ออกมารอบกาย ทำให้เทพกลุ่มนี้เคารพนับถือเขาโดยสัญชาติญาณ
แม้แต่เจ้าตัวน้อยเองก็พิงอกของท่านพ่อนิ่งไม่ขยับ เหมือนกับกลัวว่าจะถูกตี…
ทว่าต้าซือมิ่งไม่ได้ตีลูก แต่มองไปที่ท่านแม่ยายและพี่ใหญ่ที่กำลังเดินมาทางเขา
เยี่ยนจื่อเยี่ยยังเอ่ยขึ้นก่อนว่า “น้องเขยเจ้าคิดจะทำอะไรหรือ ข้าและท่านแม่ช่วยเหลือเจ้าได้ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าได้เกรงใจ”
“กำลังจะเอ่ย” หรงอี้กล่าว “พี่ใหญ่และท่านแม่ยายร่วมด้วยน่ะดีเลย”
“เจ้าว่ามา” จางอวิ๋นเมิ่งเอ่ยขึ้นทันที นางเห็นความคืบหน้าผนึกของบุตรสาวและเทียนตี้พวกเขาไม่ค่อยดีนัก เดิมทีก็รู้สึกกังวลอยู่แล้ว ในเมื่อบัดนี้สามารถช่วยอะไรได้ นางย่อมไม่ปฏิเสธการช่วยเหลือ
“ขอรับ” หรงอี้ที่ขานตอบเสร็จแล้วจึงเริ่มพูด “ประเดี๋ยวลูกจะเขียนยันต์ด้วยพลังวิเศษกลางอากาศ เมื่อข้าเรียกชื่อผู้ใด ผู้นั้นต้องยืนบนยันต์ทันที”
“ไม่มีปัญหา” ทั้งเก้าคนแทบจะตอบพร้อมกัน
หรงอี้อุ้มเด็กน้อยลุกขึ้นแล้ว ทว่าเด็กน้อยกลับถามขึ้นว่า “แม่ ให้เป่า ดูพ่อ พ่อ อย่าเล่น มั่วซั่ว จะบาดเจ็บ หรือไม่”
ทุกคนที่เดิมทีกำลังจริงจังเกือบจะหัวเราะพรวดออกมา
ต้าซือมิ่งบีบหน้าอวบอ้วนของเด็กน้อย “ไม่รู้เรื่อง อย่าพูดซี้ซั้ว”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ต่อต้านทันทีบอกว่า “ก็ใช่นี่นา”
ต้าซือมิ่งที่ตีก้นของเด็กน้อยอย่างไม่มีทางเลือกจึงมองจางอวิ๋นเมิ่งพวกเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “ทุกท่านปรับลมปราณก่อน เมื่อเข้าไปในยันต์แล้ว ยังต้องใช้ตบะของพวกท่านช่วยเหลือ”
“ได้” ทุกคนปรับลมปราณของตนเองไปเงียบๆ ทันที
เด็กน้อยแอบตีแผ่นอกของท่านพ่อเบาๆ ท่านพ่อเขาหรี่ตามองเขาทันที เขาจึงรีบชักมือกลับมา นอนนิ่งในอ้อมอกของท่านพ่อทันที
ต้าซือมิ่งที่ไม่ได้ถือสาเอาความเด็กน้อย เขาก็ยกมือขึ้นเรียกพู่กันขนาดใหญ่แท่งหนึ่งออกมา บนนั้นมีแสงประกายที่มิอาจคาดเดาได้ลอยอ้อยอิ่งอยู่รอบๆ ทำให้ผู้พบเห็นดวงตาพร่าพราย
อย่างเช่นอินหลิวเฟิง… เขาเกือบจะตกอยู่ในภวังค์ โชคดีที่เขากำลังปรับลมปราณจึงทนไหว
เด็กน้อยแอบลืมตาข้างหนึ่งมองพู่กันขนาดใหญ่ที่ประกายวิบวับแท่งนั้น “ว้าววว” สวย ดูดีจังเลย
ซู่
ต้าซือมิ่งตวัดพู่กันเขียนยันต์ตัวแรกกลางอากาศอย่างรวดเร็วและสง่างาม
และเมื่อเขาเริ่มเขียน ทำให้หยวนสื่อเทียนจุนที่ ‘เหม่อลอย’ อยู่ทางนั้นหน้าเปลี่ยนสีทันที “จวินโฮ่วกำลังใช้อิทธิฤทธิ์อะไรอยู่นะ รู้สึกว่าเขากำลังใช้กฎมากมาย”
“ใครจะไปรู้ พลังเหนือธรรมชาติเหล่านั้นล้วนพิลึกอยู่แล้ว” เทียนตี้ปากพูดอย่างรังเกียจ แต่สายตากลับจับจ้องท่าทางสง่างามของต้าซือมิ่งโดยไม่กระพริบตา กลัวว่าจะพลาดของดี
ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางย่อมไม่พลาด ‘การแสดง’ ของต้าซือมิ่ง อีกทั้งยังเตรียมตัวอยู่ตลอดเวลา หากว่าสามีนางร่างกายไม่ไหว นางพร้อมจะพุ่งตัวไปรับไว้
ต้าซือมิ่งในครานี้ เขากรีดกรายขีดสุดท้ายของยันต์ตัวแรกเสร็จ แต่ยันต์โบราณนี้ เขากลับสร้างไว้ข้างใต้เท้าตนเอง
“นี่มัน…” หยวนสื่อเทียนจุนยังคงไม่เข้าใจ
ทว่าต้าซือมิ่งเริ่มเขียนยันต์ใบที่สองท่ามกลางความว่างเปล่าด้วยอักษรหวัดอย่างไหลรื่น ทันทีที่ยกพู่กันขึ้น เขาก็ขานชื่อ “ยมราช”
“ขอรับ” ยมราชฟ่านเจียงปรากฏขึ้นทันทีและยืนบนยันต์โบราณตัวนั้น เขารู้สึกเหมือนถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มไว้ ทำให้เขาหลับตาและนั่งขัดสมาธิด้วยสัญญาชาติญาณ
ในขณะเดียวกัน… ต้าซือมิ่งก็เขียนยันต์ตัวที่สามอย่างสง่างามเสร็จแล้ว “เทพอัสนี”
“ขอรับ” เทพอัสนีตอบ
จากนั้น… ต้าซือมิ่งเขียนยันต์เร็วขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เทพอัสนีตอบเสร็จ เขาก็ขานเรียกชื่อคนต่อไปทันที “ซีซี”
“มาแล้ว” ซีหวังหมู่ปรากฏกลางอากาศ
จากนั้น…
“เอ้อร์เหมา กู้จื่อเฟิงพร้อมกัน”
“มาแล้ว ขอรับ”
“หลิวเฟิง ท่านแม่ยายพร้อมกัน”
“ได้”
“ท่านพี่”
“มาแล้ว”
“ปู่จิ่ว”
“ได้เลย”
ยันต์โบราณทั้งแปด ต่อคนสิบคน
ในที่สุดหยวนสื่อเทียนจุนก็รู้แล้ว “ยันต์แปดทิศ”
และความเป็นจริงคือ…
ภายใต้ยันต์ทุกใบบังเกิดค่ายกลอักษรรูนอันลี้ลับทั้งเจ็ดสิบสองออกมาอย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงเท่านี้…
“หยิน”
“หยาง”
ต้าซือมิ่งสังเวยพู่กันขนาดยักษ์ในมือขึ้น ใช้หัวพู่กันเป็นหยางแห่งยันต์แปดทิศ ใช้ปลายพู่กันเป็นหยินแห่งยันต์แปดทิศ เขายังกำหนดสามวิถีและแบ่งออกเป็นหยินหยางสองทาง
จากนั้น… หยวนสื่อเทียนจุนไม่ทันศึกษาได้เข้าใจทะลุปรุโปร่ง ต้าซือมิ่งที่เดินออกมาจากค่ายกลอักษรรูนและเหยียบขึ้นไปบนจุดสูงสุด เขาสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่งทำให้ทุกคนที่รวมถึงจางอวิ๋นเมิ่งลอยขึ้นไปบนอากาศเหนือหลุมศพทันที
“บัดซบ”
สิบสองเทพขุนเขาที่อยู่ไกลออกไปตะลึงงัน เกือบจะคิดว่าจวินโฮ่วของพวกมันกำลังลอบสังหารท่านแม่ยายและท่านพี่แล้ว
เทียนตี้และหยวนสื่อเทียนจุนตกใจพร้อมกัน ทว่า…
“อี้”
ต้าซือมิ่งที่ซัดฝ่ามือใส่ทวยเทพและค่ายกลทำให้ยันต์แปดทิศอินหยางผนึกหลุมศพทั้งหมดไว้อย่างแน่นหนาทันที
สิ่งที่น่ากลัวคือ มันเกือบจะเป็นจังหวะที่ค่ายกลร่วงลงมา
ซู่ ซู่ ซู่…
พลังอันแข็งแกร่งและลี้ลับที่จำลองมาจากค่ายกลเหมือนกับสายฝนที่โหมกระหน่ำบนภูเขา กดขี่ความโกลาหลไม่น้อยอย่างรวดเร็ว
และในครานี้เอง ต้าซือมิ่งไม่ต้องพูดสิ่งใด ทั้งสิบคนที่อยู่บนค่ายกลได้ส่งตบะของตนเองลงไปในอักษรโบราณที่อยู่ข้างใต้เท้าแล้ว
เพียงแค่ครู่หนึ่ง… เยี่ยนอวี๋พวกเขาทั้งสามและสิบสองเทพขุนเขาก็ได้เห็นกับตาว่าหลุมศพที่เดิมทีสั่นไหวไม่หยุดกำลังถูก ‘ปิดกั้น’ อย่างสมบูรณ์
“นี่มัน…” หยวนสื่อเทียนจุนผู้ช่ำชองค่ายกลย่อมดูออกว่าค่ายกลของต้าซือมิ่งล้ำค่าเพราะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย มันสามารถพัฒนาพลังการปราบปรามใหม่ได้อย่างรวดเร็วตามการระเบิดของหลุมศพ
ทว่าต้าซือมิ่งที่เสร็จสิ้นภารกิจนี้ เขาก็เป็นไปตามที่ภรรยาเขาคาดคิด เขาร่วงลงมาพร้อมเด็กน้อยในอ้อมอกแล้ว แต่แล้ว…
“อ้ะเนะ”
เยี่ยนอวี๋ที่เตรียมจะพุ่งตัวไป นางยังไม่ทันไปถึงตัวสามีก็เห็นเด็กน้อยของนางหนีออกมาจากอ้อมอกของท่านพ่อเขาและลอยกลางอากาศรับท่านพ่อของเขาไว้
เจ้าเด็กคนนี้… ทำให้เยี่ยนอวี๋อดยิ้มไม่ได้ นางเข้าไปกอดสองพ่อลูกขึ้นมาแล้ว
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง
วิ้ง
ค่ายกลที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือของซีหวังหมู่และเทพทั้งสิบผนึกข้างในหลุมศพไว้ มันเปล่งประกายแสงสีขาวออกมา
ทว่าในขณะเดียวกัน…
วิ้ง
เยี่ยนอวี๋ที่เพิ่งกอดสองพ่อลูกไว้กลับรู้สึกเวียนศีรษะอย่างอธิบายไม่ถูก
จากนั้น…
“ใต้เท้า”