ตอนที่ 712 สอนภรรยา
“ออกไปซะ”
ตี้จวิ้นที่ถือโอกาสโต้ตอบกลับซัดฝ่ามือใส่ใบหน้าของมารฝูหมัวทันที
เพียะ
มารฝูหมัวถูกตี้จวิ้นซัดโดนอย่างไม่ต้องสงสัย…
แม้มารฝูหมัวจะเหม่อไปเพียงครู่หนึ่งเท่านั้น แต่พลังจากฝ่ามืออันหนักอึ้งของตี้จวิ้นที่โจมตีกลับซัดโดนเขาทันที
ถึงอย่างไรการปะทะกันระหว่างผู้มีระดับตบะเช่นพวกเขา เพียงแค่เสียสมาธิครู่เดียวก็เพียงพอที่จะถูกคร่าชีวิตได้
ครืน
พลังผู้สร้างสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันน่าสะพรึงดังกึกก้อง มันโหมซัดไปที่ทั่วทุกส่วนของร่างกายมารฝูหมัว
เอื้อก…
มารฝูหมัวที่กระอักเลือดขนานใหญ่ออกมาจ้องตี้จวิ้นตรงหน้าเขม็งอย่างดุร้าย กลิ่นอายรอบกายกลับยังคงอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว เพราะว่าพลังระดับผู้สร้างของตี้จวิ้นทำลายล้างเส้นลมปราณในร่างกายของมารฝูหมัวแล้ว
การโจมตีเช่นนี้… แม้จะไม่ได้เอาชีวิตมารฝูหมัว แต่อย่างน้อยก็สังหารเขาไปครึ่งชีวิต
ที่สำคัญคือ… เหล่าทวยเทพที่คอยดูอยู่ข้างล่างตะลึงงัน
“จะว่าไปแล้ว เทียนตี้แข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”
“ฝูซีไท่เฮ่า จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของเจ้าแห่งห้าเผ่าในครานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทียนตี้ในบัดนี้แล้วรึ”
“เทียนตี้เก่งมากเลย สมแล้วที่เป็นเทียนตี้เจ้าแห่งสามโลก”
“…”
ความคิดมากมายผุดขึ้นในจิตสำนึกของเหล่าทวยเทพ ลบล้างเส้นประสาทที่ถูกครอบงำของพวกเขา มหาเทพส่วนหนึ่งถึงกับเอาชนะการครอบงำ มีแนวโน้มที่จะฟื้นสติคืนมาได้ นอกจากนี้ไม่ว่าพวกเขาจะต้องอาคมหรือไม่ พวกเขาล้วนเห็นตี้จวิ้นเป็นจักรพรรดิแห่งสวรรค์โดยสัญชาติญาณ และยังรู้สึกภาคภูมิและมีเกียรติ
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับตี้จวิ้นที่ปกครองสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามาหลายสิบล้านปี ถึงอย่างไรความคิดที่ว่าเขาคือเทียนตี้ก็จารึกไว้ในใจของเหล่าทวยเทพมานานแล้ว แม้มารฝูหมัวจะได้มงกุฎจักรพรรดิไป แต่เขาก็ถูกโค่นล้มในทันที
เพียงเท่านี้… ทวยเทพที่ถูกหลอกลวงจึงลังเลที่จะเดินหน้าต่อตามสัญชาติญาณ
และนี่คือผลลัพธ์ที่ตี้จวิ้นต้องการ ในฐานะที่เป็นเทียนตี้ เขาย่อมไม่ต้องการเข่นฆ่าเหล่าเทพสามัญของตนเอง ทั้งยังเป็นเทพสามัญไร้เดียงสาที่ถูกครอบงำ
หากไม่จนตรอกจริงๆ ตี้จวิ้นไม่อยากทำอะไรพวกเขา ดังนั้นกลยุทธ์ของตี้จวิ้นก็คือการประจันหน้ากับมารฝูหมัวโดยตรง
จุดนี้… เซ่าเฮ่าในบัดนี้เข้าใจแล้ว เขารู้ว่าที่ตี้จวิ้นยั่วโมโหมารฝูหมัวก็เพราะต้องการให้มารฝูหมัวตอบรับการต่อสู้ ไม่อยากให้กระทบเทพสามัญองค์อื่นๆ
มารฝูหมัวเองก็ติดกับดักแล้ว อีกทั้งยังแพ้ด้วย
มารฝูหมัวที่กลิ่นอายรอบกายอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของเขาย่ำแย่ยิ่งนัก แววตาปรากฏกลิ่นอายแปลกประหลาดที่ไม่ใช่ของฝูซีไท่เฮ่าอีกต่อไป
ตี้จวิ้นยิ้นหยัน “ไม่เสแสร้งแล้วหรือ”
มารฝูหมัวที่อันที่จริงไม่อยากเปิดเผยตัวตนในครานี้ สีหน้าของเขาก็ย่ำแย่กว่าเดิม น้ำเสียงกลับสงบนิ่งดี “ตี้จวิ้น ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ร่วมมือกับข้า ฆ่าเจ้าคนแซ่หรง หายนะสวรรค์เก้าชั้นฟ้าคนนั้นเสีย
เจ้าก็รู้ว่าเขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิตสวรรค์เก้าชั้นฟ้า แต่ทันทีที่เขาปรากฏตัวก็ตอแยปฐมราชินีไม่เลิก บัดนี้ทำให้ปฐมราชินียิ่งปล่อยตามอำเภอใจเขา หากไม่กำจัดเขาทิ้ง เจ้าจะวางใจได้หรือ”
“อาจารย์พ่อหน้าด้านไปหน่อยก็จริง เห็นแล้วก็ขัดตา แต่อย่างน้อยอาจารย์พ่อก็เป็นคนเปิดเผยอย่างบริสุทธิ์ใจและยึดมั่นในความเป็นธรรม แต่ท่านเล่า แม้แต่ใบหน้าท่านก็ไม่กล้าเปิดเผย” ตี้จวิ้นยิ้มหยัน “ผู้ที่คิดจะทำลายสวรรค์เก้าชั้นฟ้าคือท่านต่างหาก”
แม้ตี้จวิ้นจะไม่รู้จริงๆ ว่าอาจารย์พ่อผู้หน้าทนหน้าด้านของเขามีพื้นเพที่มาอย่างไร แต่เขาไม่ใช่คนตาบอด อาจารย์พ่อคนนั้นของเขาชอบอาจารย์อย่างเห็นได้ชัด
แต่บุคคลตรงหน้าท่านนี้…
ตี้จวิ้นยิ้มเย็นชา “ข้าเดาว่าท่านคงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของอดีตสวรรค์เก้าชั้นฟ้าสินะ ทำไมหรือ แก่ไม่ยอมตายแล้วยังคิดจะชิงอำนาจจากอาจารย์ของข้า อยากกลับไปเป็นท่านในอดีตรึ”
“โง่เขลา” มารฝูหมัวตะคอก “หากเจ้าดื้อรั้นไม่เปิดใจ คงต้องรอให้เอากระบี่มาจ่อตรงหน้าก่อนจึงจะยอมทำตาม”
ตี้จวิ้นยิ้มหยัน “เช่นนั้นก็ต้องดูว่าท่านมีฝีมือหรือไม่”
“ฮึ…” มารฝูหมัวหัวเราะ “เจ้าดูมืออีกข้างหนึ่งของเจ้าสิ”
ตี้จวิ้นไม่ต้องมองก็รู้ว่ามือของเขากำลังแตกร้าวแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มอง เอาแต่กดมารฝูหมัวไว้อย่างแนบแน่นสุดกำลัง เขารู้สึกได้ว่า… ในร่างกายของมารฝูหมัวมีพลังแปลกพิลึกอยู่ มันแข็งแกร่งมาก แม้แต่พลังระดับผู้สร้างก็ยังไม่สามารถสร้างอิทธิพลต่อมันได้ มันไม่ถูกทำลายแม้แต่น้อย ใจเขาหนักอึ้งทันที
ทว่า…
เยี่ยนอวี๋ในบัดนี้ นางกำลังสัมผัสพลังชนิดนี้ในร่างกายของมารฝูหมัวแล้ว เพราะว่านางที่ยังคงอยู่ใน ‘ความฝัน’ มองเห็นหมอกสีดำกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันเข้ามาจักรวาลดั้งเดิมและยังดูดพลังชีวิตทุกอย่างของจักรวาลดั้งเดิมไปในทันทีตั้งแต่ตอนที่มารฝูหมัวรู้สึกถูก ‘มอง’
เพียงแต่ว่าหมอกสีดำก้อนนี้เพิ่งจะดูดพลังชีวิตของจักรวาลดั้งเดิมก็ถูกแสงสีม่วงอร่ามสีจางๆ ราวกับใยแมงมุมที่หลั่งไหลออกมาจากทั่วทุกมุมของจักรวาลดั้งเดิมจับไว้แล้ว
“โอ๊ย”
หมอกสีดำตะเบ็งเสียงเจ็บปวดเหมือนมนุษย์ออกมา พลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าพิศวงสะเทือนออกมาจากหมอกกลุ่มนั้นทันที มันพยายามหนีให้หลุดพ้นจากการจับกุมของแสงสีม่วง
น่าเสียดาย เหมือนกับว่าแสงสีม่วงจะมีคุณลักษณะการยึดติดที่เหนียวแน่น ติดมันไว้แน่นราวกับแมลงวัน
จากนั้น… เยี่ยนอวี๋ก็ได้ยินเสียงท้าทายอันไม่น่าเชื่อ “เจ้าคนแซ่หรง ข้ารู้ว่าคือเจ้า ยังไม่รีบปล่อยข้าอีก มิเช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าและจักรวาลดั้งเดิม รวมถึงปฐมราชินีนั่นแหลกสลายพร้อมกัน”
น่าเสียดาย…
ต้าซือมิ่งไม่ได้ตอบสนองใดๆ แต่พลังของเขาไม่ได้ปล่อยหมอกสีดำไป
ทำเอาหมอกสีดำนั่นโมโหจนแทบจะระเบิด
ทว่าเยี่ยนอวี๋รู้สึกได้ว่าพลังที่หลงเหลือของสามีของนาง เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถสังหารหมอกสีดำกลุ่มนี้ได้
เยี่ยนอวี๋รู้แก่ใจว่า สามีรูปงามในยามนี้ของนางใช้พลังส่วนใหญ่ไปกับการหล่อเลี้ยงวิญญาณของนาง เขาแบ่งพลังออกมาเพียงส่วนหนึ่งเพื่อ ‘ดูแล’ จักรวาลดั้งเดิมเท่านั้น การจับ ‘แมลงวัน’ ตัวนี้ได้ถือว่าเป็นรางวัลที่คาดไม่ถึงแล้ว
เยี่ยนอวี๋สงบอารมณ์ลง พยายามสัมผัส ‘แมลงวัน’ ตัวนี้ นางเดาว่านี่อาจจะเป็นวิญญาณที่อยู่เบื้องหลังที่ครอบงำไท่เฮ่าพวกเขา
มันต้องแอบหนีในตอนที่สามีนางไม่มีเวลาสนใจมันแน่ๆ
นางต้อง ‘มอง’ ให้ชัดว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ก่อนที่มันจะหนีไป เหตุใดจึงมีผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งเพียงนี้
แต่ว่า…
“เอ๋?” เยี่ยนอวี๋ที่ประหลาดใจพบว่านางเพิ่งจะสัมผัสพลังกลุ่มนั้น นางก็รู้สึกถึงกลิ่นอายอันสง่าอันคลุมเครือล้อมตัวนางไว้
“สามี?” เยี่ยนอวี๋เรียกเบาๆ
ทว่าสิ่งที่ตอบนางมีเพียงความเงียบ
เยี่ยนอวี๋สงบลง ไม่พยายามเรียกสามีนางอีก แต่ปล่อยให้สามีนาง ‘นำทาง’ ปล่อยจิตสัมผัสไปตามหมอกสีดำกลุ่มนั้น
จากนั้น… นางพบว่า… เหมือนกับว่านางได้ความทรงจำส่วนหนึ่งมา?
และจังหวะนั้นเอง มารฝูหมัวที่กำลังสู้กับตี้จวิ้นอยู่นั้นก็รู้สึกเย็นวาบเหมือนถูกมองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง
เพราะว่าเขาถูกมองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วจริงๆ
เยี่ยนอวี๋ได้รับความทรงจำของเขาแล้ว เพียงแค่ครู่เดียว นางก็รู้ว่า…