ตอนที่ 726 แมวเหมียวสีขาว
มาถึงก็เจอเลยทันที ไม่มีใครอื่นแล้ว
จิ่วอิงเหมือนจะพูดไม่ออก อันที่จริงอยากจะต่อสู้นานแล้ว
น่าเสียดาย…
ชิ้ว
สมแล้วที่ชื่อเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ นางหนีไปแล้ว ชั่วขณะที่อวิ๋นเหลียนจู่โจมเข้ามา นางก็หนีเข้าไปในประตูแห่งกาลเวลาแล้ว
ดวงตาทั้งสิบแปดดวงของจิ่วอิงเบิกกว้าง “เฮ้ย”
ไหนที่คุยกันไว้ว่ากินให้อิ่มหนำไง?
นี่มันเที่ยวต่างมิติแค่แวบเดียวนี่นา
มารดามันเถอะ… จิ่วอิงโกรธกริ้ว โกรธกริ้วเหมือนกับอวิ๋นเหลียน
“บัดซบ!”
เสียงเกรี้ยวกราดของอวิ๋นเหลียนดังเข้ามาในประตูแห่งกาลเวลาแล้ว
ไม่เพียงเท่านี้… เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นเหลียนยังกระชากประตูแห่งกาลเวลาขาด พยายามพุ่งเข้าไปไล่ฆ่าเยี่ยนอวี๋
จิ่วอิงเห็นใบหน้าของอวิ๋นเหลียนแล้ว แต่แล้ว…
“ออกไป”
เยี่ยนอวี๋ถีบใส่ใบหน้าของอวิ๋นเหลียน
ตุบ
อวิ๋นเหลียนที่ไม่ทันตั้งตัวถูกถีบกระเด็นอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงอย่างไรแม้เยี่ยนอวี๋จะมาในที่แปลกถิ่น แต่ตบะของนางยังคงแข็งแกร่งไม่ลดลงเลย อวิ๋นเหลียนปฐมราชินียุคที่แล้วคนนี้สำหรับนางแล้วก็เป็นแค่เศษสวะ
โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในประตูแห่งกาลเวลา อวิ๋นเหลียนไม่สามารถใช้กฎดั้งเดิมจักรวาลได้จึงย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยนอวี๋ นางถูกเยี่ยนอวี๋ถีบโดนอย่างจังจนลอยกระเด็นออกไป
“โอ๊ยยย…”
เสียงร้องอันน่าอนาถของอวิ๋นเหลียนดังสะท้อนจากประตูแห่งกาลเวลามายังยุคคุนหลุน ทำเอาผู้แข็งแกร่งในยุคนั้นตกใจ ผู้แข็งแกร่งคุนหลุนมากมายเหินเวหาออกมา เห็นสภาพน่าอนาถของอวิ๋นเหลียนที่ถูกถีบลงจากท้องฟ้าและใบหน้ายังมีรอยเท้า เทพแต่ละองค์ตะลึงงุนงงจนยืนตัวแข็งเหมือนหุ่นไก่ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร พวกเขาตะลึงงันไปหมด ปฐมราชินีของพวกเขา… ถูกถีบหน้า? แม้จะไม่อยากจะเชื่อ แต่ความจริงก็เป็นดังเช่นนี้?
นี่มัน…
คงไม่ใช่ราชินีมารงดงามเผ่ามารท่านนั้นทำหรอกนะ ปฐมราชินีทำไม่ลงจึงถูกถีบใส่หน้าได้?
“อืม…”
เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ตกอยู่ในภวังค์เผยสีหน้าเหมือนจะเข้าใจ เรื่องกินกับความชอบของสวยงาม มันอยู่ในสันดานมนุษย์จริงๆ ปฐมราชินีเองก็ไม่สามารถละเว้นเรื่องทางโลกได้ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร อวิ๋นเหลียนจะโมโหอย่างไร เยี่ยนอวี๋ก็หนีไปไกลแล้ว
จิ่วอิงเพิ่งตั้งสติได้ “เฮ้ย ภรรยาอี้เอ๋อร์ เสร็จธุระแล้วหรือ”
“ใช่” เยี่ยนอวี๋ตอบ
จิ่วอิง “…”
นี่ไม่เหมือนกับที่มันคิดไว้เลยนี่นา มันไม่ใช่ผู้ที่มาร่วมท่องเที่ยวเพียงเดี๋ยวเดียว มันมาเพื่อกินคน เพื่อกินคน ทำไมจึงรวดเร็วเช่นนี้นะ ที่บอกว่าภรรยาตระกูลหรงเป็นตัวเรียกปัญหาเล่า ทำไมไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลยแม้แต่น้อยนะ จิ่วอิงเริ่มสงสัยชีวิตตนเองแล้ว…
เม่ยเอ๋อร์เหลือบมองมัน เตือนว่า “อยู่เฉยๆ”
จิ่วอิงไม่อยากพูด ปิดกั้นตนเองแล้ว อุแว้ๆๆ…
เด็กน้อยกลับยังคงสนุกสนาน “ฮ่า…” ดีจังเลย สนุกจังเลย
เยี่ยนอวี๋จูบแก้มของเด็กน้อยที่ตื่นเต้นมากจนกลายเป็นสีชมพู “เสี่ยวเป่าเก่งจังเลย ช่วยแม่ไว้เยอะเลย”
“ฮ่า” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีใจกว่าเดิม “เป่า เก่งที่สุด”
“เก่งที่สุดจริงๆ” เยี่ยนอวี๋จูบเด็กน้อยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เราจะได้กลับไปดูแลท่านพ่อเจ้าแล้ว ดีใจหรือไม่”
“ดีใจ…” เยี่ยนอวี๋ตอบพลางยิ้มตาหยี และยังชูมือน้อยๆ ของตนขึ้น เมื่อมองไปที่ข้อมือของตนเอง…
เด็กน้อยส่งเสียง “อ้ะ” ออกมาทันที เพราะเขาพบว่าแสงวิบวับบนข้อมือของเขาหายไปแล้ว
นี่มัน… เยี่ยนอวี๋ก็เห็นแล้ว นางยังมองไปที่มือของตนเอง พบว่าของตนเองยังอยู่
เด็กน้อย “…”
เขาเบะปากทำท่าจะร้องไห้
แต่เยี่ยนอวี๋มีลางสังหรณ์ไม่ดี นางกอดเด็กน้อยไว้แน่น “เสี่ยวเป่า จับแม่ไว้แน่นๆ”
“เอ๋?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยังไม่ได้สติ เขาก็จับท่านแม่เขาแน่นด้วยสัญชาติญาณ
แทบจะในเวลาเดียวกัน…
วิ้ง
ประตูแห่งกาลเวลาหายไปแล้ว
จู่ๆ ก็หายไป
เยี่ยนอวี๋เหยียบอยู่กลางความว่างเปล่ามืดมิด
ซู่
พลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงของความว่างเปล่าและกฎแห่งการทำลายล้างต่างมิติจู่โจมเยี่ยนอวี๋และพรรคพวกทันที แต่แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง…
วิ้ง
แสงสีม่วงอร่ามชั้นหนึ่งไหลออกมาจากร่างกายของเด็กน้อย ปกคลุมสองแม่ลูกและเม่ยเอ๋อร์ไว้
จากนั้น…
“อ้ะ”
เด็กน้อยรู้สึกเพียงมีประกายแวววาวมากมายหมุนอยู่ต่อหน้าเขา หมุนจนเขาเวียนหัวและง่วงนอน
เยี่ยนอวี๋ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน นางกอดเด็กน้อยในอ้อมอกไว้แน่นกว่าเดิม
เม่ยเอ๋อร์ที่เกือบจะตั้งสติไม่ได้เนื่องจากอาการเวียนศีรษะ นางก็เห็นเป็นภาพเลือนลางว่ามือของตนเองจู่ๆ ถูกศีรษะข้างหนึ่งของจิ่วอิงคาบไว้
จากนั้น…
ตูม
ทั้งสามคนและจิ่วอิงร่วงลงอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่ครู่หนึ่ง… เยี่ยนอวี๋ที่ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกวิงเวียนอยู่นั้นจู่ๆ ก็รู้สึก ‘มั่นคง’
ส่วนจิ่วอิง ด้วยความหูไวของมัน มันได้ยินเสียงคนแล้ว จากนั้นมันก็รีบกลายร่างเป็นร่างมนุษย์ทันที
ในขณะเดียวกัน…
“ดูสิ”
“พวกเขาเป็นอะไรกันนะ”
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายเกิดปัญหาจึงตกลงมาหรือ”
“มาจากไหนกัน การแต่งกายดูหรูหรามาก คงเป็นคนตระกูลสูงศักดิ์สินะ”
เสียงวิพากวิจารณ์ดังเซ็งแซ่ขึ้นข้างหูเยี่ยนอวี๋ ทำให้นางตั้งสติตนเองก่อนจะมองไปรอบๆ นางเห็นคนจำนวนหนึ่งกำลังมุงดูอยู่ตามคาด
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้ตั้งใจดู แต่คลำหาเด็กน้อยก่อน “เสี่ยวเป่า?”
“อ้ะ?” เด็กน้อยที่ดวงตายังหมุนติ้วอยู่บอกว่าตนเองยังวิงเวียนมาก ท่าทางห่อเหี่ยว
เยี่ยนอวี๋จับเส้นชีพจรของเด็กน้อย เมื่อมั่นใจแล้วว่าเด็กน้อยไม่เป็นอะไรจึงจูบแก้มของเด็กน้อยเบาๆพลางลูบศีรษะของเขา “ไม่เป็นไรแล้วนะ”
เด็กน้อยที่ดูห่อเหี่ยวถูกลูบจนง่วงนอน เขาก็หาวอีกครั้ง ครั้นกำลังจะหลับตานอน ทว่า…
“เมี๊ยววว” เสียงแมวร้องดังขึ้น ในครานี้ เด็กน้อยหันไปมองตามเสียง อยากเห็นว่าตัวอะไรที่กำลังร้องเหมียว
จิ่วอิงเองก็ ‘สะดุ้ง’ มองไปรอบๆ เพราะว่าเขารู้สึกว่าเสียงร้องนี้คุ้นหูมาก ทำให้เขานึกถึงเจ้าเหมียวสีขาวที่เดิมทีต้องมาผ่านด่านเคราะห์กับอี้เอ๋อร์พร้อมเขา
จากนั้นจิ่วอิงก็เห็นแมวสีขาวตัวหนึ่งจริงๆ ฝ่ายหลังเดิมทีนอนอยู่บนไหล่ของสตรีคนหนึ่ง แต่ตอนนี้มันลุกยืนขึ้นเนื่องจากสายตาของเด็กน้อยและจิ่วอิง
เจ้าแมวน้อยมีขนาดใหญ่เพียงฝ่ามือเท่านั้น ดวงตาสีเขียวบริสุทธิ์ดุจธารน้ำ ดูมีชีวิตชีวามาก แวบแรกที่จิ่วอิงเห็น มันก็รู้สึกว่าต้องเป็นเจ้าเหมียวตัวนั้นแน่นอน
“อ้ะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็สดใสขึ้นมาทันที และยังชี้ไปที่แมวสีขาวตัวน้อยนั่น
เยี่ยนอวี๋เองก็เห็นแมวตัวนั้นแล้ว และยังคิดถึงแมวเหมียวตัวน้อยงดงามที่เหมือนกับว่าสามีนางเคย ‘อัญเชิญ’ ออกมาเมื่อครั้นอยู่ตี้ชิว
นางจึงถามจิ่วอิง “แมวตัวนี้เป็นของสามีหรือ”
“อาจจะ…” จิ่วอิงไม่ค่อยมั่นใจ เพราะว่าสายตาที่เจ้าแมวเหมียวมองมาดูแปลกมาก “ไม่รู้ว่าสูญเสียความทรงจำไปแล้ว หรือว่าถูกหลอกอีกแล้ว ไม่เห็นว่ามันจะโถมเข้ามา”
“มันมาไม่ได้” เยี่ยนอวี๋กลับรู้ “ผนึกที่เท้าของมันสกัดกั้นมันไว้”
“แต่สายตานั่นก็แปลกๆ นะ” จิ่วอิงยังคงรู้สึกแปลกอยู่ดี “นอกจากนี้หากเป็นเสี่ยวไป๋จริงๆ ข้าไม่คิดว่าจะมีผนึกอะไรสามารถควบคุมมันไว้ได้ นอกจากว่ามันอยากจะลวงสตรีคนนี้”
“มันชื่อเสี่ยวไป๋หรือ” เยี่ยนอวี๋ถามอย่างประหลาดใจอีกครั้ง “ตามสามีมาผ่านด่านเคราะห์เหมือนปู่จิ่วหรือ”
“เฮ้อ ภรรยาอี้เอ๋อร์ ข้ายังไม่แน่ใจเลยว่าใช่เสี่ยวไป๋หรือไม่ เหตุใดเหมือนกับเจ้ามั่นใจเช่นนี้เล่า” จิ่วอิงรู้สึกประหลาดใจมาก
เยี่ยนอวี๋ยิ้มไม่พูดไม่จา แต่นางกลับเดินไปหาสตรีคนนั้นแล้ว ส่วนเด็กน้อยก็เอาแต่มองแมวเหมียวของฝ่ายตรงข้าม
“แม่นาง” เยี่ยนอวี๋เรียกเจ้าของแมว
ทว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้หยุดเดิน ยังเดินหน้าต่อไปพร้อมหนุ่มข้างกายและสาวใช้อีกสองคน
จิ่วอิงเห็นว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้ยินจึงกระโดดไปข้างหน้าพวกเขา “นี่ เรียกพวกเจ้าน่ะ หูหนวกหรือไง”
คำพูดท้าทายเช่นนี้… ทำเอากลุ่มคนที่เดิมที่กำลังจะแยกย้ายไปแล้วกลับมารวมตัวอีกครั้ง ตำแหน่งมุงดูก็ขยับจากที่เมื่อครู่นี้มาเพียงเล็กน้อย
สาวใช้และบ่าวใช้ที่อยู่ข้างหลังหนุ่มสาวคู่นี้ก็ชักดาบออกมายืนปกป้องข้างหน้าเจ้านาย จ้องจิ่วอิงอย่างโหดเหี้ยม “คนหยาบคายจากไหนกัน กล้าดีมาทำตัวโอหัง คงไม่รู้ว่าที่นี่คือคุนหลุนซวี”
จิ่วอิงที่ไม่รู้จริงๆ ก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา “ปู่จิ่วเจ้าไม่รู้จริงๆ ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่พวกเจ้าไก่อ่อนสองตัวไม่ต้องมาวางมาดแถวนี้ ถอยไปซะ”
“เจ้า…” แม้บ่าวใช้สองคนจะเพิ่งเคยได้ยินคำว่า ‘ไก่อ่อน’ คำนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็เข้าใจว่าหมายถึงอะไร พวกเขาจึงโมโหทันที จะประลองดาบแล้ว
กลุ่มคนดูที่เห็นเหตุการณ์ก็กระตือรือร้นขึ้นมา “นี่จะต่อสู้กันหรือ”
“สู้ไม่ไหวหรอก ที่นี่คุนหลุนซวีเชียวนะ”
“เจ้าดูสิ เขาชักดาบประจันหน้ากันแล้ว ชายผู้ที่ใบหน้ามีรอบบากคนนี้ดูแกร่งมากเลย…”
จิ่วอิงที่ถูกผู้คนกล่าวถึงว่าแกร่ง เขาก็คันไม้คันมืออยากจะต่อสู้แล้ว แต่เยี่ยนอวี๋เดินขึ้นมาห้ามเขาไว้ ในขณะเดียวกันก็มองไปที่หญิงสาวท่านนั้นพูดว่า “ขออภัย คนแก่ในครอบครัวพูดจาตรงไปตรงมาเกินไปหน่อย หากทำให้ขุ่นเคือง โปรดอภัยให้ด้วย
เหตุผลที่เขาบังอาจเสียมารยาทหยุดแม่นางไว้ก็เพราะว่าบุตรชายชอบแมวที่อยู่บนไหล่ของเจ้ามาก อยากถามแม่นางว่าตัดใจให้ได้หรือไม่ หากได้ย่อมมีรางวัลใหญ่ตอบแทน”
เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงสาวที่เดิมทีแอบอยู่ข้างหลังชายหนุ่มเพราะหวาดกลัวปฏิเสธทันที “ฝันไปเถอะ นี่คือของขวัญที่คุณชายอวิ๋นที่สิบสองให้ข้า”
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น…
เสียงวิจารณ์ดังกระหึ่ม
“คุณชายอวิ๋นที่สิบสอง ลูกชายคนเล็กอันเป็นที่โปรดปรานที่สุดของปฐมราชินีคุนหลุน?”