ตอนที่ 729 คนซื่อสัตย์
ทว่าเยี่ยนอวี๋ยังไม่ทันตอบ มีคนในฝูงชนพูดขึ้นว่า “บานปลายก็ดีสิ”
“นั่นน่ะสิ สู้กันเลย” ผู้ชมกินเผือกทั้งหลายต่างสำทับ
“ฮูหยินน้อยอย่าได้กลัว ผู้แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลซั่งกวนอยู่แค่ระดับมหาเทพเท่านั้น ลูกน้องใต้อาณัติทั้งสองของท่านเอาชนะพวกเขาได้สบายๆ” เหล่าผู้คนที่ชอบยุ่งเรื่องผู้อื่นไม่กลัวเรื่องบานปลายยังทำให้เยี่ยนอวี๋รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคือผู้ใด
คุณชายอวิ๋นที่สิบสองสีหน้าเคร่งขรึม ทำท่าจะดุผู้คนที่มุงดู…
เยี่ยนอวี๋กลับลูบเด็กน้อยย้อนถามว่า “ทำให้เรื่องบานปลาย คือความต้องการของคุณชายมิใช่หรือ” นางรู้สึกได้ว่ามีมหาเทพกำลังลงมาจากเหนือเมฆ คงเป็นมหาเทพของตระกูลซั่งกวน
“ฮูหยินน้อยอย่าพูดจาเหลวไหล” คุณชายอวิ๋นที่สิบสองแย้งกลับ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้ตระกูลซั่งกวนเข้าใจผิด
ในขณะเดียวกัน…
ชิ้ว
ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดสีดำขนาดใหญ่ ผู้มาพร้อมกลิ่นอายเซียนปรากฏข้างกายซั่งกวนฉิง รัศมีความเป็นเซียนของเขายังแผ่ซ่านรอบตัว
เมื่อบุคคลคนนี้ปรากฏตัวขึ้น… คนรับใช้ที่เข้าไปประคองซั่งกวนฉิงที่สลบไปก็รีบคุกเข่าทันที “นายท่าน”
ชายวัยกลางคนที่ตกใจจิ่วอิงจนคุกเข่าก็โขกศีรษะลงกับพื้นทันที “นายท่าน ข้าน้อยอ่อนแอ ไม่สามารถปกป้องคุณหนูรองไว้ได้ ข้าน้อยผิดเอง”
คุณชายอวิ๋นที่สิบสองเองก็โค้งตัวขอโทษเช่นกัน “ท่านลุงซั่งกวน เรื่องนี้ข้าน้อยเองก็มีความผิด ข้าน้อยละอายใจที่ไม่สามารถปกป้องฉิงเอ๋อร์ไว้ได้”
“คุณชายสิบสองกล่าวเกินไปแล้ว เจ้าก็คิดไม่ถึงว่าจอมโจรจะอาจหาญไม่กลัวฟ้ากลัวดินเช่นนี้ ริอ่านเหิมเกริมในคุนหลุนซวีอย่างโจ่งแจ้ง ลุงเชื่อในตัวเจ้า” นายท่านตระกูลซั่งกวนกล่าวเสียงดังหนักแน่น
คุณชายอวิ๋นที่สิบสองยังคงโค้งตัวขอโทษ “ข้าน้อยประมาทเอง”
นายท่านตระกูลซั่งกวนโบกมือก่อนจะมองไปที่เยี่ยนอวี๋ “ท่านคงไม่ได้คิดว่าตระกูลซั่งกวนของข้าเพิ่งสูญเสียเทียนอ๋องท่านหนึ่งให้คุนหลุนแล้วจะปล่อยให้ถูกรังแกเช่นนี้ได้หรอกนะ?”
คำพูดนี้… คุณชายอวิ๋นที่สิบสองตากระตุก
และทำให้เยี่ยนอวี๋รับรู้ได้ว่า เหนือเมฆยังมีมหาเทพลงมา ‘จุติ’ แล้ว
จากนั้นยังมีกลิ่นอายอันรุนแรงและลี้ลับ ‘จุติ’ ตามไปด้วย น่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทียนอ๋อง
เห็นทีนางคงเดาไม่ผิด ผู้ดำรงสูงสุดเช่นทวยเทพ เซียน และมหาเทพของที่นี่ส่วนใหญ่แล้วอยู่เหนือเมฆกันหมด
และเหนือเมฆชั้นนี้เห็นได้ชัดว่ามีพลังมิติอันทรงพลังอยู่ ทำให้นางไม่สามารถสัมผัสเข้าไปข้างในได้
ทว่า… เยี่ยนอวี๋ที่หรี่ตาลงเล็กน้อย นางก็เงยหน้ามองนายท่านซั่งกวน “หากข้าจะรังแกท่าน แม้เทียนอ๋องตระกูลท่านยังอยู่ก็ทำอะไรข้าไม่ได้”
นายท่านซั่งกวนผงะเล็กน้อยก่อนจะยิ้มหยัน “อายุยังน้อย แต่ฝีปากกล้านัก เช่นนั้นข้า…”
“มันคือความจริง” เยี่ยนอวี๋ที่พูดแทรกขึ้น นางอุ้มเด็กน้อยยืนขึ้น “ข้าถามอย่างจริงใจกับบุตรสาวของท่านว่าสามารถตัดใจมอบเจ้าแมวให้ข้าได้หรือไม่ นางบอกว่าได้ ให้ข้าแลกกับนางด้วยเด็กน้อย ข้าเห็นด้วย ไม่คิดว่าเพิ่งจะแลกกันเสร็จ นางก็หาเรื่องก่อน”
“ใช่ กล้าดีมาด่าฮูหยินของเรา นางไม่คู่ควร ข้าไม่ตบนางตายถือว่าเป็นบุญแล้ว” จิ่วอิงเสริม “หากไม่ใช่เพราะคำนึงได้ว่านางเพิ่งมาที่นี่ ยังไม่คุ้นเคยดี คนอย่างนางคงตายไปร้อยครั้งแล้ว”
“และถูกสับเป็นเนื้อสับร้อยครั้ง” เม่ยเอ๋อร์เสริม
คำพูดเช่นนี้… ทำเอาซั่งกวนฉิงที่เพิ่งฟื้นโมโหแทบตาย
ทว่าคุณชายอวิ๋นที่สิบสองกลับพูดอย่างเป็นธรรมว่า “ฮูหยินน้อย กล่าวเช่นนี้ไปพวกท่านก็เถียงข้างๆ คูๆเกินไปแล้ว หลังจากแลกเปลี่ยนกันเสร็จ ท่านก็เรียกบุตรของท่านกลับไป คนที่หาเรื่องคือพวกท่านต่างหาก”
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่ได้พูดว่าหลังจากแลกตัวกันแล้วข้าห้ามเรียกบุตรของข้ากลับมา ครานั้นข้าก็ถามแล้วว่าพวกเจ้ามีคำถามอะไรหรือไม่ คุณชายน้อยท่านนี้เป็นคนพูดเองว่าไม่มี” เยี่ยนอวี๋อธิบายอย่างชัดเจน เพื่อแสดงตนว่าที่ทำไปมีเหตุและผล
คุณชายอวิ๋นที่สิบสอง “…”
ตรรกะของโจรแบบนี้ เขากลับไม่สามารถโต้แย้งได้เลย
ที่สำคัญคือใครจะไปรู้ว่าหลังจากตกลงกันแล้วยังสามารถเรียกลูกกลับไปได้ด้วย
นายท่านซั่งกวนโกรธกริ้วจนหัวเราะออกมา “พูดเช่นนี้ หมายความว่าคนผิดคือบุตรสาวข้า นางควรขอโทษเจ้า?”
“ใช่” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า
“เจ้าฝันไปเถอะ” ซั่งกวนฉิงที่ศีรษะปูดเป็นสุกรกรีดร้องขึ้นมา “ท่านพ่อ ท่านต้องคืนความเป็นธรรมให้ลูกนะเจ้าคะ จับจอมโจรเหล่านี้เข้าคุกซะ”
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น…
เพียะ
จิ่วอิงซัดฝ่ามือลงไปต่อหน้านายท่านซั่งกวน เขาตบโดนจมูกและปากของซั่งกวนฉิงอย่างจังจนแตก เลือดไหลออกมา
ไม่เพียงเท่านี้…
จิ่วอิงยังก่นด่าว่า “ลูกผสมเช่นเจ้าไม่สั่งสอนคงไม่ได้ เห็นทีสองทีที่โดนไปเมื่อครู่นี้คงเบาเกินไป ยังกล้ามาด่า มารดามันเถอะ ไม่รู้จักจำเลยรึ”
ทุกคนในเหตุการณ์เงียบงัน “…”
เหล่าผู้ชมกินเผือกบอกว่าแม้พวกเขาจะชอบความครึกครื้น เพราะช่วงนี้พวกเขารู้สึกเบื่อหน่ายมาก แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะเห็นฉากที่ดุเดือดเช่นนี้
ท่านพี่มีรอยบากท่านนี้เก่งกาจจริงๆ
น่าเลื่อมใส ยังกล้าตบซั่งกวนฉิงต่อหน้านายท่านซั่งกวนเช่นนี้
สุดยอด
ยอมแล้ว
ขอกราบบูชา
ดูสิ ทำเอานายท่านซั่งกวนโมโหจนหน้าผิดรูปไปหมดแล้ว
“บัดซบ”
ในที่สุดเหล่าผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในหมู่เมฆก็ปริปากขึ้นเพราะเพิ่งตั้งสติได้
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีใครคิดว่าเพียงแค่มุงดูครู่หนึ่ง คุณหนูตระกูลซั่งกวนก็ถูกตบต่อหน้านายท่านซั่งกวนเช่นนี้ นายท่านตระกูลซั่งกวนไม่มีโอกาสเข้าไปขวางเลยด้วยซ้ำ
เทียนอ๋องที่ซ่อนตัวปรากฏตัวขึ้น พวกเขามีกันทั้งหมดสามท่าน มหาเทพสองท่านและเทียนอ๋องหนึ่งท่าน สถิตลงมาในโรงน้ำชาเล็กๆ ที่ ‘ซอมซ่อ’
คุณชายอวิ๋นที่สิบสองยังกราบไหว้เทียนอ๋องท่านนั้น “ข้าน้อยคารวะท่านทูตโจว”
โจวปิน เทียนอ๋องที่คุณชายสิบสองกราบไหว้พยักหน้ากล่าวว่า “คุณชายสิบสองเกรงใจแล้ว”
เมื่อบทสนทนานี้ดังขึ้น… ฝูงชนระเบิดอีกครั้ง
“ท่านทูตโจว หรือว่าจะเป็นเทียนอ๋องโจวปิน หนึ่งในห้าเอกอัครราชทูตสวรรค์แห่งคุนหลุน?”
“โห นี่ยังไม่ได้เปิดแดนคุนหลุนก็ได้เห็นหนึ่งในห้าเอกอัครราชทูตแล้ว การประลองนี้ไม่เลวเลย”
“เรื่องมันบานปลายไปใหญ่แล้ว ไม่รู้ว่าฮูหยินน้อยผู้งดงามท่านนี้มาจากไหนกัน ลูกน้องยังหยิ่งผยองแข็งกร้าวเช่นนี้”
…
การปรากฏตัวของโจวปินทำให้เหล่าผู้คนตื่นเต้นจนหน้าแดง พวกเขาไม่แทะเม็ดแตงโมกันแล้ว พากันมองโรงน้ำชาที่ ‘ซอมซ่อ’ กลัวว่าจะพลาดฉากสนุกๆ ไป
เถ้าแก่โรงน้ำชาเองก็รู้สึกตื้นตันมาก “ต่อไปโรงน้ำชาของเราตั้งป้ายไว้ให้เห็นด้วยว่าคุณชายอวิ๋นที่สิบสองและเอกอัครราชทูตโจวปินเคยมาดื่มชาที่โรงน้ำชาของเรา”
“นายท่าน เช่นนี้คงไม่ค่อยดี” ผู้ดูแลโรงน้ำชากล่าวตรงไปตรงมา “คนเขาไม่ได้ดื่มชาเสียหน่อย”
“เจ้าทึ่ม” เถ้าแก่ไม่สนใจผู้ดูแล เขาเริ่มวางแผนว่าจะขยายโรงน้ำชาอย่างไรแล้ว
โจวปินในครานี้ เขาเองก็มองจิ่วอิง แต่ยังไม่ได้พูดอะไร
จิ่วอิงถลึงตามอง “ทำไม จะแข่งว่าใครตาโตกว่าหรือ” เช่นนั้นต้องแปลงร่างกลับไปร่างเดิมหรือไม่ เพราะว่าดวงตาสิบแปดดวงได้เปรียบกว่า
“ตบะของท่านไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ก็ต้องรู้ว่าที่นี่คือคุนหลุนซวี” โจวปินเตือนเสียงขรึม
“ข้าเพิ่งรู้แล้วทำไมรึ แล้วจะด่าภรรยาอี้เอ๋อร์ของเราซี้ซั้วเช่นนี้ได้หรือ” จิ่วอิงคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกต้อง เขายืดตัวตั้งตรง
โจวปินยิ้มเย็นชา “ท่านรู้ว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้ คนรุ่นหลังไม่รู้ความย่อมมีผู้อาวุโสในตระกูลสั่งสอน มิใช่ธุระกงการของท่าน”
“ผู้อาวุโสนางปล่อยตามใจนาง แต่ข้าไม่ตามใจหรอกนะ ข้าจะตี จะทำไม” จิ่วอิงพูดพลางยังเดินเข้าใกล้โจวปินก้าวหนึ่ง “เจ้าก็อย่ามาทำตัวแปลกๆ กับข้า วันนี้ข้าขอลั่นวาจาไว้ว่า หากนังลูกผสมนี่ไม่ขอโทษ ข้าจะตีอีก”
“ในเมื่อพูดด้วยดีๆ ไม่ได้ ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ” โจวปินแสดงแววตาโมโห รู้สึกว่าชายผู้มีรอยบากคนนี้เหิมเกริมเกินไปแล้ว จู่ๆ ก็มือคันอยากจะต่อยสักที
ทว่า… เยี่ยนอวี๋เอ่ยขึ้นว่า “ท่านทูตโจวใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว ทำไมหรือ ฮูหยินน้อยจะ…” โจวปินคิดว่าฮูหยินน้อยจะขอโทษ รู้จักวางตัวดี ครั้นกำลังจะเปลี่ยนคำพูด
น่าเสียดาย… เยี่ยนอวี๋พูดแทรกขึ้นว่า “ท่านก็ถือว่าเป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ท่านคิดว่าข้าผิดหรือ” ความหมายโดยนัยคือ พวกเจ้าเล่นลูกไม้อะไร ข้ารู้หมด
โจวปินชะงักเล็กน้อย “ฮูหยินน้อยมีผู้ใดเป็นอาจารย์ มาจากสำนักใด”
“ข้าเป็นผู้ฝึกตนอิสระไร้สังกัด” เยี่ยนอวี๋ลูบเด็กน้อยพลางกล่าว “พวกท่านมาถึงก็จะให้ข้าขอโทษพวกท่านเพียงเพราะข้าเป็นแค่ผู้ฝึกตนอิสระ ไม่มีผู้หนุนหลัง คนซื่อสัตย์เมื่อถูกบีบคั้นสุดทางจะกัดคนเอาได้”
“ใช่แล้ว” จิ่วอิงพูดเท้าเอว ตอนนี้ข้าก็คือคนซื่อสัตย์คนนั้นเอง
การกระทำที่ไร้ยางอายเช่นนี้… ทำเอานายท่านซั่งกวนโมโหจนอยากจะปิดกั้นตนเองแล้ว คนซื่อสัตย์หรือ ฮึ
ถึงอย่างไรนายท่านซั่งกวนที่ทนไม่ได้อีกต่อไปก็ลงมือกับเยี่ยนอวี๋ในทันที เขาถือโอกาสลงมือขณะที่จิ่วอิงยืนข้างหน้าโจวปินและมหาเทพอีกสองท่านกำลังมองเม่ยเอ๋อร์
เขาอยากจะรู้ว่าเมื่อสองแม่ลูกจอมโจรนี้ตกอยู่ในมือของเขาแล้ว ชายหน้ามีรอยบากสมควรตายนั่นยังกล้าโอหังอีกหรือไม่
“มาเถิด!”
นายท่านซั่งกวนที่ตะเบ็งเสียงขึ้นลงมืออยากรวดเร็ว เขาจับจังหวะได้ดีมาก
คุณชายอวิ๋นที่สิบสองหนังตากระตุก คิดว่าตนเองคงห้ามไม่ทัน ซึ่งเขาก็ไม่ได้ต้องการจะห้าม ทว่า…
ฉากที่ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึงเลยได้ปรากฏขึ้นแล้ว
เพียะ
นายท่านซั่งกวนที่ซัดฝ่ามือออกไป เขาตบไม่โดนแม้แต่ชายเสื้อของเยี่ยนอวี๋ เพราะจังหวะที่เขายื่นมือออกมาก็ถูกซัดกระเด็นออกไปแล้ว
ไม่เพียงเท่านี้…
“สิ้นใจแล้ว?”